เรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตของพวกคุณคือเรื่องอะไร สำหรับแพรวิภา ผู้หญิงธรรมดาๆอายุเพียงแค่ 25 ปี เรื่องที่แย่ที่สุดในชีวิตของเธอ ก็คือ การได้พบเจอกันกับ อัษฎาวุธ แฟนหนุ่มอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาเคยเป็นเรื่องราวดีๆของผู้หญิงกำพร้าอย่างเธอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่ เขากลายเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตของหญิงสาว
“ขอร้องละแพร อัษไม่รู้จะทำยังไงแล้ว”
“แพรถามว่าสร้อยคอของแม่แพรอยู่ที่ไหน?”
หญิงสาวถามย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงดังกว่าเดิม กดสายตามองแฟนหนุ่ม ซึ่งนั่งพนมมืออยู่บนพื้นปูน เขารีบขยับเข้ามากอดขาเธอไว้แน่น ใบหน้าที่เคยดูดีของเขา ตอนนี้มีแต่รอยฟกช้ำเต็มไปหมด แพรวิภาไม่อยากรู้ว่าก่อนหน้านั้นเกิดอะไรขึ้นกับเขา สิ่งที่เธออยากรู้ตอนนี้มีแค่เรื่องเดียว นั่นคือสร้อยทองหนึ่งบาทที่แม่ให้เธอไว้ก่อนตาย มันหายไปอยู่ที่ไหนแล้ว
“พวก … พวกมันเอาไปเป็นของประกันหนี้แล้วแพร”
“ทำยังไงถึงจะได้คืน?” ถามพลางระงับความโกรธที่พวยพุ่ง
“ต้อง ต้องหาเงินไปคืนพวกมัน”
“เท่าไหร่?”
“ห้าแสน”
“อัษ!”
ความอดทนอดกลั้นน้อยลงทุกที หญิงสาวมองผู้ชายที่เคยรักด้วยสายตาผิดหวัง งานการไม่ยอมกลับไปทำ มีแต่สร้างปัญหาให้เธอแก้ตลอด มันเกินจะรับไหวแล้ว แถมหนี้ไม่ใช่น้อยๆเลย พนักงานร้านกาแฟอย่างเธอหรือจะมีเงินเหลือเก็บ แค่ใช้จ่ายในแต่ละวันยังแทบจะไม่มี เงินมากมายขนาดนั้น เธอหาไม่ได้หรอก
“แพร… แพรอยากได้สร้อยของแม่คืนใช่ไหม”
หญิงสาวได้ยินแบบนั้น ก็กัดริมฝีปากลงจนเลือดซึมออกมา สร้อยที่แม่ให้เธอไว้ก่อนจะตาย เธอก็ต้องอยากได้คืนอยู่แล้ว แต่เธอจะเอามันคืนมายังไง ในเมื่อตอนนี้เธอมีเงินติดตัวเหลือไม่ถึงพัน
“มันมีวิธีอยู่นะแพร คนในบ่อน เขา… เขาชอบแพรมาก เขาเสนอว่าจะให้เงินทั้งหมดไปใช้หนี้ ถ้าแพรยอมไปนอนกับเขา”
แววตาผิดหวังส่งไปให้คนรักอีกครั้ง แพรวิภาแค่นหัวเราะในลำคอ ไม่เพียงแค่เอาข้าวของในห้องไปขายใช้หนี้ เขามีความคิดที่จะเอาเธอไปขายใช้หนี้ให้กับคนในบ่อนด้วย
“เรื่องนี้อัษเป็นคนก่อ อัษแก้เองแล้วกัน”
พูดจบหญิงสาวก็เดินไปคว้ากระเป๋า เก็บเอาของใช้ส่วนตัวที่มีเพียงน้อยนิด ไม่นึกเสียดายห้องเช่าที่ตัวเองเป็นคนจ่ายเงินค่าเช่ามาตลอดหลายปี เมื่อเก็บของที่มีสร็จ ก็เดินผ่านคนน่าสมเพชอย่างอัษฎาวุธไป
หมับ!
“อึก! แพรจะทิ้งอัษเหรอ?”
หญิงสาวกัดริมฝีปากกลั้นน้ำตา มองมือที่เกาะเกี่ยวเรียวขาตัวเองอยู่ ใช่! เธอกำลังจะทิ้งเขา เพราะเหนื่อยเกินกว่าจะอยู่ข้างๆเขาได้แล้ว
“คนที่ทำให้แพรเลือกทางนี้ มันคืออัษ”
“แล้วแพรจะเสียใจที่เลือกแบบนี้”
หญิงสาวสะบัดขาออกอย่างแรง เดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจคำพูดนั้นเลย
ถ้าหากเธอเอะใจคำพูดของเขาสักนิด เรื่องแย่ๆ ที่ไม่คาดคิดคงจะไม่เกิดขึ้นกับเธอ ตอนนั้นคิดแค่ว่าตัวเองหนีไปจากเขา จะทำให้ปัญหาที่เขาก่อ สร้างความเดือดร้อนให้เธอไม่ได้ แต่เธอคิดผิด
หลายวันต่อมา
@โรงแรมหรูประจำจังหวัด(คาสิโน)
ภายในห้องพักห้องหนึ่ง แพรวิภานั่งมองผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ด้วยความหวาดกลัว ชุดสีดำที่พวกเขาสวมใส่ ไม่ได้น่ากลัวเท่าจำนวนของพวกเขา เธอถูกผู้ชายสองในห้าคนนี้ลากมาที่นี่เมื่อชั่วโมงก่อน พวกเขาสั่งให้เธอนั่งรอเจ้านายของพวกเขา เธอรอด้วยความหวาดกลัวมานานกว่าสิบนาทีแล้ว
ผลัวะ!
เสียงเปิดประตูทำให้ทุกคนในห้องหันไปมอง เมื่อเสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง ร่างบอบบางก็เริ่มสั่นสะท้านจนควบคุมไม่ได้ ฟันบนล่างกระทบกันดังกึกๆ เมื่อผู้ชายรูปร่างอ้วนท้วนซ้ำยังสูงใหญ่ เดินทำหน้าหื่นกามมานั่งลงบนโซฟาอีกตัว
“ไอ้อัษไปไหนครับน้องแพร?”
“ฉะ ฉันไม่รู้ค่ะ”
เพราะนี่ก็ผ่านมานานกว่าห้าวันแล้ว ที่เธอหนีออกมาจากห้องเช่า ตอบไปเพราะไม่รู้จริงๆ แต่การตอบไปตามความจริงของเธอ ทำให้ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นดูน่ากลัวขึ้น
“น้องแพรรู้หรือเปล่า ว่ามันติดหนี้เสี่ยตั้งห้าแสน”
“ระ รู้ค่ะ แต่ แต่แพรไม่รู้จริงๆว่าเขาอยู่ไหน แพรเลิกกับเขาแล้ว แพรไม่รู้จริงๆ เสี่ยปล่อยแพรไปเถอะค่ะ”
หญิงสาวยกมือไหว้วอน หวังให้เขาสงสารหรือเห็นใจ กับหนี้ที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนก่อ
“ฮ่าๆ ฮ่าๆ”
คนที่แทนตัวเองว่าเสี่ยหัวเราะร่วน ราวกับกำลังมองดูตลกคาเฟ่อยู่ ร่างอ้วนท้วนสูงใหญ่ลุกขึ้นช้าๆ ก้าวขาเดินเข้าไปใกล้ ทิ้งตัวลงข้างๆในขณะที่คนรูปร่างบอบบางถอยห่างอย่างรวดเร็ว
หมับ!
“กูต้องได้เงินคืน จนกว่ามันจะโผล่หัวออกมา มึงต้องเอาตัวมาขัดดอกให้กู”
“ไม่! ปล่อยฉันไปเถอะค่ะ”
หญิงสาวสะบัดแขนออกจากการจับกุม ลุกขึ้นวิ่งหนีแต่ไม่ทัน ผู้ชายสองคนที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู พวกเขาคว้าเธอไว้ได้ ผู้ชายอีกสามคนรีบเข้าไปสมทบ ลากเธอไปสยบอยู่แทบเท้าเสี่ยใหญ่
“หน้าตาก็งั้นๆ มึงคิดว่าตัวเองมีทางเลือกมากนักหรือไง!”
“ให้ ให้แพรทำอย่างอื่นเถอะค่ะเสี่ย แพรทำแบบนั้นไม่ได้”
“ผัวมึงเป็นหนี้กู ไม่ใช่กูเป็นหนี้มึง มึงไม่มีสิทธิ์มาต่อลอง พามันไปที่บ้านกู”
“ไม่! ไม่นะเสี่ย อย่าทำหนูเลยค่ะ”
แพรวิภาดิ้นรนสุดชีวิต พยายามเตะขัดขาผู้ชายสองคนที่ลากเธอไปอย่างไร้ความปราณี แต่สิ่งที่เธอทำไร้ผลทุกอย่าง พวกเขาลากเธอออกไปด้านนอก มีหลายคนมอง แต่ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าไปยุ่งเลยสักคน ด้วยกลัวบารมีของเสี่ยใหญ่
“ช่วยด้วยค่ะ ได้โปรด ช่วยด้วย”
หญิงสาวมองคนพวกนั้นด้วยสายตาอ้อนวอน พวกเขาส่งสายตาเวทนามาให้ จากนั้นก็หันไปสนใจกิจกรรมของตัวเองต่อ น้ำตาแห่งความสิ้นหวังไหลอาบแก้มไร้สีสัน หลับตาลงช้าๆ อย่างคนยอมรับชะตากรรมของตัวเอง
“กลับแล้วเหรอเสี่ย?”
น้ำเสียงทุ้มดังขึ้นทางด้านหลัง เสี่ยใหญ่ซึ่งเดินนำหน้าขบวนหยุดชะงักเท้าลง ส่งผลไปถึงลูกน้องของเขาที่ลากตัวแพรวิภาอยู่ หญิงสาวลืมตาขึ้นมองอย่างมีความหวัง แต่ก็ต้องรู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง เมื่อชายที่เดินมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ไม่ได้ดูน่ากลัวน้อยกว่าเสี่ยคนนั้นเลย
แม้เขาจะมีรูปหน้าหล่อเหลาและดูหนุ่มกว่า แต่รังสีอำมหิตแผ่ซ่านออกมาจนสัมผัสได้ เขาดูอันตราย และดูมีอำนาจมากกว่าคนที่เป็นเสี่ยซะอีก
“ครับคุณเขตแดน พอดีผมได้ของเล่นตัวใหม่ ว่าจะพาพวกเด็กๆกลับไปลองของเล่นสักหน่อย”
เสี่ยคนนั้นหันมายิ้มให้แพรวิภา ขนอ่อนในตัวเธอลุกขึ้นอย่างพร้อมเพรียง เมื่อแปรความหมายประโยคพวกนั้นออก หญิงสาวมองใบหน้าหล่อเหลาของชายชุดดำผ่านม่านน้ำตา ถ้าหากขอความช่วยเหลือจากเขาคนนั้น เขาจะช่วยเธอหรือเปล่า เธอไม่อยากโดนคนพวกนี้ลากไป ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง
“คุณค่ะ ช่วยด้วยค่ะ” เสียงหวานปนสะอื้นเอ่ยขอร้อง
“ฮ่าๆ ขอความช่วยเหลือถูกคนซะด้วย กูจะบอกให้นะ ไอ้อัษติดหนี้คุณเขตแดนมากกว่ากูซะอีก ถ้าหากมึงยังไม่เงียบ กูจะให้คนของกูรุมโทรมมึงทั้งวันทั้งคืนเลย”
เสี่ยคนนั้นกระชากตัวเธอเข้าไป กระซิบขู่ข้างใบหู ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทั้งๆที่เธอไม่ผิดอะไรเลย ทำไมต้องมารับผลกรรมนั้นคนเดียว
“ขอตัวก่อนนะครับคุณเขตแดน”
เสี่ยใหญ่กระชากตัวหญิงสาวออกเดิน ในจังหวะที่กำลังจะถูกลากผ่านผู้ชายร่างสูงใหญ่กำยำไป หญิงสาวตัดสินใจคว้าเสื้อเชิ้ตของเขาไว้แน่น ใบหน้าหล่อเหลาหันไปมองพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง มองดวงหน้าซีดเซียวไร้สีสัน สลับกับเสี่ยอายุมากกว่าตัวเองหลายปี มองอยู่ครู่หนึ่งก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ