กำแพง

1409 คำ
“อ้อเดซี่! พี่ลืมบอก คุณแดนบอกว่าถ้าไปช้า วันนี้จะไม่จ่ายค่าแรงเรานะ” “อ่า พี่วีอ่ะ” หญิงสาวเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง ไม่สนใจว่าชุดที่ใส่อยู่มันจะทำให้ตัวเองลำบาก กระโปรงรัดรูปขัดแข้งขัดขาตอนวิ่ง เธอจึงรวบมันขึ้นสูงอย่างไม่สนใจว่าใครจะมองต้นขาขาวเนียน เธอไม่อยากถูกหักค่าแรง ลำพังหนี้ที่มีก็เยอะพออยู่แล้ว ถ้าหากโดนหักไปอีก เมื่อไหร่เธอจะได้ออกไปจากที่นี่ ก๊อกๆ ใช้เวลากว่าสิบนาที หญิงสาวก็หยุดยืนหอบหายใจอยู่หน้าห้องพักของคุณเขตแดน ยกมือขึ้นเคาะประตูไปแล้ว แต่ไร้เสียงตอบรับจากเจ้าของห้อง กำลังจะยกมือเคาะอีกครั้ง บานประตูไม้ชั้นดีก็ถูกเปิดออก “ไปก่อนนะคะแดน” ผู้หญิงแสนสวยที่เคยเคลื่อนไหวร่างกาย โดยมีร่างใหญ่โตขับเคลื่อนอยู่ด้านหลัง เดินผ่านแพรวิภาไปด้วยสภาพเรียบร้อย ใบหน้าสวยโดดเด่นของเธอ ทำให้ความอิจฉาของหญิงสาวทำงาน ถึงแพรวิภาจะเป็นผู้หญิงที่มีโครงหน้าดี แต่เวลาไม่แต่งหน้า หน้าเธอมันจืดสนิท ส่วนเธอคนนั้นแค่แต่งหน้าบางๆก็สวยเด่น สวยจนผู้หญิงด้วยกันอย่างแพรวิภานึกอิจฉาอยู่ในใจ “จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม” เสียงนุ่มทุ้มออกไปทางแหบพร่า คงเพราะก่อนหน้าเขาทำกิจกรรมบางอย่างที่ต้องใช้เสียงหนัก หญิงสาวคิดพลางเบ้ริมฝีปากขึ้นอย่างลืมตัว แล้วทำไมต้องไปนึกถึงอะไรแบบนั้นด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเลย “ค่ะ ขออนุญาตค่ะ” ร่างบอบบางเดินเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวัง มองไปยังโซฟาสีเข้มซึ่งมีร่างสูงใหญ่นั่งสูบซิการ์อยู่ ลดสายตาลงต่ำอย่างรวดเร็ว เมื่อพบว่าสายตาคู่นั้นจดจ้องมาที่ตัวเธอราวกับกำลังจับผิด “เป็นยังไงบ้าง พออยู่ได้ไหม?” “ก็ อยู่ได้ค่ะ” แพรวิภาตอบอ้อมแอ้ม ถ้าไม่นับรวมงานที่บางครั้งมักจะถูกลูกค้าลวนลาม เธอคิดว่าที่นี่ดีเลยแหละ ค่าแรงที่คุณเขตแดนจ่ายให้แบบไม่รวมทิป มันมากพอให้รวบรวมไว้ใช้หนี้ และเหลือเก็บเล็กน้อย สำหรับใช้เป็นทุนสำรองเวลาออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่อื่น “อืม ก็ดี” เมื่อเจ้านายไม่พูดอะไรต่อ หญิงสาวก็เดินไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะตัวที่อยู่ข้างๆโซฟา พื้นด้านล่างมีเศษแก้วกระจายอยู่เต็มพื้น เธอหยิบถาดจากบนโต๊ะมาเก็บเศษแก้วใส่ พยายามเก็บอย่างระมัดระวังเพราะไม่อยากโดนบาด แต่ภาพสุดเร่าร้อนของเจ้านายรบกวนอยู่ตลอด เศษแก้วในมือจึงเฉือนเอานิ้วมือเล็ก เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลอย่างรวดเร็ว “อึก!” ความเจ็บเล่นงานจนเผลออุทานเสียงดัง เจ้านายที่นั่งคิดบางอย่างอยู่บนโซฟา ลากสายตาไปมอง คิ้วเรียวยาวย่นเข้าหากัน ใบหน้าฉายความหงุดหงิด ริมฝีปากพึมพำสบท “แม่ง! เอามือมานี่ดิ!” มือเล็กเอื้อมไปตามคำสั่ง ระยะห่างน้อยนิดทำให้มันอยู่ในระดับเดียวกันกับใบหน้าเจ้านายพอดี และเขาก็ทำในสิ่งที่เธอไม่คาดคิด จ๊วบ! ริมฝีปากหยักสวยงับเอานิ้วมือเปื้อนเลือดเข้าไปข้างใน แรงดูดมีไม่มาก แต่มันสร้างความรู้สึกใหม่ๆ เข้ามาแทนที่ความเจ็บปวด “อ่า อื้อ! คะ คุณเขตแดนค่ะ มันสกปรก” “อืม” ดวงตาสีดำสวยฉายความไม่พอใจ มือใหญ่เอื้อมลงไปดึงท่อนแขนเรียวสวย ออกแรงดึงจนร่างเย้ายวนขึ้นมาเกยอยู่บนตัว คนบนตักสั่นสะท้านเพราะความกลัว ความรู้สึกแปลกๆเล่นงานร่ายกายสาว ในหัวเธอฉายวนอยู่เพียงภาพเดิมๆ นั่นก็คือภาพตอนที่เขาเคลื่อนไหวเข้าออกในร่างกายของตัวเอง “อ๊ะ! อื้อ คุณแดน” “มีอารมณ์?” “อือ เปล่านะคะ” อัษฎาวุธเคยตราหน้าหญิงสาว ว่าเป็นพวกตายด้าน แต่ทำไมตอนนี้เธอถึงรู้สึกว่าตัวเองห่างไกลจากคำนั้นเหลือเกิน เพียงแค่ฝ่ามือใหญ่บังคับสะโพกให้บดเบียดกับร่างกายเขา ร่างกายเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นราวกับถูกไฟลน ความรู้สึกต้องการท่วมท้น จนเกินจะห้ามความรู้สึก “…เกิดเปลี่ยนใจ อยากจะใช้ตัวขัดหนี้หรือไง?” พลั่ก! คำพูดนั้นทำให้มือเล็กยกขึ้นผลักอกเจ้านาย ดันร่างกายออกห่าง สถานะระหว่างเธอกับเขา เป็นได้แค่เจ้าหนี้กับลูกหนี้ แต่ทำไมเธอชอบเผลอลืม ปล่อยร่างกายให้วูบไหวไปกับสัมผัสของเขา น่าอายเหลือเกิน “คุณเขตแดนควรเก็บไว้ทำกับคนรักบ้างนะคะ” หญิงสาวเอ่ยเตือนด้วยความหวังดี แต่คนถูกเตือนกลับทำหน้าไม่พอใจ ริมฝีปากหยักสวย อ้าออกกัดนิ้วมือมีแผลอย่างแรง ความเจ็บทำให้มือเล็กเอื้อมไปหยิกเนื้อของเขาบ้าง แต่เนื้อบริเวณหน้าอกนั้นแข็งมาก เธอจึงเปลี่ยนจุดหมายมาเป็นบริเวณจุกเนื้อที่น่าจะหยิกได้ง่ายกว่า “อึก! เธอ! มันเจ็บ!” “ก็คุณกัดแพรก่อน” ใบหน้าสวยเชิ่ดขึ้นเล็กน้อย ตามปะสาคนไม่ชอบถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียว ท่าทางนั้นทำให้คนเห็นหัวเราะเสียงเบาในลำคอ ใบหน้าหล่อเหลาดูผ่อนคลายลง จนคนบนตักเผลอตัวจดจ้อง ให้ตาย! ทำไมเขาถึงมีเสน่ห์ได้ขนาดนี้ ท่าทางเขายังคงน่ากลัว แต่เธอกลับรู้สึกกลัวเขาน้อยลงมาก ซ้ำยังรู้สึกหวั่นไหวเพราะเขาแปลกๆ “ฮ่า ๆ ให้ตาย! ฉันคงดื่มเยอะไปหน่อย ถ้าหากไม่ได้ดื่ม ฉันคงจับเธอโยนออกไปนอกหน้าต่าง เด็กนิสัยเสีย แอบดูคนอื่นเขาเอากัน” ดวงตาสีดำทอประกายบางอย่างขณะพูด ส่งผลให้คนมองลากสายตาไปที่ไหนไม่ได้อีก ความรู้สึกกลัวที่ควรเกิดขึ้นเพราะคำพูดนั้น ไม่มีอยู่ในตัวหญิงสาวเลย มีเพียงความวูบวาบตามช่องท้อง และสมองที่จินตนาการไปไกล ถ้าหากคนที่ถูกกระทำเมื่อครู่เป็นเธอ มันจะรู้สึกแบบวันนั้นหรือเปล่า ผู้หญิงคนนั้นได้รับความอ่อนโยนที่ควรได้บ้างไหม หรือว่ามีแค่เธอที่ถูกกระทำอย่างรุนแรง กับคนอื่นเขาทำแบบเดียวกันหรือเปล่า มีแต่ความคิดแบบนี้ วุ่นวายอยู่ในหัวจนแพรวิภาไม่รู้สึกตัว กว่าจะรู้ว่าควรมีสติอยู่กับตัว ก็ตอนที่ชายกระโปรงถูกมือใหญ่ดึงขึ้นมากองไว้บนเอว ความเย็นของเครื่องปรับอากาศลามเลียต้นขา และแท่งเนื้อแข็งดุนดันอยู่กับจุดเสียวกระสันกลางกาย “คะ คุณเขตแดน! ปล่อยได้แล้วค่ะ แพรยังทำงานไม่เสร็จ” “ปล่อยไว้นั่นแหละ เมาวะ! แม่ง! ยัยบ้านั่น มอมเหล้ากูชัดๆ” แพรวิภาไม่แปลกใจที่เจ้านายพูดแบบนั้น เพราะปริมาณขวดเหล้าเปล่าที่วางอยู่ก่อนนั้นมีถึงสองขวด ไม่รู้ว่าเขาดื่มคนเดียวทั้งหมด หรือผู้หญิงคนนั้นดื่มด้วย คงจะดื่มด้วยกันนั่นแหละมั้ง เพราะเขาคลุกอยู่กับเธอตั้งนาน แพรวิภาได้ยินราตรีพูดเข้าหูแว่วๆตั้งแต่ยังไม่ค่ำ ว่าคุณเขตแดนพาผู้หญิงคนนั้นมาที่นี่ตั้งแต่บ่าย เวลานี้ก็สี่ทุ่มไปแล้ว ไม่เมาก็แปลกแล้วแหละ “อยากได้อะไรไหมคะ อย่างเช่นน้ำผึ้งมะนาว” เพราะเมื่อก่อนเคยทำให้อดีตคนรักดื่มตอนเมา เธอจึงคิดว่าเขาน่าจะต้องการมัน แต่เจ้านายสุดหล่อกลับส่ายหน้า วางใบหน้าลงบนไหล่ช้าๆ ลมหายใจร้อนเป่ารดผิวบริเวณนั้น จนขนอ่อนในกายสาวลุกขึ้นทั้งตัว เพราะเขาเมานี่เอง ความน่ากลัวจึงลดน้อยลง แถมยังอ่อนโยนด้วย ถ้าหากเป็นคุณเขตแดนเวลาปกติ คงไม่ทำตัวแบบนี้กับเธอหรอก ส่วนเธอก็คงเมาแหละ ถึงได้หวั่นไหวขนาดนี้ ตอนทำงานไม่น่าดื่มตามที่ลูกค้าบังคับเลย “…อยู่แบบนี้ก็พอ” หญิงสาวปล่อยให้คุณเจ้านายหนุ่มฟุบหน้าอยู่แบบนั้น ยกมือข้างที่มีแผลขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าแผลมันไม่ใหญ่ ก็ใช้มันลูบเส้นผมสีดำสนิทเบาๆ ความอ่อนโยนในตอนนี้ของเขา ทำให้กำแพงหัวใจที่เธอสร้างไว้พังทลายลงมาทีละนิด รอยร้าวที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เขายื่นมือเข้ามาช่วยทั้งที่ไม่เกี่ยวข้องอะไรเลย ทำให้ความทนทานของกำแพงนั้นลดน้อยลง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม