“ขี้ขโมย ฉวยโอกาส”
ปาลิตาเค้นเสียงพรุสวาทในทันทีที่เรียวปากอิ่มเป็นอิสระ ดวงตากลมโตจ้องมองมาร์คัสเขม็ง หากฆ่าอีกฝ่ายให้ตายได้ด้วยสายตาคู่นี้ คงทำไปนานแล้ว
มาร์คัสหัวเราะออกมาเบาๆ ยอมรับว่าเขาริทำตัวเป็นหัวขโมยตั้งแต่เจอกับปาลิตา แต่ถ้าหากจะโทษเขาแค่เพียงคนเดียวก็คงไม่ได้ เพราะปาลิตาช่างน่าหลงใหล เข้าใกล้ทีไร เลือดในกายของเขาร้อนระอุขึ้นมาในทันที
“เอมมี่ ไปนอนก่อนนะครับ เดี๋ยวแด๊ดดี้จะอุ้มหนูเอง”
มาร์คัสเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่น มองใบหน้าของเอมมี่แล้วไม่ต่างจากมองใบหน้าของลูร์คัส เขาอยากรู้จริงๆ ว่าถ้าหากเจ้าน้องชายตัวแสบรู้ว่าตัวเองมีลูกสาวโตถึงเพียงนี้แล้ว จะพูดว่าอย่างไรบ้าง
“ค่ะแด๊ดดี้...”
หนูน้อยเอมมี่รับคำเสียงแผ่วเบา ทั้งเหนื่อย ทั้งง่วงนอนจนลืมตาไม่ขึ้นแล้ว พอมาร์คัสบอกว่าจะอุ้มไปนอน ก็รีบอ้าแขนสวมกอดมาร์คัสไว้
มาร์คัสอุ้มเอมมี่ตรงไปยังห้องนอน ที่เขาตั้งใจจะให้เด็กน้อยพักในห้องนี้ ส่วนอีกห้อง! ซึ่งอยู่ติดกับห้องนอนของเขา และมีประตูเชื่อมเข้าหากัน เขาได้วางแผนไว้เรียบ
ร้อยแล้วว่า ใคร? ควรจะเข้าพักในห้องนี้
“เปิดประตูให้ผมหน่อย ป้าไข่”
ปาลิตาจำต้องทำตามคำสั่งของมาร์คัส พอเห็นว่าอีกฝ่ายเดินตรงไปยังห้องไหน ก็รีบเปิดประตูออกกว้าง ให้อีกฝ่ายอุ้มเอมมี่ไปวางไว้บนเตียงนอน
“เอมมี่ไม่อยากนอนเลยค่ะ แด๊ดดี้...” เอมมี่เอ่ยบอกทั้งๆ ที่แทบจะเปิดตาไม่ขึ้นแล้ว
“ทำไมล่ะครับ แด๊ดดี้รู้ว่าเอมมี่เหนื่อยมาก นอนพักผ่อนก่อนนะครับคนเก่งของแด๊ดดี้”
มาร์คัสทั้งเอ่ยปลอบทั้งหลอกล่อหนูน้อย และพอได้ยินคำตอบในประโยคต่อมาของเอมมี่ ก็ถึงกับนิ่งขึงไปนานหลายนาที
“เอมมี่ไม่อยากนอน เพราะเอมมี่กลัวว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เห็นหน้าแด๊ดดี้อีก...เหมือนตอนมามี้จากเอมมี่ไป พอตื่นนอนขึ้นมา มามี้ก็ไปสวรรค์แล้ว...”
ในขณะมาร์คัสนิ่งขึงกับคำพูดสั่นเครือของเอมมี่ ปาลิตาต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตาออกจากดวงตาอันแดงก่ำเพราะการกล้ำกลืนก้อนสะอื้นไว้ พอมาร์คัสหันมามอง ก็จ้องตอบอีกฝ่ายเขม็งไม่มีหลบตา พร้อมกับพึมพำเค้นเสียงตอกย้ำความผิดของเขา
“เพราะคุณ ทำให้น้องสาวของฉันต้องตาย เอมมี่กำพร้าพ่อตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ และมีโอกาสอยู่กับแม่ได้แค่ไม่กี่ปี คุณเป็นต้นเหตุให้เอมมี่สูญเสียทุกอย่าง”
มาร์คัสลอบถอนหายใจลึก ไม่อาจแก้ตัวให้กับตนเองได้ ถึงแก้ตัวไปก็เปล่าประโยชน์ ในเมื่อเขามีใบหน้าพิมพ์เดียวกันกับลูร์คัส ยังไงๆ ปาลิตาก็ไม่มีทางเชื่อว่าเขาไม่ใช่พ่อของเอมมี่ ไม่ใช่คนที่ทำให้น้องสาวของเธอต้องตาย สิ่งที่เขามั่นใจในตอนนี้คือ ลูร์คัสคงไม่ได้บอกสองพี่น้องคู่นี้แน่ว่า เขามีพี่ชายฝาแฝดด้วย
“เอาเถอะ ปาลิตา ผมยอมรับผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด และนับต่อจากนี้ไป ผมจะพยายามแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้น จะดูแลเอมมี่ให้ดีที่สุด เท่าที่ผมจะสามารถทำแทนใครบางคนได้”
ปาลิตารู้สึกสะดุดหูในประโยคตอนท้ายของมาร์คัส แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา นอกจากเหน็บแนมเยาะหยันอีกฝ่ายต่อ
“ก็ดีค่ะ ที่คุณคิดได้แบบนี้ แต่อย่าคิดว่าการทำดีกับเอมมี่ จะสามารถลบล้างความผิดของคุณได้ ฉันจะไม่ยอมให้อภัยคุณอย่างแน่นอน”
“แม้ว่าผมไม่ใช่คนผิด คุณก็จะไม่ให้อภัยผมหรือ ปาลิตา” คราวนี้มาร์คัสเอ่ยถามเสียงเข้ม เจอกันไม่นาน เขาก็เริ่มแคร์ความรู้สึกของปาลิตาแล้ว
“ต่อให้คุณไม่ใช่คนผิด ฉันก็ไม่มีทางให้อภัยคุณ” ปาลิตาตอกย้ำให้ได้ยินอย่างชัดเจน
และก่อนมาร์คัสกับปาลิตาจะห้ำหั่นกันไปมากกว่านี้ ก็มีเสียงของเอมมี่ดังแทรกขึ้นมาก่อน
“แด๊ดดี้คะ แด๊ดดี้นอนกอดเอมมี่ได้ไหมคะ”
มาร์คัสหันมาให้ความสนใจเอมมี่อีกครั้ง และเมื่อถูกหนูน้อยขอร้อง ก็รีบก้าวขึ้นไปนั่งบนเตียง ยกมือลูบไปบนศีรษะเล็ก แล้วเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“แด๊ดดี้จะอยู่เป็นเพื่อนเอมมี่ จนกว่าเอมมี่จะนอนหลับนะครับ”
“พอเอมมี่ตื่นขึ้นมา เอมมี่ยังเห็นแด๊ดดี้อยู่กับเอมมี่ใช่ไหมคะ”
เอมมี่เอ่ยถามเพื่อความมั่นใจ ยื่นมือเล็กไปข้างหน้า พยายามจะจับมือของคนที่เธอเข้าใจผิดมาตลอดว่าเป็นพ่อของตนเองไว้
มาร์คัสจับมือเล็กของเอมมี่มากุมไว้ ส่วนมืออีกข้างก็ยังคงลูบไปบนศีรษะเล็ก แล้วเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นเพื่อให้ความมั่นใจกับหนูน้อย
“แด๊ดดี้สัญญาครับ ว่าจะอยู่กับเอมมี่ เมื่อเอมมี่ตื่นขึ้นมาจะเห็นแด๊ดดี้เป็นคนแรกครับ”
เอมมี่ยิ้มออกมาได้กับคำสัญญาของมาร์คัส และฉีกยิ้มกว้างมากกว่าเดิม เมื่อมาร์คัสหอมลงมาบนหน้าผากของตนเอง
“กู๊ดไนท์นะคะแด๊ดดี้ ป้าไข่”
มาร์คัสหัวเราะออกมาเบาๆ กับคำพูดของเอมมี่ เพราะตอนนี้เพิ่งจะเป็นเวลาบ่ายคล้อยเท่านั้นเอง ซึ่งหลังจากรู้ว่าเอมมี่เป็นหลานสาวของเขา เป็นลูกของลูร์คัส และเพิ่งเดินทางมาถึงประเทศไทยด้วย เขายอมทิ้งงานไว้ข้างหลัง ตัดสินใจพาทั้งเอมมี่และปาลิตามายังคอนโดของเขาในทันที
“กู๊ดไนท์ครับคนเก่งของแด๊ดดี้”
“กู๊ดไนท์ค่ะ เอมมี่”
ปาลิตาก้มลงไปหอมแก้มของหลานสาวบ้าง จากนั้นก็ผละออก ปล่อยให้มาร์คัสได้ทำหน้าที่ของพ่อ กล่อมเอมมี่ จนกระทั่งนอนหลับในที่สุด
มาร์คัสนั่งนิ่ง สังเกตสีหน้าและผิวกายของเอมมี่ และไม่รู้ว่าเขาคิดมากไปเองหรือเปล่า เมื่อสังเกตเห็นว่าเอมมี่มีสีผิวที่ซีดผิดปกติ
“ป้าไข่”
“ปาลิตา”
ปาลิตาเค้นเสียงเรียกชื่อตัวเอง หลังจากมาร์คัสกลับไปเรียกตามเอมมี่อีกครั้ง
“โอเค ปาลิตาก็ปาลิตา”
มาร์คัสยอมเรียกตามที่หญิงสาวต้องการ จากนั้นก็เอ่ยถามในสิ่งที่ตนเองสงสัยเกี่ยวกับเอมมี่
“ผมอยากรู้ว่าเอมมี่มีสีผิวแบบนี้ตั้งแต่แรกเกิดเลยหรือครับ”