บทที่ 9 ยืนได้อย่างมั่นคง
เดือนมีนาคมต่อเดือนเมษายเป็นช่วงที่อากาศร้อนจัด ไม่มีฝนตกลงมาแม้แต่ครั้งเดียว น้ำประปาที่เคยไหลเป็นปกติเริ่มกระปริบกระปรอยและบางครั้งหยุดไหลติดต่อกันหลายวัน โอ่งมังกรใบเก่าที่เรียงกันอยู่หลังบ้านช่วยให้ผมมีน้ำรดไม้ดอกที่ทำท่าจะไม่รอดแดด บ้านอื่นๆในโคชนะก็ประสบปัญหาทำนองเดียวกันโดยเฉพาะหมู่บ้านจัดสรรสองแห่งของป้าเพ็ญที่ลูกบ้านใช้น้ำจากแท้งค์ใหญ่ที่ต่อท่อจ่ายไปยังบ้านแต่ละหลัง
แต่ที่บ้านปานไม่มีปัญหาเพราะเขามีบ่อน้ำ
ปลายเดือนเมษายนพี่ภูษิตโทรศัพท์มาคุยกับผมว่าสถานีโทรทัศน์โฟร์ตี้นิวส์จำเป็นต้องเพิ่มรายการบันเทิงและวาไรตี้เพื่อความอยู่รอด ซึ่งอาจทำให้ทีมงานสารคดีของเขาต้องกระจัดกระจายแยกย้ายไปหางานใหม่หากไม่สามารถทำตามแนวคิดของผู้บริหารได้
“ยิ่งช่วงนี้คนอยู่บ้านเก็บกดกับมาตรการป้องกันโรคระบาด นายใหญ่เขาเลยจะหาหนังตลกมาฉายคลายเครียดหลังข่าว แผนงานอะไรที่วางไว้ก็ต้องเก็บเข้าลิ้นชักไป คงไม่ได้เอากลับมาทำที่ช่องนี้ เอกช่วยบอกผู้ใหญ่แกด้วยว่าพี่พยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่มาโชคร้ายตรงที่มีโควิด ก็กระเทือนกันทุกวงการแหละอย่าว่าแต่สนามมวย สนามชนไก่ สนามวัวลานอะไรนี่เลย”
ผมรับปากพี่ภูษิตและให้กำลังใจเขาก่อนวางสาย
ต้นเดือนมิถุนายนรายการ “สิบแปดนาทีทั่วไทยกับภูษิต” ถูกย้ายเวลาจากช่วงหัวค่ำไปอยู่ห้าทุ่มครึ่งและเปลี่ยนเวลาออกอากาศจากวันจันทร์ พุธ ศุกร์ เหลือเพียงสัปดาห์ละวัน ส่วนรายการที่มาแทนเป็นภาพยนต์ซีรีส์เกาหลีเบาสมองที่ใช้เวลาฉายสี่สิบนาทีและโฆษณายี่สิบนาทีหลังข่าวค่ำทุกวันเว้นวันเสาร์
ไม่นานจากนั้นพี่ภูษิตยื่นใบลาออกจากช่องโฟร์ตี้นิวส์ เขาได้งานใหม่ในฐานะผู้ประกาศข่าวที่สถานีโทรทัศน์ช่องปกติซึ่งออกอากาศช่วงเช้ามืด เขาต้องรวบรวมข่าวที่เกิดขึ้นตลอดคืนไปเรียบเรียงและสรุปย่อ จากนั้นดำเนินรายการคู่กับผู้ประกาศหญิงบุคลิกจัดจ้านซึ่งพี่ภูษิตดูจะพูดไม่ค่อยทันคู่หูของเขาเท่าไรนัก อีกทั้งมีข่าวว่าทางช่องนั้นกำลังดันดาราหนุ่มคนหนึ่งให้มาฝึกเป็นผู้ประกาศร่วมในรายการ ผมเดาว่าอีกไม่นานพี่ภูษิตคงต้องเปลี่ยนงานอีกครั้ง
ปลายเดือนมิถุนายน นายยอดถูกอัยการส่งฟ้องศาลข้อหาพยายามกระทำชำเรา ข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา และข้อหาพยายามฆ่าโดยไตร่ตรองไว้ก่อนอีกหนึ่งกระทง โดยไม่รวมข้อหาค้ายาเสพติดและมียาเสพติดไว้ในครอบครอง ผู้พิพากษาตัดสินประหารชีวิต แต่เนื่องจากจำเลยรับสารภาพและให้การเป็นประโยชน์ จึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต
ต้นเดือนกรกฎาคมทางอบต.แจ้งมาตรการผ่อนปรนให้เจ้าของบ่อนไก่และเจ้าของสนามวัวลานรับไปปฏิบัติ โดยอนุญาตให้จัดการแข่งขันได้ แต่ขอความร่วมมือผู้เกี่ยวข้องและผู้ไปชมช่วยใส่หน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า รักษาระยะห่าง รวมทั้งกำหนดเวลาเพียงแค่ห้าทุ่มให้ปิดสนาม แต่จากการที่มีฝนตกหนักหลายพื้นที่ในช่วงต้นฤดูฝน การแข่งขันวัวลานจึงเลื่อนออกไปอีกหลายครั้ง ช่วงนี้ผมหมดปัญหาเรื่องน้ำเพราะได้น้ำฝนที่เทกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ผมสั่งซื้อแท้งค์น้ำพลาสติกแบบหลอดใหญ่มาตั้งเรียงไว้ที่มุมสวนแต่ละมุมเพื่อตุนน้ำไว้ใช้ในอีกสองสามเดือนที่จะถึงหากประปามีปัญหา และหากจำเป็นก็อาจต้องจ้างคนมาขุดบ่อบาดาล
สำหรับปาน ผมถือว่าเขาเป็นส่วนสำคัญของการฟื้นฟูบ้านนี้ หลังจากคราวที่เขาถอยห่างผมไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมเขาก็มาทำงานแทบทุกวันโดยไม่มีวันหยุด มีอยู่สามครั้งที่ผมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เขาไปเอาน้ำผึ้งในป่าเขตอำเภอหนองหญ้าปล้องที่เดิม ผมถือเป็นวันปิกนิกของเรา หลังจากได้น้ำผึ้งเขาจะหยุดงานวันถัดไปทุกครั้ง ผมเดาว่าเขายุ่งกับการนำน้ำผึ้งไปขาย ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ ผมมารู้หลังจากนั้นว่าทุกคราวที่เขาไปเอาน้ำผึ้งจากในป่าก็เนื่องจากเขาต้องใช้เงินในการพาหมาจรของเขาไปทำหมันหรือฉีดยารักษาเมื่อมันเจ็บป่วย และบางครั้งก็เพื่อซ่อมมอเตอร์ไซค์
ช่วงฝนตกใหม่ๆ บางวันผมคว้าจักรยานขี่ไปตามคันคลองชลประทานหลายกิโลเมตรเพื่อไปดูควายของป้าพวงกลิ้งเกลือกอยู่ในปลักที่มีน้ำเจิ่ง ป้าพวงโบกมือทักทายผมพร้อมกับหมาด่างหมาดำห้าหกตัวที่พุ่งเข้ามา ผมปั่นหนีสุดชีวิต จริงๆ ผมรู้ว่ามันแค่ไล่ผมให้ออกห่างจากมนุษย์ของมัน แต่ผมรู้สึกสนุกที่จะได้ทำอะไรแบบนั้น
ปลายเดือนกรกฎาคม ประเทศไทยได้รับคำชมเชยจากองค์การอนามัยโลกว่าเป็นประเทศที่มีการเฝ้าระวังและควบคุมโรคระบาดได้ผลเป็นอันดับต้น
มาถึงเดือนสิงหาคม รัฐบาลขยายเวลาเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินต่อไปอีกหนึ่งเดือน ชาวโคชนะริ่มเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับวิถีใหม่
ปานขับรถเป็นแล้ว ผมให้เขาไปสอบใบขับขี่ เขามีหน้าที่เพิ่มอีกหนึ่งอย่างคือพาผมกลับบ้านหลังจากที่เราไปดูรำวงตามงานวัดหรืองานต่างๆ ที่เราได้รับเชิญและผมขับรถกลับเองไม่ไหว
ต้นเดือนกันยายน ขณะที่ผมขับรถไปส่งกลุ่มผู้สูงอายุไปประชุมที่โรงพยาบาลประจำตำบลห้วยกระทบ ผมก็ได้ยินได้ฟังเรื่องราวความเป็นไปต่างๆของหมู่บ้านจากปากคำผู้โดยสารกลุ่มเดิม ผมคุ้นเคยกับพวกเขามากขึ้นและได้กินอาหารจากครัวของพวกเขาจนครบ
อันดับแรกคือเรื่องลูกสาวสองคนของผู้ใหญ่สมจิตซึ่งทำงานในรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่ปราณบุรีกลับมาอยู่บ้านเนื่องจากสถานที่พักตากอากาศแห่งนั้นปิดตัวลง ผมรู้จากป้าฉาย ป้าจำปาและป้าอื่นๆว่าเมื่อวานนี้ผู้ใหญ่เอาวัวขึ้นรถสองตัวแล้วขับออกไปทางเขาย้อยตอนสาย
“เขาจะตั้งร้านค้าให้ลูกเขาขายครัวหน้าบ้าน” ป้าเล็กว่า
“...ลูกไอ้ดมก็กลับมา ไอ้นั่นไปทำงานร้านนวดที่ตลาดโต้รุ่งหัวหิน เมื่อก่อนเดินหน้าเชิดแต่งทองแต่งหยองเต็มตัว มาเที่ยวนี้เดินหน้าจ๋อยบอกจะเปิดนวดที่ใต้ถุนบ้าน ชั่วโมงละร้อย มันบอกร้านนวดที่ตั้งเรียงเป็นแถวเซ้งกันจะหมดละ...”
“...พวกเด็กบ้านเราที่ไปทำงานเสิร์ฟอาหารที่กรุงเทพฯ ก็กลับมานั่งสุมหัวกันที่บ้านทาวน์เฮาส์ยายเพ็ญ เดี๋ยวไม่นานก็ไปหายามาขายเป็นเรื่องอีก...”
“...วันก่อนเห็นนายกเล็กเขาพาคนมาดูที่นาของเขา ฟังว่าจะมาหาที่ทำฟาร์ม...”
“...ฟาร์มโคขุนแบบมีโรงเชือดอยู่ข้างใน เขาจะทำโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์อีกโรงใกล้ๆ กัน ใช้เครื่องจักรทันสมัยและให้คนมาเที่ยวแบบฟาร์มแถวปากช่อง เห็นบอกว่าจะทำร้านอาหารแบบติดแอร์ ขายสเต๊กสดๆใหม่ๆ แล้วจะผลิตเนื้อแช่เย็นส่งห้างส่งร้านค้า...”
“...ใช้เงินลงทุนไม่ใช่น้อยเลยนะนั่น...”
“...เสี่ยคนนี้แกเป็นนักเล่นหุ้น หุ้นแกแต่ละตัวก็ไม่ใช่เลวๆ...”
“...หุ้นเหิ้นอะไรข้าไม่เข้าใจ ข้ารู้แต่เรื่องหวย...”
“...เนื้อโคขุนนี่โลนึงไม่ใช่เล่นๆ นะ ลูกชายข้าเคยพาไปเที่ยวปากช่อง ไปนั่งกินในร้านที่ฟาร์ม สเต๊กจานนึงก็หกร้อยแล้ว ให้เนื้อนิดเดียว มีแต่มันฝรั่งกับผักเต็มจาน เนื้อที่เขาขายที่นั่นกิโลละพันกว่าถึงสามสี่พัน...”
“...วัวบ้านเรานี่เข้าโรงเชือดได้กิโลละร้อย เอาไปขายที่ตลาดโลละสองร้อยกว่า...”
“...วัวพื้นเมืองเขาไม่เอาไปทำสเต๊กหรอก เนื้อมันเหนียว ขายก็ไม่กำไรมากเหมือนวัวเนื้อวัวขุน...”
“...เออ แล้วจะทำอย่างไรล่ะทีนี้ เดินกันเต็มทุ่ง ไม่ได้ลงลาน ไอ้ที่ส่งขายราคาก็สู้วัวพันธุ์ไม่ได้...”
“...เขามีโรงฆ่าหมูอีกแห่งที่นครปฐมนะตาเสี่ยคนนี้...ทำโรงงานไส้กรอกด้วย”
“...ช่างทำบาปขึ้นดีแท้...”
“...แกก็ช่างว่าเขา ถ้าไม่มีโรงฆ่า แกก็ต้องดูคนเขาเอามีดแทงคอหมูใต้ถุนบ้าน เอาฆ้อนทุบหัววัวที่ลานนั่นทุกวัน จะไหวไหม...”
“...มันก็ทางใครทางมันละนะ...”
“...นั่นหนะ ทีนี้ ตาเสี่ยนั่นเขามาถามหาซื้อที่แถวหมู่บ้านเรา เขาจะเอาสักร้อยไร่ ที่ของตาฉลวยกับตาอ้อนรวมกันไม่พอ เขากำลังกล่อมยายอินทร์กับญาติพี่น้องให้ขายรวมกันเป็นแปลงใหญ่ ร้อยกว่าไร่...”
“...แกนี่ช่างรู้นะ...”
“...เอ๋า ก็ผู้ใหญ่เขาไปคุยที่ลานวัวให้ข้าฟังเมื่อศุกร์ที่แล้ว...”
“...ทำไมแกไม่เล่าให้ข้ารู้บ้าง อยู่บ้านเดียวกันแท้ๆ...”
ฯลฯ ฯลฯ ฯลฯ
หลังจากผมส่งคุณลุงคุณป้าทั้งหลายลงที่หน้าห้องประชุมใหญ่ของโรงพยาบาลและรับคำขอบคุณยกใหญ่แล้ว ผมก็ขับรถเข้าตลาดหาซื้อเสบียง ช่วงนี้ปานรับหน้าที่ดูแลสวนดอกไม้รอบบ้านผมที่กำลังบานสะพรั่งงดงาม เพื่อนบ้านหลายคนขยันแวะเวียนเอาขนมของกินมาแบ่งให้ผมกับปาน พวกเขายื่นหน้าผ่านประตูเหล็กที่ผมเลื่อนเปิดเพียงเล็กน้อยและกวาดตามองดอกไม้ที่บานสะพรั่งด้วยดวงตาตื่นเต้น ผมอดไม่ได้ที่จะผลักประตูให้เปิดกว้างอีกนิดและเชื้อเชิญให้พวกเขาเข้ามาดูข้างใน ซึ่งแต่ละคนกลับบ้านไปพร้อมคำชมเชยและดอกไม้ส่งกลิ่นหอมในมือซึ่งพวกเขาจะนำไปไหว้พระก่อนนอน ผมรู้สึกดีใจที่ดอกไม้ในบ้านหลังนี้จะได้ขึ้นไปอยู่บนหิ้งพระ
ต้นเดือนตุลาคม มีรถบรรทุกหนักวิ่งผ่านหน้าบ้านผมไปวันละหลายเที่ยว พวกเขามุ่งหน้าเข้าไปยังพื้นที่กว้างใหญ่ด้านทิศตะวันตกระหว่างบ้านผมกับบ้านจัดสรรของป้าเพ็ญภรรยาผู้ใหญ่สมจิตเพื่อทำการก่อสร้างอย่างเร่งด่วนทั้งกลางวันและกลางคืน มีการทำรั้วคอนกรีตล้อมบริเวณภายในทั้งสี่ด้าน ชั้นนอกทำรั้วลวดหนามกว้างยาวตามลักษณะที่ดินซึ่งเป็นทุ่งนาหลายแปลงติดต่อกัน ซึ่งเมื่อผมปีนขึ้นไปบนบ้านต้นไม้ที่ผมกับปานสร้างขึ้นสำหรับไปนั่งดูพระอาทิตย์ตก ผมมองเห็นสิ่งปลูกสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสามกิโลเมตรชัดเจน หลังคาของมันสะท้อนแสงอาทิตย์ที่กำลังคล้อยต่ำลงคล้ายคมมีดเหล็กกล้า
ต้นเดือนธันวาคม ผู้ใหญ่สมจิตพาชายคนหนึ่งมาชมสวนดอกไม้บ้านผม แขกที่เขาพามาคือนายพีรศักดิ์ เจ้าของฟาร์มโคขุนและโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ที่กำลังทำการก่อสร้างบนท้องทุ่งแห่งนั้น
ผมรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งที่พ่อค้าหุ้นผู้อยู่กับธุรกิจชำแหละเนื้ออย่างชายแต่งตัวดีผู้นี้จะรู้เรื่องศิลปะอย่างมากมาย เมื่อเขาเห็นหนังสือที่วางเกะกะอยู่ในห้องทำงานบนบ้านที่ผมเชิญเขาและผู้ใหญ่สมจิตขึ้นไป เขาก็เริ่มคุยถึงหนังสือเหล่านั้นอย่างดีใจที่เจอนักอ่านคอเดียวกับเขา เขากล่าวถึงความงามของธรรมชาติทั้งคน สัตว์ ต้นไม้ ใบหญ้า เขาพูดถึงโลกและจักรวาลและดวงดาว เขาบอกผมว่าเขาชอบภาพวาดสีดำอันทรงพลังของศิลปินผู้ยกย่องตนเองคนนั้น อีกทั้งเขาเองก็ได้สะสมผลงานที่มีชื่อเสียงของนักวาดภาพไว้มากมาย
ชายคนนี้ทำให้ผมนึกถึงผู้คนแปลกๆ ที่ผมทำความรู้จักที่นี่ตั้งแต่หัวหน้าคณะรำวงที่ไม่ว่าจะหยิบจับเครื่องดนตรีชิ้นไหนขึ้นมาทั้งดีดสีตีเป่าไทยเทศเขาเล่นได้หมด แต่เขาก็เดินขึ้นโรงพักเป็นว่าเล่นเพราะเขามักทำร้ายทุบตีสมาชิกในครอบครัวจนบาดเจ็บปางตาย หรือแม้แต่ป้าฉายผู้ชำนาญในการนำเรื่องของผู้อื่นมาเล่าในรถ ผมเพิ่งมารู้ว่าแกเก่งด้านการทอผ้าไหมและเชี่ยวชาญการผูกลายที่ละเอียดประณีตงดงามไม่มีใครสามารถเลียนแบบได้
ขณะที่ผมกำลังนึกถึงบุคลิกภาพอันซับซ้อนของบุคคลต่างๆที่ผมได้พบเจอในช่วงเกือบหนึ่งปีที่ผ่านมา นายพีรศักดิ์ก็เดินเก็บฝีเท้าเฉียดเข้าไปก้มตัวดูโต๊ะทำงานของผมและเห็นภาพวัวลานที่กำลังออกแรงวิ่งอย่างสุดชีวิต ภาพนั้นแสดงให้เห็นดวงตาอันเหลือกลานของวัวรองที่กำลังถูกลากไปอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่มันยังขืนตัวไว้ไม่ยอมล้ม เชือกสนตะพายสีแดงที่จมูกของมันชุ่มไปด้วยเลือดจากการถูกวัวคานสิบเจ็ดตัวที่กำลังวิ่งอย่างอ่อนแรงดึงไปข้างหน้าและมีวัวนอกวิ่งนำไปที่ริมสุด เนื้อตัวที่กำลังสั่นระริกของวัวเหล่านั้นอาบหงื่อเป็นมัน มุมกระดาษด้านขวาล่างมีลายมือของผมเขียนด้วยดินสอด้วยคำว่า “รอบสุดท้าย” และลงวันที่วาดเสร็จก็คือเมื่อวานนี้ พร้อมกับลายเซ็นอักษร A แบบวิจิตร
“โอ้ นี่คุณวาดเองหรือ”
นายพีรศักดิ์ส่งเสียงอย่างตื่นเต้น เขาขยับตัวไปยืนด้านที่มองเห็นมันอย่างถนัด แสงสว่างจากหน้าต่างสาดเข้ามาในห้อง ทุกสิ่งทุกอย่างแจ่มชัดแม้กระทั่งประกายตาอันตื่นเต้นของเขาและแววตาสงสัยใคร่รู้ของผู้ใหญ่สมจิตที่ยืนเมียงมอง
“ครับ” ผมตอบสั้นๆ
“คุณวาดไว้กี่รูป”
“ชุดวัวลานผมมีสี่รูป”
ผมรู้สึกดีที่มีคนสนใจภาพที่ผมวาดขึ้นเพื่อฆ่าเวลา ผมดึงลิ้นชักยาวที่อยู่ใต้โต๊ะริมหน้าต่างออกมาและให้เขาดูอีกสามภาพที่เหลือ
นายพีรศักดิ์ใช้สายตาเพ่งมองดูแต่ละภาพอย่างตั้งใจและใช้เวลา เขายืนกอดอกเก็บมือทั้งสองข้างไว้ ครู่หนึ่งเขาก็โพล่งออกมา
“มีคนจองชุดนี้หรือยังครับ”
ผมกะพริบตาปริบและมองดูชายวัยประมาณสี่สิบกว่าผู้เป็นเจ้าของธุรกิจค้าและฆ่าสัตว์
“ผมวาดเล่นครับ ไม่ได้บอกขาย”
ผมตอบและปิดลิ้นชัก อันที่จริงผมวาดงานชุดนางรำเพชรบุรีไว้หลายภาพ แต่ผมไม่ได้นำมาอวดเขา นายพีรศักดิ์พยักหน้าแล้วยิ้มด้วยท่าทีสุภาพและใจเย็น เขายืนนิ่งและมองภาพบนโต๊ะ
ผู้ใหญ่สมจิตเลิกสนใจภาพวาดของผม เขากวาดตามองไปรอบๆห้องและแหงนดูโคมระย้าที่แขวนอยู่บนคาน
“ผมเคยขึ้นมาบนบ้านนี้ครั้งเดียวเมื่อสี่ปีที่แล้ว”
ผมรู้ว่าเป็นวันไหนที่เขาขึ้นมา แต่ไม่ใช่เรื่องที่ผมและเขาจะพูดถึงเหตุการณ์นั้นในขณะนี้
“ผมเอาผนังห้องออกครับ ได้พื้นที่ยาวเลย” ผมบอก
นายพีรศักดิ์ที่ยังยืนดูรูปวัวลานบนโต๊ะทำงานผมเอ่ยปากพูดขึ้นมา
“คุณเอกชัย...”
ผู้ใหญ่สมจิตรีบแก้ “เอกพลครับเสี่ย”
“เอ่อ คุณเอกพล คุณรู้ไหม ที่ผมสะสมภาพวาดของศิลปินผู้มีชื่อเสียงโด่งดังไว้ก็ด้วยเหตุผลที่ว่ามันคือสินทรัพย์ที่จะทำกำไรในวันหน้าเมื่อคนเหล่านั้นตายไปแล้ว ซึ่งงานบางชิ้นมันไม่ได้กระแทกใจผมเท่าไรนัก พูดง่ายๆ คือมันเป็นธุรกิจ”
“ครับ” ผมตอบและรอฟังว่าเขาจะพูดอะไร
“แต่มันก็มีบ้างที่ผมเผลอซื้อของเหล่านี้ตามอารมณ์ ถ้าจะว่าไปแล้วผมมักจะชอบงานพวกนี้มากกว่างานที่ผมสะสมไว้เพื่อเก็งราคา”
เขาสูดลมเข้าจมูกและพูดต่อ
“ตอนนี้ผมคิดว่ารูปที่คุณเอกพลวาดกำลังทำให้ผมใช้อารมณ์ในการตัดสินใจตั้งราคาและขอซื้อ หวังว่าคุณคงจะไม่โกรธผมนะ ผมเข้าใจคนอย่างพวกคุณที่ถือศักดิ์ศรี แต่ผมเป็นคนพูดตรงๆ เพราะมันรู้เรื่องเร็วดี”
นายพีรศักดิ์ควักโทรศัพท์ของเขาออกมา จิ้มนิ้วลงไปหกครั้งแล้วยื่นให้ผมรับไปดู ผมยกมือในท่าห้ามญาติ นายพีรศักดิ์พยักหน้าเข้าใจเมื่อนึกได้ถึงข่าวโรคระบาด เขาจึงยกโทรศัพท์หันหน้าจอมาทางผมหนึ่งวินาที แล้วเก็บโทรศัพท์นั้นลงกระเป๋า โดยที่ผู้ใหญ่สมจิตไม่มีโอกาสได้เห็นตัวเลขดิจิทัลและเขาคงนึกไม่ถึงกับราคาที่นายพีรศักดิ์เสนอซื้อ
แว่บหนึ่งผมอยากปฏิเสธเพราะนึกถึงกิจการที่ชายคนนี้ทำ แต่ผมก็ตระหนักได้ในนาทีเดียวกันนั้นว่าโลกนี้ไม่ใช่โลกในอุดมคติที่เราจะแวดล้อมตัวเราด้วยคนที่ประเสริฐหมดจดไร้รอยเลือด ผมยังอยากใช้ชีวิตอยู่ที่โคชนะต่ออีกสักพักใหญ่โดยไม่ต้องขายบ้านหลังนี้ในปีหน้าหรือปีถัดไป ซึ่งหากเงินออมผมหมดลงและไม่มีรายได้เพิ่ม ผมคงต้องกลับไปเริ่มต้นที่กรุงเทพฯ อีกครั้งด้วยความรู้สึกแหว่งวิ่น
ผมมองนายพีรศักดิ์ที่ยืนจับจ้องภาพวัวลานที่ผมเขียนขึ้นจากจินตนาการ เนื่องจากผมไม่เคยไปดูการแข่งแม้แต่ครั้งเดียว และไม่เคยเหยียบเท้าลงที่สนามวัวลานอีกหลังจากไปสัมภาษณ์เก็บข้อมูลให้พี่ภูษิตเมื่อต้นปี แล้วผมก็ก้มศีรษะรับข้อเสนอของเขา ซึ่งชายนักลงทุนฉีกยิ้มกว้างอย่างยินดี เขาควักโทรศัพท์ออกมาถืออีกครั้งและขอเบอร์บัญชีธนาคารของผม สิบห้าวินาทีต่อมาเงินจำนวนนั้นก็ถูกโอนเข้าบัญชี ผมหยิบโทรศัพท์เช็คดูและพูดขอบคุณ
หลังจากนั้นเราสามคนก็พูดคุยกันอีกเล็กน้อย
นายพีรศักดิ์กลับไปพร้อมกับหอบภาพของผมไปด้วยอาการทะนุถนอม เขาบอกจะสั่งกรอบไม้จากเมืองนอกมาใส่และจะนำภาพชุดนั้นไปติดที่อาคารสำนักงานใหม่ของเขาที่ใกล้เสร็จแล้ว เขาคุยให้ผมฟังขณะเดินไปที่รถว่าเขาจะทำธุรกิจครบวงจรที่โคชนะในการผลิตและจำน่ายเนื้อวัว รวมทั้งจะส่งออกไปตลาดอาเซียนด้วย
ผู้ใหญ่สมจิตเดินไปเปิดประตูรถและขึ้นไปนั่งคู่กับนายพีรศักดิ์แล้วหันมาโบกมือให้ผม
*** *** *** ***
ต้นเดือนมกราคม 2564
“ฟาร์มโคชนะและโรงงานแปรรูปเนื้อสัตว์ (มาตรฐานส่งออก)” ได้เปิดตัวขึ้นอย่างเป็นทางการที่หมู่บ้านโคชนะ ตำบลห้วยกระทบ อำเภอเขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี มีนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์จังหวัดและอำเภอ รวมทั้งเจ้าหน้าที่ส่วนงานที่เกี่ยวข้องได้รับเชิญมาเป็นแขกผู้มีเกียรติ โดยผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานเปิดงานท่ามกลางมาตรการการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ในขณะเดียวกับที่สนามวัวลานที่ตำบลนี้และที่อื่นๆ ถูกสั่งปิดตามพระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน
ฟาร์มโคชนะได้สร้างงานให้แก่หนุ่มสาวชาวหมู่ 1 และหมู่อื่นๆ ที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเนื่องจากบริษัทห้างร้านต่างๆ ปิดตัวลงจากผลกระทบอันรุนแรงที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ พวกเขาเต็มใจกับค่าจ้างตามเกณฑ์มาตรฐานที่สามารถเลี้ยงตนและครอบครัวให้อยู่รอด
รอบบริเวณทุ่งนาของหมู่บ้าน วัวพันธุ์ไทยหลายฝูงยืนกินฟางแห้งกลางแสงแดดอันร้อนแรง มีหลายตัวเคยเป็นนักกีฬาวัวลานที่ต้องวิ่งอย่างเหน็ดเหนื่อยมาก่อน บัดนี้พวกมันต่างยืนเคี้ยวเอื้องอย่างอิสระรอเวลาที่จะได้ขึ้นรถไปสู่ที่ใดที่หนึ่ง
มีนาคม 64 ผมยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านหลังนั้นโดยมีปานเป็นผู้ช่วยอย่างเช่นที่เป็นมาตลอดปีที่แล้ว ปีนี้เราเริ่มต้นอย่างดีด้วยการรับเหมาจัดแต่งสวนรอบบริเวณสำนักงานของฟาร์มโคชนะ มีโรงงานผลิตยางรถยนต์แห่งหนึ่งมาจองคิวเราสองคนไว้ นอกจากนั้นภาพวาดของผมชุดนางรำเพชรบุรีก็มีผู้ซื้อไปในราคาที่ผมพอใจ
ผมและปานยังคงความสัมพันธ์ไว้เช่นเดิม ซึ่งมันก็งดงามในเส้นทางที่ทำให้เราสามารถเป็นตัวของตัวเองอยู่ได้โดยไม่มีใครต้องเจ็บปวด ปานยังขี่มอเตอร์ไซค์พ่วงข้างที่ต้องซ่อมกันเป็นครั้งคราว ยังเก็บหมาจรมาเลี้ยงและพาไปทำหมัน เราไปเก็บน้ำผึ้งกันเดือนละครั้งและเขาจะหยุดงานหนึ่งวันหลังจากนั้น ส่วนผมเองก็ทำงานส่วนตัวของผมไปในวันที่ไม่ได้ออกไปจัดสวนข้างนอก เมื่อได้รับเชิญไปงานที่มีรำวงผมไม่เคยปฏิเสธ เพราะผมมีคนพากลับบ้านทุกครั้ง
(จบภาคแรก)