บทที่9 ครอบครัวลั่วอัน
“ทีนี่เจ้าจะไปได้หรือยังแม่นางลั่วอัน” อ่า…คุณตาน่ะ…ลั่วอันก็ลั่วอัน…ฉันพยักหน้าให้คุณตา เพราะต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นฉันไม่สนแล้ว…ถ้าจะบอกว่าฉันทนดูเขาไม่ได้ มันก็มีส่วน…เพราะปกรณ์คือรักแรกของฉัน…แต่ฉันเชื่อว่าบ้านราคาหลายสิบล้าน กับรถทั้งสามคัน พวกเขาไม่น่าจะเดือดร้อนอะไร นวลพรรณหากรู้ไม่ว่าบ้านและรถยนต์ทั้งสามคันจะถูกไฟแนนซ์กับธนาคารมายึดในไม่ช้านี้………
คุณตาพาฉันมาไปที่แห่งหนึ่ง แล้วชี้ให้ดู เป็นบ้านหลังกะทัดรัดล้อมรอบด้วยไม้ไผ่ ข้างหลังบ้านติดผืนป่าใหญ่
“ข้ามาส่งเจ้าแค่นี้ ในกระท่อมนั้นมีร่างของเจ้าอยู่ เจ้าแค่เข้าไปอยู่ในร่างเดิมของเจ้า แล้วลมหายใจเจ้าจะกลับมา…ไปเถอะ เวลาเหลือไม่มากแล้ว” เพราะมัวแต่ไปยืนดูบุรุษน่าเกลียด เซียนหลู่ซินไม่ได้พูดออกไป
เขาได้รับหน้าที่จากเจ้าแม่กวนอิม ให้รับผิดชอบนำดวงวิญญาณที่ไปเกิดผิดที่ผิดทางกลับมาที่ร่างเดิม
“ขอบคุณคุณตา แล้วความทรงจำของฉันทั้งภพก่อนและภพนี้จะยังอยู่กับฉันใช่ไหมคะ”
“ใช่…เรื่องนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง…อย่าลืม 4 พ่อลูกด้วยที่รอความช่วยเหลือจากเจ้าอยู่”
“ฉันไม่ลืมเจ้าค่ะ” ซื้อของมาเผื่อพวกเขาเยอะขนาดนี้ จะลืมได้อย่างไรเล่า อีกอย่างแววตาของทั้ง 4 คนยังติดอยู่ในหัวฉัน
“เช่นนั้นโชคดีแม่นางลั่วอัน”
“ขอบคุณค่ะคุณตา…ฉันหวังว่าจะได้เจอคุณตาอีกนะคะ” ฉันโค้งคำนับขอบคุณคุณตา เมื่อเงยหน้าขึ้น คุณตาหายไปแล้ว อ่า…คุณตาท่านจะรีบไปไหน…วิญญาณฉันรีบไปที่กระท่อมน้อย เข้าไปข้างใน โอ้ว…นั่นมันฉันสมัยสาว ๆนี่นา แต่ทำไมร่างเราซีดเซียวเหมือนคนป่วยนะ…นวลพรรณรีบเข้าร่าง
“โอยยย…ทำไมแขนขาถึงยกไม่ขึ้น…นี่ก่อนหน้านั้นร่างเรานี้ไปโดนอะไรมา” เธอพยายามลุกแต่ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตั้งใจว่าจะเก็บแรงไว้ แล้วค่อยลองลุกขึ้นอีกครั้ง ระหว่างนั้นเธอเผลอหลับไป
(ต่อไปนี่นางเอกจะเปลี่ยนคำพูดแบบยุคที่เข้ามาอยู่นี้…ตามสัญชาตญาณเจ้าของร่างนี้”
ระหว่างที่หลับอยู่นั้น เหมือนข้าได้ดูเรื่องราวชีวิตของตัวข้าเอง
สองแม่ลูกอยู่ด้วยกันแค่สองคนในบ้านหลังน้อย หมู่บ้านเล็ก ๆ อุดสมบูรณ์ไปด้วยของกินจากป่าใหญ่ สำหรับคนที่มีฐานะดีหน่อย จะมีนาเป็นของตัวเอง นางและมารดาหาของป้าไปขาย ฤดูทำนาก็ไปรับจ้างทำนา
“ท่านแม่…วันนี้ข้าจะเข้าป่า ท่านแม่อยู่บ้านนะเจ้าคะ” ลั่วอันสะพายตะกร้าพร้อมกับมีด 1 เล่ม
“เจ้าให้แม่ไปด้วยเถอะอันเอ๋อร์…แม่หายดีแล้ว” นางลั่วอิงเดินออกจากบ้านจะไปหาของป่ากับบุตรสาวด้วย ที่ผ่านมานางนอนพักเป็นเดือนแล้ว
“ท่านแม่อย่าดื้อ…ข้าไปไม่ไกลจ้ะ รอให้ท่านแม่หายดี ๆ ข้าจะพาท่านแม่ไปหาปลาที่ลำธารฝั่งโน้น”
ที่มารดาเป็นแบบนี้ เนื่องจากคราก่อนไปหาฟืนกับนาง แล้วระหว่างทางกลับมา ทางลงเขาชันและลื่น ท่านหกล้ม นางต้องทิ้งตะกร้าไว้ แล้วแบกท่านลงเขากลับมา จากนั้นไปเอาสมุนไพรมาตำพอกขาให้ท่าน ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าขาของท่านจะดีขึ้น
นางลั่วอิงยอมจำนนต่อสายตาที่บุตรสาวส่งมาให้ แล้วนางนั่งมองบุตรสาวเดินเข้าไปในป่าจนลับสายตา สักพักมีสตรีนางหนึ่งมาหานาง เมื่อนางลั่วอิงเห็น ก็ถอนหายใจ สีหน้าคล้ายจะพูดว่ามาอีกแล้วหรือ
“ลั่วอิง วันนี้อันเอ๋อร์ไม่อยู่หรือ” นางจื่อหยาเป็นแม่ม่าย สามีเสียชีวิตแล้ว นางมีลูกสองคน คนโตเป็นสตรี ออกเรือนไปกับบุรุษต่างหมู่บ้าน ระยะทางก็ไกลโข มิได้พบหน้ากันอีกเลย ส่วนคนที่สองเป็นบุรุษ อายุเท่าอันเอ๋อร์ของนาง
ไม่รู้เป็นอันใด จื่อหยาไปขอลูกสาวบ้านใดถูกปฏิเสธทุกหลังคา ทั้ง ๆที่จื่อถงขยันทำงาน นางจื่อหยาน้อยใจ มาระบายความในใจให้นางฟังบ่อย ๆ ว่าที่ไม่มีใครยกบุตรสาวให้เพราะนางยากจน
“อืม…นางเพิ่งออกจากบ้านเมื่อสักครู่…วันนี้จื่อถงก็ไปเข้าป่าหรือ” ลั่วอิงถามเพื่อนบ้านที่ไปมาหาสู่กันตลอด
“วันนี้จื่อถงไปช่วยลุงจางซ่อมคันนาจ้ะ…เห็นบอกว่าวันก่อนฝนตกหนัก น้ำป่าไหลเข้านา พัดพาท่องซุงขนาดใหญ่ทำให้คันนาเสียหายหลายจุด”
“อย่างนั้นหรือ แล้วเจ้าถือสิ่งใดมา” ลั่วอิงเห็นจื่อหยาถือของที่ห่อด้วยใบตอง
“ข้าเกือบลืม วันก่อนจื่อถงของข้าไปเข้าป่า ได้กวางมา 1 ตัว เขาขอให้ข้าแบ่งมาให้เจ้ากับอันเอ๋อร์ด้วยจ้ะ” นางจื่อหยายื่นห่อใบตอง ข้างในเป็นเนื้อกวางแห้ง
“ขอบใจมากจื่อหยา…เมื่อวานลั่วอันเอากล้วยมาหลายหวี เจ้านำกลับไปกินที่บ้านด้วยละ”
“ได้ ที่บ้านของข้ากล้วยหมดพอดี…” จื่อหยาเชื่อว่าความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จจะอยู่ที่นั่น ที่นางแวะเวียนมาหาสหายบ่อย ๆ เพื่อที่สหายจะใจอ่อน ยกบุตรสาวให้มาเป็นลูกสะใภ้นาง
ที่ผ่านมานางเคยพูดเรื่องนี้มาแล้ว สหายลั่วอิงบอกว่าปล่อยให้หนุ่มสาวคุยกันเอง แต่เวลาผ่านไป บุตรชายของนางกับอันเอ๋อร์ ทั้งคู่ยังคงความสัมพันธ์ไว้แค่สหาย ไม่มีการที่พัฒนาแต่อย่างใด แล้วยามนี้วัยของทั้งสองคนเลยวัยหนุ่มสาวไปแล้วด้วย ยิ่งจะทำให้มีลูกยากเข้าไปอีก
“ลั่วอิง ข้าว่าบุตรชายกับบุตรสาวเจ้าไม่มีทางลงเอยกัน พวกเราวางยาพวกเขาดีไหม” จื่อหยานางอารมณ์ดี พูดจาทีเล่นทีจริง แต่ถ้าสหายเห็นด้วยนางจะเป็นคนจัดการทุกอย่าง
“จื่อหยา ข้ารู้ว่าที่ผ่านมาเจ้าเอ็นดูอันเอ๋อร์ของข้า ขอบคุณเจ้ามาก ที่เจ้าเสมอต้นเสมอปลายกับบุตรสาวของข้า แต่ข้าเห็นว่าพวกเขาสองคนเป็นสหายกันจริง ๆ เจ้าปล่อยวางเถอะ…เจ้าฝืนไปก็เหนื่อยเปล่า ๆ”
ลั่วอิงเคยขอให้บุตรสาวคนเดียวเปิดใจให้จื่อถง แต่บุตรสาวบอกว่าเห็นจื่อถงเป็นแค่สหายเท่านั้น ไม่มีวันเปลี่ยนเป็นคนรักกันได้ ที่เป็นแบบนี้เพราะบุตรสาวยังคงรักมั่นกับรักแรกของนางกระมัง
“ลั่วอิง…เป็นเพราะครอบครัวข้ายากจนหรือเปล่า” จื่อหยาพูดออกมาด้วยใบหน้าที่เศร้าหมอง
“เจ้ากับข้ารู้จักกันมานาน…เหตุใดต้องถามข้าเช่นนั้นเล่า…ที่ข้าไม่บังคับลูกสาวของข้า เพราะไม่อยากให้นางต้องมาเป็นเช่นข้า”
“ข้าขอโทษลั่งอิง…อย่าโกรธข้าเลยนะ…ถึงอย่างไร ข้าก็เอ็นดูอันเอ๋อร์เช่นเดิม” นางจื่อหยารู้สึกผิดขึ้นมา นางเข้าใจบาดแผลของสหายดีที่สุด…