CHAPTER 07

2169 คำ
CHAPTER 07 ผมเป็นไอ้ตัวอันตรายทำลายอนาคตของเธอผู้ซึ่งไม่ได้รับรู้หรือมีส่วนได้ส่วนเสียอะไรเลยนอกจากนั้นแล้วการกระทำต่ำทรามพวกนั้นก็ยังมีผลทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งโดนรุมประณามจากคำพูดของชาวบ้าน คำติฉินนินทามักมีอยู่เสมอไม่ว่าใครก็เจอแต่ถ้าคนต่ำต้อยไม่มีอะไรหลงเหลือต่อสู้ได้จะต้องโดนผลกระทบอย่างมาก เช่นเดียวกันกับเธอ คนที่ผมเป็นผู้ทำลาย ความอดทนของผู้หญิงคนหนึ่งจะมากมายขนาดไหนผมไม่มีทางรับรู้แต่เท่าที่เห็นของผู้หญิงคนนั้น คนที่ผมเลือกทำไม่ดีนั้นมันมีมากกว่าผมผู้ซึ่งมีความอดทนในทางตรงกันข้ามกับเธอเลย เท่าที่รับรู้มาเธอโดนกระทำแต่เลือกอดทน เธอโดนทุบตีกลั่นแกล้งว่ากล่าวเสียหายต่างๆ นานาแต่เลือกเงียบไม่ตอบโต้ เธอโดนเพื่อนคนอื่นไม่ยอมรับบูลลี่ทุกเรื่องแต่เลือกอยู่คนเดียว การใช้ชีวิตท่ามกลางความกดดันของคนรอบข้างนักเป็นเรื่องค่อยข้างยากไม่มีที่ไหนไม่มีปัญหา เธอใช้ชีวิตแบบนี้มาได้ยังไง มาถึงตอนนี้ผมรู้ได้อย่างหนึ่งคือ ชีวิตผมกับเธอมันคล้ายกันนั่นคือปัญหาชีวิตครอบครัว แกร๊ก... แต่แล้วความคิดผมก็หยุดแค่นั้นเมื่อเสียงเปิดประตูห้องเข้ามาผู้ซึ่งไร้มารยาทคนนั้นคือ ‘ตาม’ ผมเรียกมันว่าไอ้ตาม มันเป็นผัวญาติของผม ผู้ชายคนหนึ่งที่จะอันตรายสำหรับคนที่เข้ามายุ่งกับลูกและเมียมัน “ปรับอารมณ์อยู่เหรอไอ้เฮียติ” “มึงดูเองไอ้ตาม” แค่หางตาปรายไปมองกระดาษแผ่นนั้นเป็นสัญญาณให้มันอ่านเอง “หน้าอย่างมึงมีลูกแล้ว?” “หน้าเหี้ยอย่างกูต่างหาก” เหี้ยโคตรหรือโคตรเหี้ยจะว่าอะไรก็ไม่ผิดทั้งนั้น “หึ...” มันส่งเสียงก่อนยิ้มกระตุกตรงมุมปากจากนั้นก็หย่อนสะโพกลงนั่งบนโต๊ะทำงานของผม มือหนึ่งเคาะโต๊ะบวกกับฮัมเพลงเป็นจังหวะ บอกตรงๆ อยากให้ลูกกับเมียมันมาด้วยมารยาทจะได้ดีกว่านี้ “คิดมากอยู่ละสิ” “อืม” “ทำไมปัญหาชีวิตมึงแม่งโคตรยุ่งยากเลยวะ” “ของมึงดีนักนิ ให้กูช่วยทุกอย่าง” “เออเนาะกูก็ลืมไป” ไอ้ห่าตามเอ้ย นี่มันเอ่อไปแล้วใช่ไหม พอผมได้แค่ถอนหายใจยาวมันก็ยิ่งทำให้อารมณ์มาเสียตามไปติดๆ ด้วยประโยคนี่ “ว่าแต่เป็นพ่อแล้วจริงดิ ในช่องว่างในใบสูติบัตรเธออาจเว้นให้พ่อของลูกในอนาคตก็ได้” “กูนี่แหละ” “เหรอ?” เสียงไอ้ห่าตามลากยาวกวนปลายส้นตีนมาก “จะอดีต อนาคต ปัจจุบันมันก็จะเป็นกู” “แม่ง... มึงโคตรมั่นหน้ามากไอ้เฮียติ นี่ถ้ามึงไม่หล่อบอกเลยกูเหยียบมึงมิดแล้ว” “ไม่หรอก กูกำลังกลัวต่างหาก” ผมพูดออกมาเพื่ออยากข่มใจตัวเองให้กล้าเข้าไปแสดงตัวต่างหากไม่ได้มั่นใจสักนิดแต่ถ้าใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผมก็คงต้องใช้ไม้แข็งมันก็เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรแน่นอน บนโลกใบนี้ไร้ความแน่นอน “แต่ที่มึงควรรู้บางคนก็เหมาะเป็นแค่ความทรงจำเท่านั้นเผื่อมึงลืมไอ้เฮียติ” “มันใช้ไม่ได้กับซานไอ้ตาม” ผมรู้ดีว่าคราวนี้ที่เพื่อนของตัวเองเงียบมันเพราะอะไร ผมไม่เคยที่จะเถียงมันกลับแบบนี้มาก่อนด้วยซ้ำไปถึงบางครั้งมันจะเกิดแค่เพียงครั้งคราวเท่านั้นและครั้งนี้ก็รวมไปด้วย “ซาน?” “แม่ขอลูกกูชื่อซาน” “จะทำอะไรก็คิดหน่อย” “รู้” พอไอ้ตามย้ำเรื่องที่ผมผิดพลาดขึ้นมาก็ทำให้หวนนึกถึงมันอีกแล้ว นึกถึงที่ครั้งหนึ่งผมเลววางแผนกับผู้หญิงอีกคนที่บอกจะช่วยให้ตัวเองผมสมหวังถ้าเกิดได้เงินจำนวนหนึ่งมันก็ไม่มีอะไรให้คิดมากอยู่แล้ว ผมใช้ความเชื่อใจหน้าซื่อตาใสเข้าไปตีสนิทกับซานซึ่งเธอก็หัวอ่อนมาก เชื่อคนอื่นง่าย เชื่ออย่างไม่ลืมหูลืมตา เชื่อจนในบางครั้งคิดว่าเธอโคตรโง่ ผมมันก็แค่อยากเอาส่วนอีกคนผู้หญิงคนนั้นก็แค่อยากทำลายเธอเพราะเกลียด ไม่มีใครหวังดีกับใครทั้งนั้นแหละมีแต่ความเห็นแก่ตัวเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเอง สุดท้ายผมก็เหมือนลงมือฆ่าเธอทั้งเป็น “แล้วแม่ลูกมึงละ โอเคเหรอ” “คงเกลียดกูจะตายห่า” “ก็สมควร ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังดีๆ” “ซ้ำกูเข้าไปเอาให้ไม่ได้ผุดได้เกิดเลย” “แล้วมึงจะทำยังไงต่อไอ้เฮียติ ข้อหนึ่งที่มึงควรจำไว้มึงมีพันธะแล้ว” นั่นแหละที่ผมต้องคิดดีๆ ในเมื่อผมในปัจจุบันได้จดทะเบียนสมรสไปแล้ว แต่อย่าสนใจเลยมันไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น จะมีหรือไม่มีก็ไม่ต่างกัน ไม่มีผลอะไร... เชื่อผมเถอะ เชื่อในสิ่งที่ผมบอก บางครั้งชีวิตนี้คนอย่างผมก็เลือกอะไรไม่ได้มากเหมือนอย่างเช่นคนอื่นๆ หรอก การเลือกทำที่ในบางครั้งไม่ใช่ความต้องการของตัวเองแต่เป็นความต้องการของคนอื่นซึ่งอย่างมากผมก็เลือกทำตามเพื่อให้มันเกิดปัญหาน้อยที่สุด สิ่งที่คนเราได้ยินได้เห็นความจริงอาจไม่ใช่แบบนั้นก็ได้ การเปลี่ยนแปลงมันเปลี่ยนได้เสมอ วันนั้นผมเลือกทำตามแต่วันนี้อาจไม่ใช่แล้วก็ได้ ไม่มีใครเป็นเจ้าของชีวิตใคร ไม่มีใครบังคับใครได้ตลอด ทุกคนล้วนแล้วแต่เลือกทางเดินเองเมื่อถึงเวลาและตอนนั้นไม่จำเป็นต้องสนใครหน้าไหนทั้งนั้น “พันธะ... เท่าที่จำได้กูไม่มี” แบบนั้นไม่ได้เรียกว่ามีพันธะเพราะผมไม่ต้องรับผิดชอบ คาบเกี่ยวกับคำนี้มันเป็นแค่เส้นบางๆ คนฉลาดมักมองออกส่วนคนโง่ก็อยู่แบบนั้นต่อไป ผมพูดมาถึงขนาดนี้แล้วหวังว่ามีคนเข้าใจอยู่บ้าง “ก็จริง กูพูดผิดแต่มันก็แค่ส่วนหนึ่งส่วนเล็กลึกเป็นแค่หลุมดำ ส่วนที่กระจายกว้างขวางจนเป็นที่รู้จักไปแล้วมึงคือคนที่เหมือนแต่งงานแล้วนะไอ้เฮียติ” เหอะ... “...” “คนอื่นเขาไม่ได้เข้ามารับรู้กับมึงแต่แม่งมันก็ต้องมีนินทาอยู่แล้ว” “...” เหรอ... คนแบบนี้มีบนโลกหนักโลกมากเลยรู้ไหม มีก็ดีผมเหมือนรู้สึกสำคัญกับชีวิตคนพวกนั้นมากขึ้น ถ้าว่างปากว่างงานก็เอาตามสบายแต้ถ้าได้ยินกับหูเห็นว่าใครเป็นคนเอ่ยปากมันก็จะได้รู้คราวนี้แหละว่าผมตัวจริงมันเป็นยังไง “กูพูดกับมึงอยู่นะ น่ากลัวสัส” “ทำไมต้องนินทาเดินมาด่ามายากเหรอ?” เดินมาตบเลยก็ได้ถ้าคิดว่าผมจะเป็นเป้านิ่งให้ทำ “เค้าไม่อยากให้มึงเอาลูกปืนยัดปากให้กระเดือกลงท้องมั้ง” “ไม่หรอก กูไม่ได้ชั่วขนาดนั้น” “แต่มึงยิ่งกว่านั้น” เถียงคำให้ตบฟากจริงๆ สำหรับไอ้ตาม “แล้วที่มึงลากกูไปด้วยคืนนั้นที่ตูนเข้าใจผิดมาตลอดก็เพื่อผู้หญิงคนนี้ นี่มึงนัดกับคนของมึงในซ่องเนี่ยนะไอ้เฮียติ” “แล้วแต่มึงจะคิด” “แล้วตอนนี้คุณพ่อติจะทำยังไงครับ” “แม่งมึงโคตรกวนตีนไอ้ตาม” “ไม่กวนก็ได้ กูถามจริง” พอเพื่อนเลวทำหน้านิ่งจริงจังขึ้นมากับเป็นผมเองที่ไปไม่เป็นดื้อดึงกับคำตอบ เป็นการตัดสินใจที่สำคัญมากในระดับหนึ่งสามารถทำให้ปวดหัวหนักเอาการอยู่ “...” “มึงจะเลือกทั้งสอง?” พอผมเลือกเงียบไอ้ตามก็ทึกทักหาคำตอบเองเฉย “ไม่ใช่” ผมไม่ทำแบบนั้นหรอกถึงจะแสนสารเลวแต่ก็รู้จักคิด คนๆ นั้นผมเลือกตั้งแต่แรกแล้ว “เหมือนเด็กไม่รู้จักโตนะมึงอ่ะ” ผมไม่ตอบไอ้ตามแต่คงอย่างที่มันพูดจริงๆ ผมไม่รู้จักโตแค่นี้ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้เลย สมองที่เอาไว้ใช้ทำงานแก้ไขได้ทุกอย่างก็พลอยตีบตันไปหมดแล้วแล้วจึงเอามือขึ้นบีบขมับตัวเองเบาๆ พยายามค่อยคิด “จัดการให้ไม่กระทบทั้งสองฝ่ายดีกว่ากูว่าอย่างน้อยความรุนแรงก็ไม่เกิด” “แล้วถ้าเกิดกูชอบความรุนแรงอ่ะ” “มึงก็โคตรกวนตีน” “กูพูดจริง” การส่งสายตาเข้มไปหาไอ้ตามทำเอามันหยุดการกระทำมองผมบ้าง “สักวันมันต้องเกิดขึ้นอยู่แล้วแต่ไม่รู้ว่ามันจะเกิดรุนแรงในระดับไหนก็เท่านั้น” ไม่มีใครยอมใครถ้าตัวเองเสียผลประโยชน์ ไม่มีใครยอมใครถ้าตัวเองไม่ได้สิ่งที่ต้องการมา และก็ไม่มีใครยอมใครถ้าตัวเองไม่ได้เป็นอันดับหนึ่ง เท่าที่เห็นมาล้วนเป็นแบบนี้กันทั้งนั้น “มีไรก็บอก มีไรให้ช่วยกูขอแค่มึงบอก” มีแน่ถ้าผมไม่ไหวจริงๆ ไอ้ตามจะเป็นไพ่ใบสุดท้ายที่ผมจะเลือกออกมาใช้อย่างไม่ลังเลถึงแม้จะใช้กับคนในครอบครัวก็ตาม “ไม่ไหวก็รีบบอก” “อืม” “แล้วมึงจะทำอะไรต่อ” “กูจะไปหาลูก” นี่คือสิ่งเดียวที่ผมคิดได้อย่างเดียวในตอนนี้และคิดว่าจะทำให้ดีที่สุดด้วยอย่างอื่นไว้ก่อนมันต้องมีทางแน่นอนไม่อับจนหนทางออกเป็นแน่แต่ตอนนี้ผมต้องโฟกัสไปยังเจ้าก้อนหิมะที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูก สัญชาตญาณในตัวมันบอกเองโดยไม่ต้องให้ใครชี้แนะ “ไปหาให้เร็วที่สุด” และนี่คือหนึ่งเดือนที่เกิดขึ้นก่อนหน้า เข้ามาปัจจุบันผมได้เจอหน้าซานอีกครั้งในรอบเกือบสองปีกว่า สิ่งที่คาดเดาไม่ผิดก็คือเธอเกลียดผมเข้ากระดูกดำจริงๆ สินะ แต่มันก็แน่นอนอยู่แล้วคนเราจู่ๆ จะเกลียดกันเลยมันเป็นไปไม่ได้หรอก การขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ มักมีผลทั้งนั้นไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไรสุดท้ายถ้ามันเลวร้ายกับอีกฝ่ายจริงก็หนีไม่พ้นการถูกเกลียดน้ำหน้า ทว่าผมมันหน้าด้านไง แม่ง... เกลียดแค่ไหนก็จะตามติดเป็นเงาเธอนั้นแหละ ผมเดินตามหลังห่างเธอประมาณช่วงตัวได้พักหนึ่งแล้ว ร่างเล็กที่เดินนำหน้าไปอย่างช้าๆ ไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเท่าไหร่ตัวเกร็งเชียวแต่ก็นึกขำกับเสื้อตัวโคร่งบนร่างเล็กๆ ของเธอเหมือนกันนะระดับความยาวถึงขาเชียว ตุ๊ตะน่าดู คนตังเล็กใส่เสื้อใหญ่ “ที่นี่เหรอ?” ผมหุบยิ้มลงเมื่อเธอหยุดเดินและหันหน้ามาเผชิญกับตัวเอง ณ บ้านหลังหนึ่งที่มีบริเวณรอบบ้านปลูกต้นดอกมะลิซ้อนไว้ทั้งที่ตัวบ้านไม่ใหญ่มากเป็นชั้นเดียวอีกต่างหากแต่เจ้าของบ้านคงดูแลรักษามันอย่างดีสภาพทั่วไปจัดว่าน่าอยู่ใช้ได้ “ค่ะ” “เข้าไปสิ” “หนูอยากตกลงอะไรกับคุณก่อน” การพยักหน้ารับของตัวเองทำให้เธอค่อยผ่อนลมหายใจยาวประหนึ่งว่าโลงใจนักหนาจากนั้นริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อก็ขยับเอ่ยพูดออกมา “คุณห้ามกระโจนใส่ลูกนะคะ” อะไรนะ เธอเห็นผมเป็นอะไร สิงสาลาสัตว์เหรอที่จะได้ทำแบบนั้นกัน “...” “คะ คือ ลูก... เอ่อ สตางค์ไม่พูดกับคนแปลกหน้าค่ะ” ถามว่าปวดใจไหมกับไอ้คำว่า ‘คนแปลกหน้า’ บอกได้เลยว่ามากแต่ผมก็เลือกไม่ได้หรอกอาจเป็นผลกรรมของตัวเองที่มาในรูปแบบนี้ยังไงซะผมต้องหาทางคุยกับเจ้าก้อนหิมะได้จนได้แหละไม่ว่าจะหลอกล่อด้วยวิธีไหนก็ตาม ไม่ต้องไม่ยากเกินไปสิ ตอนนี้ได้แค่คนแปลกหน้าก็คงดี ดีกว่าไม่มีสถานะ “เอาตรงๆ ซาน” “ก็คุณหน้าดุ หน้าเข้มเหมือนโกรธ” “โอเคพี่เข้าใจแล้ว” ง่ายๆ ผมควรปรับสีหน้าให้ร่าเริงอบอุ่น ได้ไม่ยาก... “คราวนี้เข้าไปได้ยัง” แค่นั้นเธอก็เดินประตูรั้วบ้านทรงเตี้ยเข้าไปอย่างชำนานจนกระทั่งถึงตัวบ้าน ผมได้ยินเสียงร้องเพลงกล่อมดังจากข้างในมาแว่วๆ พอทำให้หัวใจเต้นเร็ว “อ้าวซานมาเร็วจังวันนี้” นี่คือเสียงของผู้หญิงอีกคนหนึ่งพูดขึ้นในขณะที่ซานเธอถอดรองเท้าก้าวเดินเข้าไปในบ้านส่วนผมที่กำลังจะถอดรองเท้าชะงักหยุดกับประโยคนี้ “เห็นตัวเล็กๆ แบบนี้น้ำนมแกโคตรดี ลูกผัวเป็นปลื้ม” รอยยิ้มของผมเผยอย่างอัตโนมัติ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม