...เมียรักสวมรอยแค้น… บทที่2.

1500 คำ
“หวาทนมามากเกินทนแล้วค่ะคุณป้อง บอกไว้เลยค่ะ หวาไม่หย่า หวาอยากรู้เหมือนกันว่าฉันทาจะหน้าบางแค่ไหน กับตำแหน่ง ‘เมียน้อย’ ” ยี่หวายิ้มเครียด จริงอยู่ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าฉันทาตรงๆ แต่เรื่องน่าละอายแบบนี้ คนชอบนำไปขยี้ลับหลัง ยี่หวาคิดว่าฉันทาคงไม่ชอบใจนัก ข่าวลือแบบนี้ย่อมทำให้ชื่อเสียงหล่อนเสียหาย ยี่หวาเป็นแค่คนธรรมดา เธอมีทะเบียนสมรส ต่อให้สามีหอบผ้าไปอยู่กับผู้หญิงคนนั้น เธอก็ไม่มีความผิด สังคมควรรุมประณามฉันทา ไม่ใช่เธอ คนหนึ่งไป คนหนึ่งย้อนกลับมา ยี่หวายกมือปาดคราบน้ำตาพับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นที่ปกหน้ามีภาพสามีตัวเองเคียงคู่กับหญิงคนใหม่ หน้าตายิ้มแย้มไม่อายสายตาคนรอบตัว ในงานเปิดโครงการใหม่บ้านราคาสิบล้านต้นๆ หญิงสาวถอนใจแรงๆ ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมานับเศษสตางค์ที่เหลืออยู่ ยี่หวามองแบงก์สีแดงที่เหลือในกระเป๋าแค่สองใบด้วยดวงตาคลอน้ำตา เดือนนี้ปกป้องไม่ได้โอนเงินเดือนเขาเข้าบัญชีเธอสักบาท หลังจากที่ทะเลาะกันหนักในเช้าตรู่วันนั้น ปกป้องไม่กลับมาที่บ้านพักข้าราชการหลังนี้อีกเลย ยี่หวาทุกข์จนเลิกทุกข์ เธอควรหารายได้อื่นเสริมหากสามีใช้ไม้นี้สำหรับกดดันเธอ เธอไม่มีทุนแม้จะมีฝีมือ จะเอ่ยปากหยิบยืมคนใกล้ตัว ก็หน้าหนาไม่พอ ทั้งชีวิตยี่หวาไม่เคยลำบาก มารดารักและถนอมเลี้ยงดูตนเองประหนึ่งไข่ในหิน ท่านพยายามชดเชยสิ่งที่ท่านมอบให้เธอไม่ได้ ยี่หวาเลยไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย เธออยากให้บุตรชายมีพ่อ แม่ที่อยู่พร้อมหน้ากัน แต่วาสนาของเธอคงไม่คู่ควร สามีที่เคยรักเธอดั่งแก้วตาถึงเปลี่ยนไป ยี่หวาถอนใจอีกครั้ง มองเลยไปยังบุตรชายที่นั่งเล่นอยู่มุมหนึ่งของบ้านด้วยแววตาเศร้าๆ เธอจะอยู่รอดยังไงถ้าตนเองไม่มีสตางค์ สมัยนี้ทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองทั้งนั้น ข้าวสารที่ตุนไว้ก็ใกล้จะหมดเต็มทน โชคดีที่ยี่หวามีบัตรสวัสดิการของรัฐ ถึงจะไม่เยอะก็พอช่วยจ่ายค่ากะปิ น้ำปลา ข้าวสารอาหารแห้งให้เธอกินกันตายได้ สงสารแค่ปกปักที่ไม่เคยได้อะไรอย่างเด็กทั่วไปควรได้ควรมี ทั้งที่บิดาเป็นคนมีหน้าที่การงานดี ไม่คิดว่าคนที่ตนเองรักจะใจจืดใจดำได้ถึงเพียงนี้ กำลังคิดเพลินๆ วันนี้เธอจะทำกับข้าวอะไรให้บุตรชายกินดี โทรศัพท์ที่นานๆ ครั้งจะมีคนโทรเข้าก็สั่นเตือน ยี่หวาก้มมองเบอร์ที่ไม่คุ้นตาหน้าจอด้วยแววตาหนักใจ หลายครั้งที่ปลายสายคือคนที่หวังดีแต่ประสงค์ร้ายโทรศัพท์เข้ามา ฉันทาเคยใช้วิธีนั่นทำร้ายเธอ ถึงแม้หญิงผู้นั้นจะเลิกราไป แต่ยี่หวาก็ไม่เคยไว้ใจ เธอชั่งใจว่าควรกดรับหรือตัดสายทิ้งเพราะความรำคาญดี แต่คนปลายสายไม่ยอมทอดใจ การสั่นเตือนกับเสียงเรียกเข้าก็ยังดังอย่าต่อเนื่องไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง “สวัสดีค่ะ ไม่ต้องหวังดีกับหวาหรอกค่ะ หวารู้ทุกอย่างและยินดีกับความสุขของเจ้านายพวกคุณด้วย” ญาดาเบนโทรศัพท์ออกจากหู ก้มมองจนแน่ใจว่าตนเองไม่ได้กดเบอร์ผิด เธอยังไม่ทันได้พูด คนปลายสายก็พูดฉอดๆ กลับมา น้ำเสียงที่ใช้ขนาดอยู่ห่างไกลยังรู้ว่าระอาผสมกับความรำคาญแทบปิดไม่มิด “ถ้าไม่พูดอะไร หวาวางสายนะคะ ไม่จำเป็นคราวหลังอย่าโทร.มาอีก ยังไงหวาก็ไม่มีวันหย่ากับคุณป้องหรอก” ญาดาขมวดคิ้ว คิดมาตลอดว่าพี่สาวที่อยู่กับมารดาต้องมีความสุขแน่ๆ ในความทรงจำของเธอ มารดาผู้ใจดีขยันและยิ้มแย้ม บุตรที่ได้ไปอยู่กับท่านยอมมีความสุขไปด้วย ครั้งแรกที่เธอขัดคำสั่งบิดา เพราะความคิดถึง เธอกลับได้ยินอะไรไม่รู้ ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คาดไว้เลย “เดี๋ยวหวา อย่าเพิ่งวาง ญาเองญาดา น้องสาวพี่หวาไงคะ” ญาดารีบพูดก่อนที่สายจะถูกตัด คนปลายสายเงียบไปพักใหญ่ ก่อนที่เสียงเครือสะอื้นจะดังลอดออกมา “ญาดา ญาดา” “หวาใจเย็นๆ ทำใจดีๆ ร้องไห้ทำไม มีอะไรให้ญาช่วยไหม” เสียงหวานเย็นหู เหมือนกำลังนั่งฟังตัวเองพูด สมัยเด็กๆ คนรอบตัวเธอไม่มีคนไหนจำเด็กแฝดอย่างเธอกับน้องสาวได้ทันที เนื่องมาจากเธอกับน้องสาวเหมือนกันแทบแยกไม่ออก แม้แต่พ่อกับแม่ยังแยกลำบาก คนรอบตัวหรือจะจำได้ “ญา ช่วยหวาด้วย” ยี่หวาข่มความอาย ตัดสินใจร้องขอความช่วยเหลือจากน้องสาวที่ไม่ได้พบหน้ากันมานานกว่ายี่สิบปี “หวาอยู่ไหน ญาจะไปหา” ไม่ต้องคิด ไม่ต้องตัดสินใจ ความผูกพันในสายเลือดเข้มข้นกว่าสิ่งใด ญาดาเลยตอบกลับไปทันที ยี่หวาบอกเส้นทาง หลังวางสายเธอหันไปมองบุตรชาย พร้อมกับหาทางกันปกปักออกไปจากบ้าน เรื่องนี้ควรมีทางออก เธอเข้มแข็งไม่พอสำหรับการแก้แค้นหญิงโฉด ชายชั่ว แต่สำหรับญาดาที่แก่นกะโหลกมาตั้งแต่เด็กๆ ญาดาน่าจะมีทางสำหรับการทวงคืน ความแค้นจุกอกไม่เคยได้ระบายออก ยี่หวากดอัดความคั่งแค้นเอาไว้ในใจ เธอยิ้มเครียด ตอนที่เดินกลับเข้าไปหาบุตรชายพร้อมกับกำเงินสองร้อยบาทสุดท้ายแน่น “ปก ไปหายายก่อนนะ แล้วแม่จะตามไป” อย่างน้อยมารดาก็น่าจะพอมีข้าวปลาให้บุตรชายกิน เงินก้อนสุดท้ายนี่ ใช้สำหรับเป็นค่ารถ ยี่หวาจูงมือบุตรชายออกจากบ้าน มีกระเป๋าใบเล็กสะพายไว้ที่หัวไหล่ ในนั้นมีแค่เสื้อผ้า ไม่มีแม้แต่ขนมกินเล่นสักชิ้น ปกปักเป็นเด็กพูดน้อย แต่เข้าใจอะไรๆ ดี เด็กชายไม่แย้งมารดาสักคำ แม้จะรู้สึกหน่วงๆ ในอก และตอนที่โบกมือลาบุตรชายที่ประตูรั้วหน้าบ้าน ยี่หวาฝืนยิ้มเต็มที่ และย้ำให้บุตรชายใจชื้น “สองสามวันแม่จะไปรับนะปก อย่าดื้อกับยายล่ะ” เกือบสองชั่วโมง รถยนต์ไม่คุ้นตาก็แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านพักหลังเล็กที่ยี่หวาอยู่กับลูกแค่สองคน ผู้หญิงรูปร่างเหมือนกับเธอ แต่ท่าทางแกร่งกว่าสิบเท่าก้าวเท้าลงมาด้วยความรีบร้อน ญาดากดโทรศัพท์โทร.หาพี่สาวกว่าร้อยรอบ ไม่มีเสียงตอบรับ เธอร้อนใจและสังหรณ์ใจพิกล ความเร็วที่เคยใช้ขับขี่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่า ตามที่ความร้อนในกายจะพุ่งขึ้นสูง เสียงเหยียบเบรกดังสนั่น ฝุ่นผงตลบเป็นม่านสีน้ำตาลอ่อน ญาดาถลาเดินขึ้นบันไดทั้งที่ยังไม่ทอดรองเท้า เธอกวาดตามองหาพี่สาว แต่สิ่งที่ได้เห็นทำเอาเข่าตนเองแทบทรุด ยี่หวานั่งอยู่กลางบ้าน หลังพิงเสาไม้เก่ากลางเรือน ท่าทางดูอ่อนเพลียเหมือนคนใกล้หมดแรง “หวาๆ เกิดอะไรขึ้น” ญาดาจับหัวไหล่พี่สาวเขย่าแรงๆ จนเปลือกตาที่ปิดสนิทขยับขยุกขยิก “คุณญา ท่าจะไม่ดีแล้วครับ รีบคุณหวาพาไปโรงพยาบาลเถอะครับ” เสียงทุ้มๆ ของคนงานที่ญาดาไว้ใจเตือนเบาๆ หลังมองแก้วเปล่าที่มีคราบสีขุ่นๆ ของบางอย่างติดอยู่บริเวณข้างแก้ว “เร็วๆ เลยค่ะลุงเทิด” มือสีคร้ามแดดช้อนอุ้มยี่หวาที่ตัวอ่อนลงจากบ้าน ญาดาเดินตามมาติดๆ เธอฉวยหลักฐานที่พี่สาวทิ้งไว้ติดมือมาด้วย ญาดาอาสาเป็นคนขับเอง เทิดเลยนั่งประคองยี่หวาไปทางด้านหลัง ชั่วเวลาไม่ถึงสิบนาทีและบ้านพักของปกป้องก็อยู่ห่างจากบ้านพักหลังอื่น คนรอบตัวปกป้องเลยยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในบ้านหลังนี้ และโชคดีอีกอย่าง...ยี่หวาไม่ค่อยออกมานอกบ้าน คนในเมืองเลยไม่รู้ว่ายี่หวาเป็นใคร ในเมื่อญาดาใช้บัตรประชาชนของตัวเองสำหรับทำประวัติคนไข้ให้พี่สาว เธอเม้มปากระหว่างรอยี่หวาออกจากห้องฉุกเฉิน เธอใช้เวลาเดินทางนานเกินไป ผลสุดท้าย แม้แต่ลมหายใจของยี่หวาเธอก็ยื้อไว้ไม่ได้ ญาดาน้ำตาไหลพราก กระบอกตาแดงก่ำ เธอจำได้แต่เสียงสะอื้นสุดท้ายที่ได้ยิน พร้อมกับความแค้นที่ผุดขึ้นในอก ใครทำอะไรพี่สาวของเธอ คนพวกนั้นต้องได้รับผลกลับไป...เท่าๆ กัน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม