ระหว่างที่มินตรากำลังอาบน้ำ สมรก็เอาแต่จัดการร่องรอยที่เหลือ เธอก้มลงเก็บเสื้อผ้าของตัวเองรวมถึงของมินตราที่เกลื่อนเต็มพื้น ก่อนจะทิ้งลงในตะกร้าผ้าที่มีชุดเก่าของเมื่อวาน
สมรไม่ได้ใจจืดใจดำถึงขนาดจะให้มินตราใส่ชุดเดิมกลับบ้าน เธอเปิดตู้เสื้อผ้าเพื่อค้นหาชุดที่น่าจะเข้ากับคนที่กำลังอาบน้ำอย่างสบายอกสบายใจ แต่สักพักก็เหมือนนึกอะไรขึ้นได้
"ตายแล้ว! " ก็เธอดันหลงลืมนิราไปเสียสนิท
เมื่อคืนเด็กสาวคงมาหาเธอเพราะไม่มีเสื้อผ้าจะใส่ นี่เธอปล่อยให้แขกนอนโดยใส่เพียงชุดคลุมหรือนี่ คิดได้ดังนั้นก็รีบค้นหาเสื้อผ้าสำหรับนิรา ป่านนี้คงจะไม่กล้าขยับตัวเป็นแน่ แต่สิ่งที่คิดคงจะผิดคาด
'ก๊อก ก๊อก'
เสียงเคาะหน้าประตูทำให้สมรตาโตและลนลานกว่าเก่า เธอมั่นใจว่านั่นจะต้องเป็นนิรา
สมรรีบเดินออกจากห้องแต่งตัวทันที แต่สิ่งที่เห็นกลับทำให้อ่อนแรง
สองสาว มินตรา และนิรา ที่ยังอยู่ในเสื้อคลุมสีขาวสะอาดตากำลังเผชิญหน้ากันอยู่ที่หน้าประตู
"นี่มันอะไรคะ ช่วยอธิบายทีว่าทำไมเล็กมาอยู่ที่นี่" มินตราหันมาเอาเรื่องสมรทันที
สมรก็ทำได้เพียงใจดีสู้เสือก่อนจะเดินไปหาคนทั้งคู่ เธอจงใจปิดปากเงียบเรื่องที่มินตราถาม และส่งเสื้อผ้าชุดใหม่เอี่ยมให้นิรา
"หนูเล็กเอานี่ไปนะ ถ้าหิวก็บอกคุณป้าหน่อย ป่านนี้อาหารคงจะเสร็จแล้ว"
นิราที่ได้ฟังก็ผงกหัวให้อย่างเข้าใจก่อนจะคว้าเสื้อผ้าที่มือสมรมากอดไว้ โดยไม่คิดจะพูดจาใดๆ เพราะรู้สึกถึงอารมณ์ที่มาคุของมินตรา ทางที่ดีควรจะออกจากจุดอันตรายนี้ให้เร็วที่สุด
"เดี๋ยวสิเล็ก! นี่มันเรื่องอะไร ทำไมเล็กถึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่ก่อนหน้าเล็กอยู่กับพี่ตรี" ใบหน้ามินตราเต็มไปด้วยคำถาม และน้ำเสียงที่ดูเอาเรื่อง เล่นเอาคนฟังทั้งสองถึงกับสะดุ้ง
"คือว่า.." นิราพูดออกมาได้แค่นี้ ทั้งยังมองมาที่สมรเพื่อหาตัวช่วย
"หนูกลับห้องไปก่อนเถอะนะ" สมรส่งเสียงบอกนิราอย่างอ่อนใจ เธอจำต้องยุติความคิดที่บานปลายของมินตราเสียก่อน ด้วยการรั้งตัวคนอารมณ์ร้อนเข้ามาภายในห้อง และปิดประตูใส่หน้านิราเสียงดัง
จัดการคนข้างกายเสียก่อนจะดีกว่า เพราะน่าจะอาการหนักสุด สมรคิดแบบนั้น
"นี่คุณป้ากับนิรามีความสัมพันธ์แบบไหนกันคะ" ทันทีที่ประตูปิดลง มินตราก็พ่นคำถามออกมาทันที "แบบเดียวกับมิ้นท์หรือเปล่า" ตอนนี้สติของมินตรากระเจิดกระเจิง คิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้เลย
เธอแพ้นิราเรื่องตรีประดับแล้วครั้งหนึ่ง แล้วหากจะต้องมาแพ้นิราอีกครั้งเรื่องสมรอีก เธอคงจะไม่เหลืออะไรแล้ว
"อย่าคิดอะไรแบบนั้นนะมิ้นท์! ระหว่างป้ากับเล็กไม่มีอะไรทั้งนั้น" เธอเองก็เหลืออดกับอารมณ์ที่ขึ้นๆ ลงๆ ของมินตรา จนต้องเดินกลับไปทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาปลายเตียง และยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม
สมรรู้สึกฝืดเคืองไปทั้งลำคอ ยิ่งคนตรงหน้าคิดเรื่องที่ไม่ควรเป็นไปได้แบบนั้นอีก แค่มีความสัมพันธ์กับมินตรา เธอก็อายตรีประดับจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแล้ว แต่มินตราดันยัดข้อกล่าวหาเรื่องนิราเพิ่มมาอีก
"มิ้นท์ขอโทษค่ะ" มินตราเอ่ยออกมาอย่างสำนึกผิด ก็เพราะดันเผลอแสดงกิริยาไม่น่ารักต่อสมร แถมยังสังเกตเห็นที่ขอบตาสมรกำลังแดงระเรื่อขึ้นราวกับใกล้จะร้องไห้
มินตราตามไปนั่งข้างสมร "มิ้นท์ขอโทษที่เผลอคิดแบบนั้น มิ้นท์แย่จริงๆ ค่ะ ที่ต่อว่าคุณป้า" เธอไม่ควรตัดสินใครก่อนที่จะได้ฟังเรื่องจริง มินตราคิดแบบนั่น "แต่เพราะมิ้นท์คงหวงคุณป้ามากเกินไป" ทั้งยังบอกสิ่งที่อยู่ในใจออกมาอีก
สมรยื่นมือไปสัมผัสที่ข้างแก้มของมินตรา เธอไม่อาจทนต่อสายตาแป๋วๆ ของคนตรงหน้าได้ พลางคิดไปว่าหน้าตาสวยๆ กิริยาน่ารักน่าเอ็นดูแบบนี้ ทำไมตรีประดับถึงไม่รักไม่หลงบ้างเลย "เล็กคงจะอยู่ที่นี่สักระยะ"
มินตราพยักหน้าเข้าใจ ไม่ว่าสมรจะบอกยังไง เธอก็ต้องรับฟัง และไม่ควรจะอยากรู้มากกว่านี้ ถ้าสมรอยากจะให้เธอรู้แค่นี้ แต่มันก็อดไม่ได้อยู่ดี
"พี่ตรีรู้มั้ยคะว่าเล็กอยู่ที่นี่"
"ไม่จ้ะ" สมรรีบบอกออกมาทันที "และหนูมิ้นท์ ห้ามบอกเรื่องนี้กับยัยตรีเด็ดขาด"
สายตามินตราหลุบต่ำลง "การที่เล็กอยู่ที่นี่คงเป็นเรื่องสำคัญที่บอกใครไม่ได้"
สมรจึงถอนหายใจออกมา "ป้าจะบอกความจริงให้ก็ได้" เธอยอมเล่าเรื่องทุกอย่างในสิ่งที่ตรีประดับทำกับนิรา "เล็กยังอยู่กับยัยตรีเพราะพี่ชายติดหนี้ไว้น่ะ" เธอไม่ได้ลงรายละเอียดมากนัก เพราะไม่อยากให้ลูกสาวดูแย่ในสายตาใครต่อใคร "แต่ตอนนี้คงไม่จำเป็นต้องอยู่ด้วยกันแล้วล่ะ เพราะ.." สมรเลื่อนไปสัมผัสหลังมือมินตรา "เพราะมีหนูมิ้นท์ ป้าก็เลยจะชดใช้เงินส่วนนั้นแทนเพื่อแลกกับอิสระของเล็ก หนูมิ้นท์กับยัยตรีจะได้รักกันแบบไม่ต้องมีอุปสรรค"
มินตรานิ่งเงียบไป ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองสมร "คุณป้าคิดว่าเล็กเป็นอุปสรรคเหรอคะ ไม่คิดว่าพี่ตรีทำกับเล็กเกินไปหน่อยเหรอคะ"
"ทำไมอยู่ๆ ถึง.."
"มิ้นท์เข้าใจทุกอย่างแล้วค่ะ ที่แท้พี่ตรีก็มีผู้หญิงไว้เป็นของเล่น และคุณป้าคงจะยื่นข้อเสนอให้เล็กหายไปจากพี่ตรีเพื่อให้มิ้นท์กับพี่ตรีได้รักกัน มิ้นท์คิดถูกมั้ยคะ" สมรได้แต่เงียยไม่ตอบ "คุณป้าไม่สงสารเล็กบ้างเหรอคะ ที่ถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมา เหมือนคนไม่มีค่า"
"แต่ที่ป้าทำ ก็วินวินทุกฝ่าย เล็กเป็นอิสระแถมยังจะไม่มาทำให้ชีวิตของหนูกับยัยตรีบาดหมางกันอีก"
"มิ้นท์เคยขอให้คุณป้าช่วยเรื่องนั้นเหรอคะ"
สมรสูดหายใจเข้าจนแทบจะเต็มปอดเพื่อให้ใจเย็นลง "ป้าทำหน้าที่แม่ ทำเพื่อยัยตรี"
"เป็นแม่ที่ดีจังเลยนะคะ แล้วทำไมไม่ทำหน้าที่เมียที่ดีด้วยล่ะคะ" บอกออกไปแค่นั้นก็คว้าไหล่สมรแน่นด้วยสองมือก่อนจะดันลงให้นอนราบไปกับโซฟา
"อย่านะมิ้นท์ อย่าทำแบบนี้! " เธอหลับหูหลับร้องออกมาสุดเสียง เพราะรู้ว่าภัยเริ่มใกล้ตัว
ใบหน้ามินตราใกล้สมรไม่ถึงคืบ "มิ้นท์ไม่ทำอะไรหรอกค่ะ"
สมรจึงค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้น แต่ยังไงท่านั่งของพวกเธอก็สุ่มเสี่ยงเกินไป
สมรเอาแต่จ้องมินตราเขม็ง
"ทำไมต้องผลักไสให้มิ้นท์ไปรักกับพี่ตรี ทั้งที่คุณป้าก็รู้ ว่ามิ้นท์รัก.."
"มันเป็นไปไม่ได้ไง" สมรบอกออกมาก่อนที่มินตราจะพูดจนจบประโยค "เรารักกันไม่ได้" ทั้งยังบอกซ้ำอีก
"เรามีอะไรกันสองครั้งแล้วนะคะ คุณป้าไม่หวั่นไหวบ้างเลยเหรอคะ" มินตราถามเสียงอ่อน ทำให้สมรไปไม่เป็น
มินตราเชื่อว่าการที่ใครสักคนจะยอมมีอะไรกับคนคนหนึ่ง มันต้องมีความรู้สึกดีๆ อยู่ในนั้นบ้างล่ะ และเธอก็ไม่ใช่คนที่จะมีอะไรกับใครไปทั่ว โดยปราศจากความรัก
"ป้าไม่อยากผูกมัดกับใครตอนนี้" สมรบอกออกมาโดยไม่มองหน้า มินตราจึงยอมคลายมือที่กดไหล่สมร และลุกขึ้นนั่ง สมรเองก็รีบลุกขึ้นนั่งเช่นกันทั้งยังจงใจกำชายเสื้อให้ปกปิดร่องอกตัวเอง ก็กลัวว่ามินตราจะเปลี่ยนใจขึ้นมา
ตอนนี้ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มินตราไม่ปริปากพูดสักคำ
สมรเริ่มรู้สึกถึงความอึดอัด เธอจึงแสร้งยกเรื่องกุมารทองขึ้นมาทำลายความเงียบ "อัครเดช มาหาแม่เหรอลูก ทักทายพี่มิ้นท์สิ"
มินตราหันมามองหน้าเธอทันที แต่ไม่ใช่ด้วยสีหน้าตื่นกลัวเหมือนเมื่อคืน
"ไม่ต้องกลัวนะ น้องคงอยากเล่นด้วย" สมรยังไม่หยุด เพราะสีหน้ามินตรายังคงดูโกรธเคือง เธอจึงหยิบยกเรื่องนี้มาสานต่อ
"กลางวันแสกๆ มิ้นท์ไม่กลัวผีหรอกค่ะ" บอกแค่นั้นก็ลุกขึ้นเดินตรงไปยังตะกร้าผ้า เพื่อควานหาชุดขาดๆ ของตนเองเมื่อคืน ซึ่งทุกอย่างอยู่ในสายของสมรตลอด เธอจึงได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเสื้อผ้าตัวเอง และกลับมาทางมินตรา
"นี่ชุดใหม่ทั้งหมด ใส่ตัวนี้กลับบ้านเถอะ ที่อยู่ในตะกร้าน่ะ สภาพดูไม่ได้เลย" มินตราเพียงยื่นมือมารับไม่ได้หันมาสบตาเธอ และเดินเข้าห้องน้ำไป
"มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณมิ้นท์" เสียงนุ่มๆ ออกจากปากชาญชัย เลขาคนสนิทของตรีประดับ ก่อนที่เขาจะเชิญให้มินตรานั่งลง "รับโกโก้ร้อนสักแก้วมั้ยครับ"
"ขอบคุณมากค่ะ แต่ไม่เป็นไร มิ้นท์คุยไม่นาน"
"งั้นมีอะไรว่ามาเลยครับ"
"มิ้นท์จะใช้หนี้ให้เล็กค่ะ" บอกแค่นั้นก่อนจะหยิบสมุดเช็คขึ้นมาเตรียมจะเขียน "แค่อยากทราบยอดเงินทั้งต้นทั้งดอกค่ะ"
"เดี๋ยวๆ นะครับ คุณตรีทราบหรือเปล่าเรื่องที่คุณมิ้นท์กำลังจะทำ"
"พี่ตรีไม่รู้เรื่องนี้ค่ะ และมิ้นท์ทำเพื่อตัวเอง" เธอบอกออกไปแบบนั้นเพื่อไม่อยากให้เขาเซ้าซี้
เลขาชาญชัยเพียงพยักหน้ารับรู้แค่นั้น "ขอผมเช็กยอดเงินสักครู่ครับ" เขาบอกก่อนจะเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบแฟ้มสัญญาออกมาอ่านทวน
"แต่มิ้นท์อยากให้เรื่องนี้เป็นความลับค่ะ มิ้นท์ไม่ต้องการให้ใครรู้ว่ามิ้นท์เป็นคนใช้หนี้แทนเล็ก"
"ครับ ผู้ไม่ประสงค์ออกนามหนึ่งท่าน"
"พี่ตรียังติดประชุมอยู่ใช่มั้ยคะ" ก็เพราะมาก่อนเวลา เธอจึงต้องถามออกไปตามมารยาท การที่จะพรวดพราดไปตอนนี้คงไม่งามนัก
เขาชำเลืองมองนาฬิกาเพียงนิด "ป่านนี้คงจะเสร็จแล้วล่ะครับ เชิญรอที่ห้องทำงานได้เลย" เขาบอกไปแบบนั้น เพราะรู้ดีว่าเช้านี้ไม่มีการประชุม ที่ตรีประดับบอกมินตราไปแบบนั้น คงตั้งใจจะเลี่ยงการพบเจอ แต่จะให้คนมาก่อนเวลารอนานเป็นชั่วโมงก็ดูจะใจร้ายไปเสียหน่อย เขาคิดแบบนั้น ก็อย่างน้อยผู้ไม่ประสงค์ออกนามคนนี้ก็เอาเงินมาให้เจ้านายตัวเอง คงต้องบริการอย่างดี
มินตราเดินเข้ามาภายในห้องทำงานของตรีประดับ
"มาแล้วเหรอคะ" เจ้าของห้องเอ่ยทักขึ้นทันที ทั้งยังเดินมาทางเธอ "ออกไปข้างนอกกันมั้ย" วันนี้ตรีประดับดูใจดีเกินไป จนเธอเกือบจะหลงระเริง
"วันนี้ไม่สะดวกค่ะ ไว้โอกาสหน้าดีกว่า" มินตรารีบตัดบททันที
"อ้อ.. แล้วนัดพี่แต่เช้า มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ" ใบหน้ามินตราที่ดูตึงเครียดทำให้ตรีประดับต้องปรับโหมดตัวเอง ทั้งยังรวบเอวมินตราเพื่อให้ตามไปนั่งด้วยกันที่โซฟา
"มิ้นท์มาไม่นานค่ะ แค่จะพูดเรื่องที่ต้องการ แล้วก็จะกลับค่ะ" ไม่บอกเปล่า ยังขืนตัวไว้ ไม่ได้เดินตามที่ตรีประดับชักจูง "เราเลิกกันเถอะค่ะ"
"คะ? "
"เราเลิกกันเถอะค่ะ" มินตราย้ำบอกในสิ่งที่ต้องการ
ฟากตรีประดับเองก็เหมือนช็อกในสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็เพียงแค่ชั่วอึดใจเดียว เธอหันมาทางมินตรา "ค่ะ ถ้าน้องมิ้นท์ต้องการแบบนั้น" ตรีประดับไม่ถามถึงสาเหตุ ทั้งยังไม่เหนี่ยวรั้งคนตรงหน้า
มินตราก็ไม่ได้อยากจะอธิบายความต้องการ และออกจากห้องไป
ทันทีที่เดินออกจากตรีประดับ สมองมินตราสว่างโล่งไปหมด แต่มันเป็นไปในทางที่ดี ไม่มีเรื่องต้องให้เสียใจในตอนนี้ ทั้งที่ควรจะเป็น
เพราะ เธอกำลังหลุดพ้นสิ่งที่หนักอกหนักใจ
ต่อไป คงต้องให้คนอื่นเหนื่อยอ่อนบ้างแล้ว
ไม่ทันที่มินตราจะออกจากห้องของตรีประดับไปได้นาน
"คุณสมรมาค่ะ"
"ให้เข้ามาได้"
สมรไม่ได้มามือเปล่า เธอมาพร้อมกล่องข้าว และจงใจนั่งลงที่โซฟา "มาทานสิ เห็นเลขาบอกว่าลูกยังไม่ได้ทานอะไรตั้งแต่เช้า" ไม่รอช้า คนแม่เรียงทุกอย่างเต็มโต๊ะ
ตรีประดับไม่ได้พูดอะไร เธอถอนหายใจออกมาเสียงยาวยืด ก่อนจะลุกขึ้นยืน และเดินมาทางสมร
"แม่ทำเองทั้งหมด ของโปรดลูกทั้งนั้น"
ตรีประดับนั่งลงข้างคนแม่ และจ้องหน้าสมรไม่วางตา
"ท ทำไมจู่ๆ มาจ้องหน้าแม่แบบนี้ล่ะ" การที่ตรีประดับทำหน้านิ่งๆ ใส่ มันน่ากลัวกว่าการถูกดุอีก สมรคิดแบบนั้น
ตรีประดับจึงละสายตาจากคนแม่ และมองไปยังอาหารที่เรียงรายแทน "นิราหายไป และมินตราเพิ่งจะมาบอกเลิกตรีเมื่อกี้นี้เอง"
สมรคิ้วขมวดอย่างใช้ความคิด ก่อนจะแตะไปที่ไหล่ลูกสาว เธอรู้แทบทุกเรื่อง ทุกที่มาที่ไป แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้ ได้แต่ขยับไปใกล้ลูกสาวมากกว่าเดิม แถมยังโอบกอดแน่นกว่าเก่า
การที่เอาแต่จมปรักเรื่องเศร้า อาจทำให้ลูกสาวซึมเศร้าได้ เธอจึงต้องชวนเปลี่ยนเรื่อง "ทานเยอะๆ นะ ลูกซูบไปเยอะเลย"
"คุณแม่ยังเป็นเหมือนเดิมเลยนะคะ"
"เอ๊ะ! ยังไง"
"ก็แม่มักจะมาตอนที่ตรีมีเรื่องเครียด และจะทำให้ตรีเครียดกว่าเดิม"
"ในเวลาแบบนี้ แม่ก็ควรจะอยู่กับลูกไม่ใช่รึไงเล่า" สมรหน้ามุ่ยบอกออกมา "น่าน้อยใจจริงๆ "
"ก็คุณแม่ควรจะเอาเวลาไปทำเรื่องที่เป็นประโยชน์กว่านี้" น้ำเสียงนี้ไม่ได้จริงจังนัก กลับดูเหมือนก่อกวนด้วยซ้ำ
"จะไล่กันใช่มั้ยเนี่ย" สมรหันมาทำตารื้นๆ ใส่
"หยุดเลยนะคะ ห้ามร้องไห้" และตรีประดับก็รู้ทันคนแม่ไปแทบทุกเรื่อง
"ฮึบ" สมรจึงได้แต่ส่งเสียงฮึบออกมาเพื่อจงใจกลั้นน้ำตา ก่อนจะเงยหน้าขึ้น "ทำไมต้องไล่ด้วย" ทั้งยังส่งเสียงออกมาราวกับเด็ก
"แม่คะ เลิกเล่นได้แล้ว"
สมรจึงก้มลงดังเดิม "เย็นนี้ไปทานข้าวกันมั้ย ร้านประจำของลูก"
"ไปที่บ้านคุณแม่ดีกว่าค่ะ"
สมรตาโตทันที "ไม่ได้! " ก็หากทำแบบนั้น เธอได้ซวยแน่ๆ "อ้อ ลืมไปเลยว่าแม่มีเรื่องต้องทำตอนเย็น" เธอลุกขึ้นยืนเพื่อเตรียมจะชิ่งหนี "ไว้สักเดือนหน้าค่อยเจอกันนะ" บอกแค่นั้นก็รีบวิ่งออกจากห้องไป ทิ้งให้ตรีประดับได้แต่งงกับท่าทางประหลาดของสมร
แน่นอนว่าสมรไม่มีธุระยามเย็นเหมือนที่บอกออกไป แต่แค่ต้องการจะเลี่ยงไม่ให้ลูกสาวตามกลับบ้าน
วันนี้มีผู้ไม่ประสงค์ออกนามร่วมใช้หนี้ให้นิราถึงสองคน แน่นอนว่าคนแรกคือ มินตรา และอีกคนจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากสมร เพราะทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนิรา
สมรยังคงใช้ชีวิตตามปกติ เพิ่มเติมคือมีนิราอยู่ข้างๆ ราวกับเป็นลูกสาวอีกคน
"ทำแบบนั้นไม่ได้ มันอันตราย" สมรจิ้มไปบนนิ้วของนิราที่กำลังกำคอมีดแทนที่จะเป็นด้ามจับ ก่อนจะหันหลังให้เพื่อจะเลือกมีดหั่นและกลับไปหานิราอีกครั้ง เธอยกมีดในมือขึ้น พร้อมกับวิธีจับที่ถูกต้อง นิราจึงทำตามอย่างว่าง่าย
"ใช่ แบบนั้นแหละ" เธอชมคนตรงหน้า ก่อนจะยื่นมือไปคว้าเขียงที่ถูกต้อง และเลื่อนไปตรงหน้านิรา "จะหั่นผัก ควรจะใช้เขียงพลาสติก ส่วนเขียงไม้ที่หนูใช้น่ะ มันเหมาะกับพวกเนื้อสัตว์มากกว่า" บอกแค่นั้นก็หันกลับไปสนใจกับอย่างอื่นต่อ
"คุณป้าทำอาหารเก่งจังเลยนะคะ"
"ความสามารถพิเศษน่ะ นอกเหนือจากการแสดง" สมรหันมาบอกอย่างโอ้อวด พร้อมกับตักน้ำซุปจากในหม้อขึ้นมาเป่า เพื่อลองชิมเพียงนิด และส่งมันให้นิราบ้าง "ชอบรสนี้หรือเปล่า"
นิราจึงก้มลงทำท่าจะเป่า
"ชิมได้เลยจ้ะ ป้าเป่าให้แล้ว"
นั่นจึงทำให้นิราไม่ลังเลที่จะชิม "อื้อ.. หนูว่าอร่อยแล้วค่ะ"
"จริงเหรอ ป้าว่ามันยังอ่อนไปนิดสำหรับยัยตรี" พร้อมกับหันไปปรุงเพิ่ม แต่สักพักก็ปิดเตา วางทัพพีลง และหันกลับไปหานิรา "ป้าขอโทษ" เธอยกมือประสานกันและจงใจวางไว้ที่ปลายคางตัวเองอย่างสำนึกผิด "ไม่น่าพูดถึงยัยตรีเลย"
"ไม่เป็นไรค่ะ รสชาติแบบที่พี่ตรีชอบทาน หนูก็ชอบเหมือนกัน"
"จริงเหรอ" สมรยิ้มออกมาทันทีอย่างโล่งอก
ตอนนี้ทั้งคู่ต่างช่วยกันทำอาหารอยู่ภายในครัวด้วยความขะมักเขม่น ซึ่งระหว่างการทำอาหาร สมรดันถูกขัดจังหวะ
"คุณสมรคะ โทรศัพท์จากผู้จัดละครค่ะ"
"เอ๊ะ! อะไรอีกเนี่ย" สมรกลอกตาใส่โทรศัพท์ไร้สายในมือแม่บ้าน "ละครก็จบไปนานแล้ว ยังไม่เลิกไม่ลากับฉันอีก" เธออดไม่ได้ที่จะบ่น แต่สักพักทั้งแม่บ้านและสมรเองก็ต้องพากันสะดุ้งรู้สึกตัว เพราะคนโทรมายังถือสายรอ ก็กลัวว่าจะมาได้ยินสิ่งที่สมรเผลอพูดออกมา
"ให้บอกว่ายังไงดีคะ" คุณป้าหน่อยหรือแม่บ้านประจำเอ่ยออกมาอย่างเข้าอกเข้าใจกัน
"ติดธุระสำคัญ เดี๋ยวจะรีบโทรกลับ" สมรบอกออกไปด้วยเสียงกระซิบ และคุณป้าหน่อยก็จัดให้ตามคำขอ
"ฟู่ววว ตื๊อจริงๆ " บ่นออกมาอีก ก่อนจะหันกลับไปสนใจกับเรื่องเดิม
"ทำไมถึงไม่คุยล่ะคะ"
"คงจะเชิญไปออกรายการทีวีน่ะ"
ก็หลายวันที่ผ่านมา สมรเอาแต่พูดเรื่องละครที่เพิ่งจะจบไปกับนิรา ซึ่งอันที่จริงนั้นปิดกล้องไปหลายเดือนแล้ว แต่ดันมีฉากหลายฉากเพิ่มเข้ามาให้ต้องถ่ายซ่อม และไม่จบแค่นั้น ยังมีการเดินสายโปรโมท แถมต้องออกรายการต่างๆ อีก
วงการบันเทิงไทยเปลี่ยนไปแล้วในความรู้สึกของสมร และเธอไม่อยากจะทำเรื่องแบบนั้น เพราะชอบการแสดงเป็นตัวละครอื่นหน้ากล้องมากกว่าต้องคอยตอบคำถามหน้าสื่อในเรื่องส่วนตัว
"มันก็ดีไม่ใช่เหรอคะ คนอื่นจะได้รู้จักคุณป้าเพิ่มขึ้นอีก แถมได้เงินอีก"
"เรื่องเงินไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับป้านะ ดีซะอีก หากอยู่บ้านเฉยๆ ยัยตรีก็จะเพิ่มเงินเดือนให้" สมรบอกออกมาแบบนั้น แต่ไม่ได้ดูภูมิใจเลยสักนิด "ส่วนเรื่องงาน ถ้าไปออกรายการหรือโชว์ตัว ก็คงจะต้องพูดถึงบทบาทการแสดงที่ผ่านมาแล้ว ซ้ำไปซ้ำมา คำถามเดิมๆ มันน่าเบื่อ จบไปแล้วก็ควรจะเริ่มใหม่ว่ามั้ย"
"นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักแสดงต้องการเหรอคะ การที่มีคนให้ความสนใจน่ะ"
นั่นสิ เป็นดาราก็ต้องอยากดัง และก็ต้องเป็นที่สนใจ ถึงจะสมบูรณ์
หลังจากมื้ออาหารจบลง สมรก็รีบปลีกตัวเข้าห้องนอนทันที และต่อสายกลับไปยังผู้จัดละคร
'คุณติ้กเหรอคะ นี่พี่สมรเองนะ ที่โทรมาเมื่อเช้ามีเรื่องด่วนรึเปล่าคะ' น้ำเสียงสมรดูนอบน้อม
'ปกติหนูมิ้นท์จะไปไม่ใช่เหรอคะ'
'แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะ'
'ค่ะ ค่ะ แล้วเจอกัน'
สมรวางโทรศัพท์ลงบนเตียง โดยปกติแล้วมินตราจะไม่พลาดเรื่องการเดินสายโปรโมทงานละคร ต่างจากเธอที่เอาแต่ปฏิเสธทุกครั้ง โดยระยะหลังก็เหมือนจะเป็นที่รู้กันว่างานพวกนี้จะไม่มีสมร
แต่วันนี้มินตรากลับปฏิเสธการออกงาน และในฐานะนักแสดงนำอีกคนหนึ่ง สมรจึงจำต้องทำหน้าที่ และเลิกเอาเปรียบมินตราได้แล้ว