6 พอกินได้

1022 คำ
เมื่อวานไอ้จ้อนไปซื้อของสดมาไว้ในตู้เย็นของบ้านนายมัน แม้จะไม่เข้าใจว่าทำไม แต่วันนี้เข้าใจแล้ว มันมาบ้านก็เห็นณปภัชตั้งโต๊ะอาหารรอนายของมัน เมนูอาหารแต่ละอย่างน่าทานทั้งนั้น กลิ่นหอมๆ หอมโชยไปถึงด้านนอกจนมันต้องเดินตามกลิ่นอาหารมาที่ห้องรับประทานอาหารที่ไม่ค่อยได้ใช้งานเนี่ยแหละ “มาทำอาหารให้นายเหรอครับ” “ค่ะ พี่จ้อน ไอซ์เพิ่งเตรียมเสร็จค่ะ” “หูย! น่ากินทั้งนั้นเลย ทั้งหน้าตาและกลิ่นก็ห๊อมหอม...” ไอ้จ้อนก้มลงหาจานอาหารแล้วสูดลมหายใจนำกลิ่นหอมๆ ของอาหารเข้าปอดตัวเองด้วยความหิว “พี่จ้อนกินไหมคะ ไอซ์ทำเยอะเลยเดี๋ยวตักแบ่งให้ค่ะ” “ฉันอนุญาตให้แบ่งให้ไอ้จ้อนแล้วเหรอถึงจะแบ่งให้มัน...มึงมาทำไมแต่เช้าไอ้จ้อน” ​เสียงดังมาก่อนตัวจะเดินมาถึง ยอมรับว่ากลิ่นอาหารนั้นชวนให้เขาเจริญอาหารจริงๆ วันนี้ หฤทย์เดินเข้ามาดึงลากเก้าอี้หัวโต๊ะออกนั่ง มองไปยังอาหารตรงหน้าตัวเอง แต่ละเมนูเป็นของโปรดของเขาทั้งนั้น ณปภัชบังเอิญทำหรือตั้งใจทำกันแน่ และหล่อนรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบกินอะไร ยังไง หรือว่าพ่อของเขาบอกหล่อน บวบผัดไข่ ผัดพริกหยวกกุ้งสด น้ำพริกกะปิ ปลาทูทอด มันของโปรดเขาทั้งนั้น มองแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายจนต้องรีบบอกณปภัชรีบตักข้าวให้ตัวเอง “ตักข้าวสิ ยืนโง่อะไรของเธออยู่ แล้วมึงมาทำอะไรไอ้จ้อน” “ผมก็มาหานาย จะมาถามว่าวันนี้จะเข้าไปในเมืองด้วยกันไหมครับ” “ไป กูมีธุระธุระกับเจ๊ณีไม่ใช่ลูกสาวเจ๊ณี” ไอ้จ้อนเอ่ยตอบกลับนายอย่างหยอที่ร้านเจ๊ณี” “แน่ใจว่ามีกๆ ส่วนณปภัชก็ได้แต่เก็บความสงสัยอยากรู้ว่าลูกสาวของเจ๊ณีที่จ้อนพูดนั้นเป็นอะไรกับชายหนุ่มหน้าเถื่อนคนนี้ “มึงเคยโดนตีนไหม แล้วจะกินไหมข้าว ถ้าจะกินก็มานั่งด้วยกัน เอาจานมาตักข้าวให้ไอ้จ้อนด้วย” ณปภัชรีบเดินไปหยิบจานมาวางให้จ้อนที่ดึงเก้าอี้ออกนั่งทันทีเมื่อเจ้านายสั่ง เธอตักข้าวให้คนโอหังแล้วก็ตักให้จ้อน เมื่อตักเสร็จก็รินน้ำให้ทั้งสอง แล้วตัวเองก็เดินถอยไปยืนอยู่ที่มุมของห้องรับประทานอาหารมองทั้งสองทานข้าว “ไปยืนโง่ทำอะไรตรงนั้น ถึงฉันจะเกลียดเธอ แต่ใช่จะใจดำไม่ให้กินข้าว ไปตักข้าวมานั่งกินด้วยกันจะได้ไปทำงาน อยู่ที่นี่ไม่สุขสบายเหมือนที่กรุงเทพหรอกนะ” หฤทย์เอ่ยเสียงห้าวพร้อมกับเริ่มตักกับข้าวใส่จานทาน คำแรกที่ได้ลิ้มรสรสมือของณปภัช เขาหลับตานิ่งเคลิ้มไปกับความอร่อยกลมกล่อม เป็นรสชาติที่ถูกปากเขาจนไม่อยากจะเชื่อว่ายัยเด็กนี่จะทำกับข้าวได้อร่อยถูกปากเขาขนาดนี้ “อร่อยไหมนาย” ​ไอ้จ้อนเห็นนายหลับตาเคลิ้มพร้อมมองไปทางหญิงสาวคนเดียวในห้องเดินไปตักข้าวมานั่งลงตรงข้ามตนเอง แม้จะสงสัยว่าสองคนเป็นอะไรกันแน่ แต่ก็ได้แต่สงสัย เพราะถามไปมีหวังโดนกระทืบปากแตกแน่ๆ ไอ้จ้อนยังรักชีวิตจึงได้แต่สงสัยเงียบๆ “ดีกว่าเอาลิ้นถูกระเบื้องแล้วกัน” เขาตวัดตาแข็งกระด้างมาทางไอ้จ้อนอย่างไม่พอใจเมื่อโดนไอ้จ้อนถามแซว ยอมรับว่าฝีมือของเด็กนี่ดีจริงๆ ดีจนเขาต้องตักแล้วตักอีก ตักทุกเมนู ทุกเมนูรสชาติดีหมด ดีถูกปากจนเวลาผ่านไปไม่นานก็ยื่นจานข้าวให้ณปภัชตักเพิ่มข้าวให้ตัวเองอีกสองทัพพี ‘ดีกว่าลิ้นถูกระเบื้อง แต่เพิ่มข้าวจานที่สองเนี่ยนะ?’ ไอ้จ้อนพึมพำกับตัวเองในใจก้มหน้าทานต่อเงียบๆ เพราะทุกเมนูอร่อยทั้งนั้นเลย ใครจะคิดว่าคนตัวเล็กๆ จะฝีมือดีแบบนี้ “อืม” เขารับจานข้าวที่สาวน้อยไปตักมาให้แล้วก็ทานต่อ ส่วนณปภัชเดินไปนั่งลงที่เดิมตัวเองแล้วก้มหน้าทานข้าวของตัวเองต่อ แต่แล้วเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ที่ใส่อยู่ก็สั่นเตือนทำให้ต้องวางมือจากช้อนส้อมมาล้วงกางเกงนำโทรศัพท์ออกมากดรับสาย เธอยิ้มให้กับชื่อที่โชว์หน้าจอแล้วเอ่ยขอตัวกับเจ้าของบ้านเพื่อไปรับสาย “คุยที่นี่แหละ เปิดลำโพงด้วย” เขาสั่งเสียงห้าวเมื่อเหลือบสายตามองไปเห็นชื่อพ่อตัวเองที่โชว์หน้าจอ ณปภัชลังเลว่าจะกดรับสายดีไหม และแล้วก็ต้องกดรับสายเมื่อเห็นสายตาคำสั่งของคนโอหัง เธอกดรับสายพร้อมทำตามที่เขาบอก “หนูไอซ์ไปทำงานรึยังลูก” ​เสียงแหบแห้งตามวัยของศิวดลดังลอดออกมาจากลำโพงของโทรศัพท์ “ยังครับพ่อ กำลังกินข้าวเช้ากันอยู่” เป็นเสียงเข้มของหฤทย์ที่ตอบกลับคนในสายตัดหน้าณปภัช “ไอ้โหด มึงมารับมือถือหนูไอซ์ได้ยังไง” ศิวดลถามลูกชายตัวดีตัวเองทันที “ไม่ได้รับ เด็กของพ่อรับเอง แต่ผมสั่งให้เปิดลำโพง” “มึงเสือกเรื่องส่วนตัวคนอื่นแบบนี้ประจำเหรอไอ้โหด” “เรื่องของพ่อคนเดียวเท่านั้นครับ ว่าไงครับ โทรหาเด็กนี่มีอะไร ห่วงนักก็มารับกลับไปสิ หรือให้ผมไปส่งดีครับผม” “ให้พ่อคุยกับหนูไอซ์ได้ไหม” เสียงแหบแห้งตามวัยส่งกลับมา “ก็คุยสิครับ คุยสิ พ่อฉันจะคุยด้วย” เขาตอบพร้อมหันไปสั่งเจ้าของโทรศัพท์ที่วางตรงหน้า และเมื่อเห็นเธอหยิบขึ้นจะปิดลำโพงคุย เขาก็สั่งอีก “เปิดลำโพงคุย ฉันจะฟังด้วย”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม