Ep.4
หลายวันต่อมา
"ค่ะ คุณอา ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวหยาไปหาเอง ที่xxx แถวคลองเปรมใช่ไหมคะ"
...
"ค่ะ สวัสดีค่ะ"
ทันทีที่วางโทรศัพท์ เสียงถอนหายใจดังๆถูกพ่นออกมาอย่างรู้สึกเบื่อหน่ายและท้อแท้กับชีวิต
"ไม่มีบริษัทไหนโทรหาเลย" ปากสวยอิ่มอมชมพูบ่นออกมา
ก็แล้วแต่นะ ถ้าคิดว่าตัวเองหางานได้ ในเมื่อนามสกุลของเธอมันฉาวโฉ่ คงจะมีบริษัทรับเข้าทำงานหรอก
หรือเพราะนามสกุลของเธอที่กำลังฉาว อย่างที่เพื่อน(ไม่)สนิทชื่อนาราบอก
เธอนั่งคิดไม่ตก ถ้าไม่มีใครติดต่อมาเลย นั่นเท่ากับว่าเธอไม่มีงานทำตลอดชีวิตเลยใช่หรือไม่
นิ้วเรียวสวยปลดบล็อคแชทเพื่อนที่ชื่อนาราเพราะเธอทิ้งเบอร์โทรไว้ให้
085xxxxxxx ทันทีที่ปลดบล็อค เธอกดไปที่ตัวเลขแล้วโทรออก แต่ทว่าอีกฝั่งกลับไม่รับสาย...
ร่างบางผอมเพรียวหุ่นนางแบบจึงเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าแล้วพาตัวเองไปยังสถานที่ที่หนึ่งที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางกลับประเทศไทย แต่เพราะคุณอาเอ่ยไว้ว่าจะพาไป แต่ผู้ใหญ่กลับไม่ว่างเธอเลยตั้งใจจะไปหาคุณพ่อคุณแม่ด้วยตัวเอง
เรือนจำxxx
ร่างบางผอมเพรียวสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนส์สีอ่อนทรงขากระบอกกับรองเท้าคัทชูสีดำเปิดประตูลงจากรถแท็กซี่ก่อนจะยืนอยู่ที่หน้าเรือนจำพร้อมกับถุงที่ถืออยู่ในมือทั้งสองข้างเป็นจำพวกเฉพาะของใช้ส่วนตัวที่จำเป็นทั้งสิ้นรวมไปถึงอาหารและผลไม้
เธอเซิสหาข้อมูลก่อนมาสถานที่แห่งนี้ว่าต้องเตรียมอะไรบ้าง เรื่องการแต่งตัวก็สำคัญเธอจำเป็นต้องหาชุดที่สุภาพนำมาสวมใส่เพื่อเข้าเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่
ย่าหยาเดินไปที่เจ้าหน้าที่แล้วเขียนรายระเอียดต่างๆให้ครบถ้วนลงในแบบฟอร์มใบเยี่ยมญาติที่เตรียมไว้ให้ เสร็จแล้วส่งมอบให้กับเจ้าหน้าที่ พร้อมบัตรประจำตัวประชาชนของเธอ
จากนั้นก็รอฟังรายชื่อเพื่อเข้าเยี่ยมภายในห้องที่ทางเรือนจำเป็นคนกำหนด
เมื่อพนักงานเอ่ยเรียกเธอจึงลุกจากเก้าอี้พลาสติกสีขาวแล้วเดินตามเจ้าหน้าที่ไป
"คุณพ่อ คุณแม่" ทันทีที่ได้เห็นหน้าผู้ให้กำเนิดที่นั่งรออยู่สวมใส่ชุดสีน้ำตาลของทางเรือนจำ ใบหน้าสวยเฉี่ยวก็ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดสภาพ
"ลูก~" สองคนสามีภรรยาเมื่อเห็นลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ก็ร้องไห้ไปตามๆกัน เธอนั่งอยู่ตรงหน้าคุณพ่อคุณแม่ผ่านกระจกบานพับที่เลื่อนเปิดปิดได้และมีตาข่ายกั้น
"ฮึก~ หนูกลับมาหาคุณพ่อคุณแม่แล้วนะคะ"
"โถ่ลูก" วรรณรีแม่ของเธอยกฝ่ามือขึ้นทาบกับกระจก อยากกอดลูกใจจะขาดแต่ก็ทำไม่ได้
"แล้วเดินทางมายังไง ไอดิษมันมาด้วยหรือเปล่า" ปฐวีร์ชะเง้อมองหาน้องชาย ช่วงหลายวันก่อนที่ลูกสาวคนนี้จะกลับมา ดิษน้องชายของปฐวีร์ได้เข้าเยี่ยมพี่ชาย ปฐวีร์จึงได้ฝากฝังลูกสาวคนนี้ให้ดิษเป็นคนดูแลแทนในช่วงที่เขาและภรรยาอยู่ในเรือนจำ
"ไม่ได้มาค่ะ คุณอาติดธุระ หยาจึงนั่งแท็กซี่มาเอง"
"อืม แล้วตอนนี้พักอยู่ที่ไหนลูก" วรรณรีถามด้วยความเป็นห่วงลูกสาวสุดหัวใจ
"คอนโดเลอมิวร่าค่ะ"
"แม่ลืมไปว่าคอนโดนั้นเป็นชื่อของลูก" วรรณรีพูดกับลูกสาว "ดีนะคะที่เราโอนเป็นชื่อของลูกไป" วรรณรีหันไปพูดกับสามีด้วยสายตาเศร้าสร้อย ห่วงว่าลูกจะไม่มีที่อยู่
"คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหยานะคะ หยาดูแลตัวเองได้ หยาซื้อของใช้ส่วนตัวและก็เงินจำนวนหนึ่งให้คุณพ่อคุณแม่ไว้ใช้นะคะ แต่ของทั้งหมดตอนนี้อยู่กับเจ้าหน้าที่"
"พ่อกับแม่ขอโทษนะลูกที่ไม่ได้อยู่ดูความสำเร็จของลูก" ปฐวีร์เอ่ยขอโทษลูกทั้งน้ำตา ลึกๆสงสารลูกจับใจ ลูกต้องอยู่ตัวเดียวไม่มีพ่อแม่เป็นที่พึ่ง ถึงแม้เขาจะฝากฝังลูกสาวไว้กับน้องชายแล้วก็ตาม
"อย่าร้องไห้สิคะ ฮึก~ หยาจะมาเยี่ยมคุณพ่อคุณแม่บ่อยๆนะคะ" ช่วงนี้เธอยังคงว่างงานมีเวลามาเยี่ยมท่านได้บ่อย
"หางานทำเถอะนะลูก จะได้มีเงินไว้กินไว้ใช้ ตอนนี้พ่อกับแม่เหลือแต่ตัวช่วยเหลืออะไรลูกไม่ได้อีกแล้ว" ปฐวีร์เอ่ยอย่างรู้สึกเจ็บใจ พาลโกรธเพื่อนสนิททั้งสองคนที่กล้าหักหลังและโยนความผิดมาให้เขากับภรรยา
"หยารู้เรื่องจากคุณอาหมดแล้ว เราไม่มีความหวังเลยเหรอคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่มีโอกาสจะได้ออกจากที่นี่ไหม"
"มีลูก แต่มันคงจะนานเกินไป" วรรณรีตอบลูกสาวด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง
"นานนี่กี่ปีคะ"
"ไม่เกิน 20 ปี หรืออาจจะไวกว่านั้น ไอพากย์กับภรรยาของมันเปิดบริษัทขึ้นมาบังหน้าเพื่อฉ้อโกงคนเป็นร้อยๆหลอกเอาเงินคนในจำนวนหลายร้อนล้านบาท หลอกให้พ่อกับแม่ร่วมลงทุน เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนก็ไม่ทันได้คิดอะไร แต่ที่น่าสงสัยคือลายเซ็นต์ในเอกสารนั่นมันเป็นลายเซ็นต์แท้ๆจากพ่อกับแม่ได้ยังไง พ่อกับแม่ไม่เคยเซ็นต์เอกสารใบนั้น ไม่เคยเปิดบริษัทบ้าๆนี่ขึ้นมาทั้งที่ไอพากย์กับภรรยาของมันต่างหากล่ะที่เป็นคนเปิด" ปฐวีร์บอกความคับแค้นในใจให้กับลูกสาวฟัง พลันกำมือแน่นทุบเข้าที่กระจกแรงๆเพื่อระบายความอัดอั้นตันใจ จนวรรณรีภรรยาที่นั่งอยู่ข้างๆต้องรีบโผเข้ากอดปลอบเพื่อระงับอารมณ์สามี
"ฮึก อย่าทำแบบนี้เลยนะคะคุณพ่อ" เธอเอ่ยห้ามกลัวว่าคุณพ่อจะเจ็บตัว "หยาสัญญาว่าหยาจะดูแลตัวเอง หยาจะเข้มแข็งเพื่อคุณพ่อคุณแม่" เธอยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มขาวเนียนใส อยากจะช่วยคุณพ่อคุณแม่แทบใจจะขาด แต่กลับไม่มีทางที่จะช่วยเหลือท่านทั้งสองคนได้เลย เธอทำได้เพียงแค่รอวันที่คุณพ่อคุณแม่จะได้รับอิสระซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
"หยาลูก นับจากนี้หนูต้องดูแลตัวเองดีๆ คนสมัยนี้มันไว้ใจไม่ได้เลยจริงๆ ถึงจะสนิทแค่ไหนก็ยังหักหลังกันได้ลง ดูพ่อกับแม่เป็นตัวอย่าง" ปฐวีร์เอ่ยอย่างคนเคียดแค้นไม่หายนึกถึงเพื่อนสนิทของตัวเองที่กล้าทำแบบนี้
"ค่ะ คุณพ่อหยาเข้าใจ หยาจะระวังตัวไม่ไปยุ่งหรือสุงสิงกับใครถ้าไม่มีความจำเป็น"
"ดีลูก มีอะไรก็บอกกับเจ้าดิษมันนะ" ปฐวีร์ย้ำ เพราะคนที่ไว้ใจได้มากที่สุดในตอนนี้ก็คือน้องชายของเขา
"ค่ะคุณพ่อ หยาจะระวังตัว ตอนนี้หยามีเงินติดตัวอยู่จำนวนหนึ่ง ยังมีกินมีใช้ในระหว่างที่หางานทำหยาจะใช้เงินอย่างประหยัด"
"พ่อขอโทษนะลูก" ปฐวีร์เอ่ยเสียงสั่นเครือพลางน้ำตาไหล สงสารลูกสาวที่ต้องอยู่เพียงลำพัง
"คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้ผิดเลยค่ะ เป็นอาพากย์กับภรรยาของเขาต่างหาก"
"จะหมดเวลาแล้ว" เสียงทุ้มดุจากชายที่ยืนอยู่ด้านหลังของสองสามีภรรยาเอ่ยขึ้น
"ไปพักผ่อนเถอะลูก ต่อไปถ้ามาเยี่ยมพ่อกับแม่ไม่ต้องซื้อของมานะ เก็บเงินเอาไว้" วรรณรีเอ่ยกับลูกสาวทั้งน้ำตา เมื่อต้องจากลาลูกสาวอันเป็นที่รักสุดหัวใจ
"ไว้หนูจะมาเยี่ยมใหม่นะคะ" ร่างบางผอมเพรียวหุ่นนางแบบลุกขึ้นจากเก้าอี้ยกมือไหว้ลาคุณพ่อคุณแม่ของเธอ
หน้าเรือนจำ เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น มือสวยเปิดประเป๋าสะพายแบรนด์ดังแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
085×××××××
"ฮัลโหล"
(ไง เปลี่ยนใจเหรอ ถึงได้โทรหาฉัน)
"งานที่เธอเสนอ ฉันสามารถเริ่มงานเลยได้หรือเปล่า" เธอเข้าเรื่องทันที ไม่อยากจะสนทนากับเธอเท่าไหร่นักเพราะอีกฝั่งพูดจาไม่เข้าหูเสียเลย เธอไม่ชอบ
(ฮ่า ฮ่า ฮ่า ได้สิ สำหรับคนสวยๆอย่างเธอ เริ่มคืนนี้ยังได้เลย อ้อ แล้วแต่งชุดเดรสสีแดงเกาะอกรัดรูปกระโปรงสั้นเสมอหลีหูมาด้วยล่ะ เจ้านายฉันชอบ)
"อะไรคือหลีหู"
(คำศัพท์กะเทยไง เธอนี่เชยจริง ไปอยู่เมืองนอกเมืองนาคงจะมีแต่เยส เยส เยส สินะ)
(เอาเป็นว่าชุดที่ฉันบอกเอามาเปลี่ยนที่ร้านก็ได้ แล้วมีเงินซื้อชุดใหม่ไหม ถ้าไม่มีฉันจะสงเคราะห์ให้ชุดแค่ 2-300 บาท ประตูน้ำเยอะแยะ เธอใส่ได้ใช่ไหมของตลาดน่ะ)
"แพงกว่านี้ฉันก็ซื้อได้ ฉันไม่อยากคุยกับเธอแล้ว บอกสถานที่และเวลาด้วย แค่นี้" ปากเล็กพ่นเสียงตะคอกใส่ปลายสายด้วยอารมณ์โมโห ก่อนจะหันหลังมองไปยังประตูทางเข้าเรือนจำ
"คุณพ่อคุณแม่คะ หยาขอโทษ หยาจำเป็นที่จะต้องรับงาน...พวกนี้"