Chapter 05

3077 คำ
“แกเป็นอะไรเจ้าหัวใจ อย่าเต้นแรงแบบนี้บ่อยนะ เราไม่อยากไม่สบาย” กุมอกข้างนั้นเอาไว้ พยายามสูดลมหายใจเข้าออกให้ช้า ๆ และคงระดับให้ปกติ แต่เหมือนฉันจะมีปัญหาแล้วล่ะ เพียงแค่ใบหน้าคมผุดขึ้นในความทรงจำอีกครั้ง รวมถึงความรู้สึกตอนโดนลมหายใจอุ่น ๆ นั้นเป่ารดยังรับรู้ได้จาง ๆ อยู่ไอ้ก้อนมีชีวิตนี้ก็เต้นรัวจนควบคุมไม่ได้อีกแล้ว “หรือจะไปหาหมอลัลณาดี” บางทีอาจจะต้องปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในชุดกาวน์สีขาวนั้นดูสักครั้งแล้วละ Special Part กันตพลที่เดินออกมาจากห้องนั่งเล่น เขาไม่ได้สังเกตอาการของตัวเองเลยว่าไม่ใช่การเดินออกมาแบบธรรมดา มุมปากที่มักจะเป็นเส้นตรงอยู่ตลอดเวลาบัดนี้กลับยกสูงขึ้นทั้งสองข้างช่วยลดความดุของใบหน้าที่ใคร ๆ ต่างบอกว่าเย็นชานั้นได้เป็นอย่างดี “นายไม่สบายหรือเปล่าครับ” ทัศน์เทพที่สังเกตเห็นความผิดปกติของนายตั้งแต่เดินออกมาถามขึ้น จะเรียกว่าถามธรรมดาคงไม่ใช่ ในเมื่อสายตานั้นหยอกล้อผู้เป็นนายออกมาอย่างชัดเจน “มาหรือยัง” กันตพลไม่ตอบคำถามไร้สาระนั่นของลูกน้องมือขวาหรอก ไอ้เทพน่ะ ถ้ายิ่งเดินตามหมากของมัน ยิ่งไม่จบง่าย “เพิ่งถึงเมื่อสามนาทีที่แล้วครับ” แม้ปากจะรายงานปกติ แต่แววตายังคงมีเลศนัยมองผู้เป็นนายเป็นระยะ ๆ “มึงเฝ้าเธอไว้” เขาหมายถึงเฝ้าขัติมากร แม้รู้ดีว่าเธอไม่กล้าเข้าไปวุ่นวายที่ชั้นสองห้องทำงานเขาแต่ก็ชะล่าใจไม่ได้ งานสีเทาพวกนั้นเขาไม่อยากให้คนบริสุทธิ์อย่างเธอต้องมารับรู้ หรือควรบอกว่า ลึก ๆ ในใจกันตพลกำลังหวาดกลัว กลัวว่าถ้าหากเด็กน้อยที่เขาช่วยชีวิตไว้ มารับรู้ถึงอาชีพที่เขาทำอยู่แล้วเธอจะหนีเขาไป “ครับนาย” ทัศน์เทพเองก็ไม่ชอบใจคนที่มาติดต่อธุรกิจกับนายเขาในวันนี้เช่นกันเลยไม่ต่อปากต่อคำทำตัวเป็นเด็กร้องโอดครวญเหมือนครั้งที่เขามอบหน้าที่พาทัวร์มหาลัยให้ในคราวนั้น “ว่าแต่นายไม่เป็นอะไรจริง ๆ ใช่ไหมครับ” ถ้าจะยั่วเยาะเขาขนาดนั้นก็ไม่ต้องมีแล้วล่ะหางเสียงน่ะ “ยังอยากเป็นอยู่ไหม มือขวาน่ะ” แทงใจดำที่สุดก็ประโยคนี้แหละ เล่นเอาสิ่งที่เขากลัวที่สุดในชีวิตว่าจะถูกไล่ออกมาขู่แบบนี้เลิกล้อแล้วก็ได้ “ผมไปหาน้องฟางเซียนก่อนดีกว่า” หางคิ้วร่างกำยำสวมชุดสีดำกระตุกกึก ๆ เมื่อได้ยินสรรพนามแสลงหูนั้น แต่ช่างเถอะ เขารู้นิสัยลูกน้องคนนี้ดีว่าชอบกวนโอ๊ยเขาแค่ไหน ยิ่งต่อความยาวสาวความยืดต่ออีกคนจะลูบหัวเล่นได้ ขายาว ๆ เลยก้าวไปข้างหน้าโดยมีฮาเทชิคอยตามหลังอยู่ไม่ห่าง “นายชักจะแปลกใหญ่แล้ว” คล้อยหลังผู้เป็นนาย ทัศน์เทพที่ชอบสังเกตคนบ่นพึมพำกับตัวเอง ดูอย่างเมื่อเช้าสิ พอบอกว่ามีลูกค้ามาขอพบกลับบอกว่าไม่ว่างติดธุระทั้ง ๆ ที่ไม่มี แถมพอฟางเซียนออกจากบ้านไปแค่ครึ่งชั่วโมง เขากลับสั่งให้เอารถออกแล้วขับไปนั่งเฝ้าสาวน้อยที่มหาลัยจนเจอเหตุการณ์ไม่คาดคิดนั้นขึ้น จะว่าไปแล้ว ยังไม่ได้ไปจ่ายค่ารักษาให้ไอ้เด็กที่โดนกระทืบจนเข้าโรงพยาบาลนั่นเลยนี่นะ เมื่อคิดได้จึงรีบควักมือถือค้นหากดโทร.สั่งลูกน้องต่ออีกทอด “เดี๋ยวช่วยเคลียร์ค่ารักษาห้อง 309 ให้ที ใช้ชื่อ...” ทัศน์เทพคิดอยู่ครู่หนึ่งว่าจะใช้ชื่อเจ้านายไปเลยดีไหมแต่กลับนึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นมาได้จึงบอกคนปลายสายที่ถือสายรอ “ใช้ชื่อว่า แด๊ดดี้ฟางเซียน” ทัศน์เทพวางสายไปแล้ว เขาหัวเราะออกมาเบา ๆ แล้วเดินล้วง กระเป๋าผิวปากอย่างอารมณ์ดี อยากรู้จัง สถานะ ‘แด๊ดดี้’ ที่เขาใช้วันนี้ จะมีความหมายแสลงในอนาคตหรือเปล่านะ [End part] Kantapol’s Part หลังจากผมออกมาจากห้องนั่งเล่นก็ตรงดิ่งมาที่ห้องทำงานที่มีร่างบางของอีกคนรออยู่ “ทำไมช้าจังคะ” ทันทีที่ผมเข้ามาในห้อง ‘เคโกะ’ ลูกสาวยากูซาอย่างอิจิโย เคนัตสึ ก็รีบโผเขามากอดผม พลั่ก! ผมรีบผลักอ้อมกอดนั้นออกทันที ไม่อยากให้ผู้หญิงคนไหนมาแตะต้องร่างกาย ...อีกแล้ว “อ๊ะ! เย็นชาจังนะคะ ห่างกันแค่ครึ่งปีเอง” จริง ๆ ถ้าเป็นคนอื่น ไม่ได้เจอหน้ากันนานขนาดนั้นก็ต้องหมางเมินเย็นชาใส่ไม่ต่างจากผมอยู่แล้ว “รีบคุยธุระดีกว่า” ผมเดินมานั่งบนเก้าอี้บุนวมตัวเขื่องที่มีพนักพิงหลังสูงเลยศีรษะ วางมือข้างหนึ่งลงบนที่พักแขนแสนนุ่มนิ่ม ก่อนจะหยิบซิการ์ของดีขึ้นมาจุดสูบ ปกติมุมนี้ผมไม่เคยปิดบังใคร ยกเว้นคนเดียวที่เธอยังไม่เคยเห็น อืม... ทำไมต้องคิดถึงเนื้อกายหอม ๆ นั่นขึ้นมาอีกแล้วนะ บอกเลยว่าเมื่อกี้ตอนที่ผมช่วยบันทึกเบอร์ตัวเองให้ฟางเซียน กลิ่นกายเธอฟุ้งมาก มันหอมยั่วจนผมแทบจะเก็บอาการไว้ไม่อยู่ แต่ยังดีที่ความอดทนผมสูงจึงผ่านมันมาได้ แต่พอมานั่งนึกอยู่ตอนนี้ ไอ้ที่ซ่อนอยู่ในกางเกงกลับเริ่มควบคุมไม่ได้นี่สิ บ้าฉิบหาย! “เพลิงหน้าแดง?” เสียงเคโกะทำให้ผมหลุดออกจากภวังค์ที่นึกถึงกลิ่นเย้ายวนนั้น “ครั้งนี้หายไปนาน จะส่งเข้าหรือรับไป” ผมเมินคำถามของเธอที่เหมือนแปลกใจในสิ่งที่เพิ่งเห็น “เพลิงไม่สบายหรือเปล่าคะ” เสียงพูดไทยของเธอยังฟังแปล่ง ๆ อยู่ แต่ก็ชัดเกินครึ่ง “ฉันสบายดี” เหมือนอีกคนยังไม่เชื่อ แต่เพราะรู้นิสัยผมดีเธอเลยปล่อยวางไม่ถามต่อ “ชิจิต้องการอาวุธครบมือ ขอแบบรุ่นเก่า ๆ เพราะที่นั่นให้ราคาสูง” [ **「ちち」 คุณพ่อ(ตัวเอง)] “แล้วทำไมนัตสึซังไม่มาคุยด้วยตัวเอง” ปกติถ้าเป็นของลอตใหญ่พ่อของเธอจะเป็นคนจัดการเองตลอด หรือถ้ามาก็จะมาคู่กันไม่ใช่ส่งลูกสาวมาคนเดียวแบบนี้ “ชิจิไม่สบาย” คนแข็งแรงอย่างยากูซ่าที่คลุมทุกย่านของคิวชูไม่สบาย ฟังยังไงก็ไม่ขึ้น “งั้นคงต้องใช้เวลารวบรวมหน่อย ยิ่งของเก่ายิ่งนาน” ผมส่งสายตาให้เทชิจดรายการทั้งหมดที่เคโกะยื่นมาให้ หมับ! “ชิจิสั่งไว้ กระดาษแผ่นนี้ต้องให้ถึงมือเพลิงคนเดียว” ผมจิ๊ปากไม่พอใจเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบกระดาษที่เธอยื่นให้ตรง หน้า แต่อีกคนกลับตุกติก พอผมจะหยิบเธอกลับดึงกระดาษคืน “เคโกะอยากให้แบบเป็นการส่วนตัวมากกว่าค่ะ” ร่างระหงค่อย ๆ ยืนเต็มความสูง รองเท้าบูตสีดำหุ้มครึ่งแข้งกระทบกับพื้นจนเกิดเสียงดังตามจังหวะการเดินของเธอ ตุบ... เธอทิ้งตัวนั่งลงบนตักผมก่อนจะใช้สองมือโอบกอดรอบคอผมไว้ มือเรียวใช้เกลี่ยตามกรอบหน้าผมราวคนึงหาใบหน้านี้ “เคโกะคิดถึงลีลาแสนเร่าร้อนของเพลิงมากเลยนะคะ” ริมฝีปากบางได้รูปกระซิบข้างใบหูผม เสียงเธอเซ็กซี่เย้ายวนจนผม... พลั่ก! “โอ๊ย!” ร่างบางกระเด็นออกจากตักผมอย่างไม่รีรอให้เธอมาจับต้องร่าง กายผมไปมากกว่านี้อีก “เพลิง!” ดวงตาเธอวาวโรจน์บ่งบอกว่าทั้งโกรธและเสียหน้าที่ถูกผมผลักไสต่อหน้าลูกน้องผมและลูกน้องเธอเอง “อย่ารุ่มร่ามกับฉันอีก” ผมสั่งเธอเสียงเรียบเย็น จนอีกคนเบิกตากว้างราวไม่เชื่อหู “นี่เพลิงกำลังโกรธที่เคโกะไม่มาหานานใช่ไหมคะ” เธอยังปั้นหน้าและพูดเข้าข้างตัวเองต่อ “ฉันไม่ได้โกรธ” ผมตอบพร้อมสบตาเธอ “แต่ฉันไม่อยากให้ใครแตะต้องร่างกายนี้อีกแล้ว” ผมเห็นสองมือแน่งน้อยของเธอกำหมัดแน่น ทว่าใบหน้าสวยยังคงมีรอยยิ้มผุดอยู่ “เพลิงโกรธจริง ๆ สินะ” เคโกะเป็นพวกหัวแข็ง แถมยังมั่นใจในตัวเองสูง การที่ผมพูดแบบนั้นออกไปทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนตอนที่ร่วมธุรกิจกันใหม่ ๆ ผมไม่เคยหวงตัวแบบนี้ เธอเลยคิดว่าผมโกรธที่เราห่างกันจริง ๆ “ถ้ายังอยากได้อาวุธพวกนั้นก็ส่งรายการนั้นให้เทชิจัดการ ห้องพักเธอที่โรงแรมฉันให้คนจัดการให้แล้ว” “โรงแรม?” ครั้งนี้ผมเห็นเธอขมวดคิ้วมุ่นกับสิ่งที่ได้ยิน “ทำไมเคโกะค้างที่นี่เหมือนทุกทีไม่ได้” ปวดหัวฉิบ! อดีตก็คืออดีต ทำไมเธอต้องคิดว่าที่ผ่านมาผมจริงจังกับเธอด้วยวะ! “จัดการที่เหลือด้วย” ผมสั่งเทชิโดยที่ไม่สนใจผู้หญิงที่ยืนตัวสั่นเพราะไม่ได้ดั่งใจ เดินตรงมาที่ประตูหมายจะออกไปข้างนอกเพื่อดูอีกคนว่าไอ้เทพไม่ได้ทำงานพลาด กึก... สองขาหยุดชะงักกึกทันทีที่มีคนมาขวางหน้าประตูไว้ “กล้าดีนี่” ผมมองหน้าคนที่กล้าขวางทางแม้กระทั่งเจ้าของบ้านอย่างผมทั้ง ๆ ที่ตัวเองเป็นแค่สมุนตัวเล็ก ๆ ของผู้มาเยือน “ไม่ต้อง!” ผมเห็นทางหางตาว่าเทชิเตรียมจะเดินมาจัดการคนที่ขวางหน้าผมเอาไว้จึงสั่งห้าม “มีอะไรว่ามา” ผมไม่อยากให้เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมจนใครบางคนสงสัยเลยเก็บอารมณ์ร้อนไว้ให้ได้มากที่สุด “คุณเพลิงกัลป์ควรขอโทษนายหญิงก่อน” ขอโทษ? เมื่อกี้ผมทำอะไรผิดกับเจ้านายมัน ถึงกล้าขวางทางผมและออกคำสั่งแบบนี้ มุมปากที่เรียบนิ่งตลอดเวลาของผมค่อย ๆ ยกสูงขึ้นข้างหนึ่ง มือที่วางบนไหล่มันค่อย ๆ ออกแรงบีบจนอีกคนนิ่วหน้า “นายคงยังไม่รู้จักมารยาทไทย การพูดขอโทษ นั้นหมายความว่าคน ๆ นั้นต้องทำผิด แต่สำหรับฉัน...” เพิ่มแรงบีบจนกลายเป็นกดให้ไหล่ข้างนั้นตก ต่ำกว่าระดับไหล่อีกข้าง “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด วันนี้ถือเป็นการสอนมารยาทไทยให้นายครั้งแรก ฉันไม่ถือสาแล้วกัน!” แรงผลักที่ผมส่งให้ ทำเอาคนที่ยืนขวางหน้าผมทรุดลงกับพื้นในท่าคุกเข่าข้างหนึ่ง หางตาผมปรายมองไปยังเจ้านายของมันที่มองมาอย่างเคียดแค้น “ถ้ายังอยากร่วมธุรกิจกันอีก อย่าเอามันมา” ผมส่งเสียงทุ้มที่แสนจะเย็นยะเยือกออกไปอย่างไม่เอ่ยชื่อ แต่รู้ดีว่าคนอื่นในห้องนี้เข้าใจและจะไม่มีทางเกิดเรื่องนี้ขึ้นเป็นหนที่สองแน่นอน Special Part จึก! เล็บยาว ๆ สีแดงสดจิกเข้าผิวเนื้ออ่อนของอุ้งมือสวยอย่างไม่กลัวเจ็บ เคโกะได้แต่มองแผ่นหลังกว้างที่วันนี้ทำตัวเย็นชาราวกับเธอคือคนแปลกหน้าจนแผ่นหลังนั้นลับสายตาไป “ผมขอรายการของด้วยครับ” ฮาเทชิรีบทำตามคำสั่งนาย เดินเข้าไปขอรายการสั่งซื้ออาวุธเถื่อนนั้นทันที “เจ้านายนายเป็นอะไร” เธอไร้ซึ่งคนที่จะถามได้แล้วจึงซักไซ้เอาความจากบอดี้การ์ดมือซ้ายของเขาแทน “อย่างที่คุณเคโกะเห็น” ถามใครไม่ถาม มาถามคนที่หวงคำพูดยิ่งกว่าชีวิตตัวเองแบบนี้เสียเวลาชะมัด! “คุณเคโกะจะกลับโรงแรมเลยไหมครับ” เมื่อได้ของที่ต้องการแล้ว ฮาเทชิจึงถามร่างสวยลูกค้าร่วมธุรกิจของเจ้านายด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ฉันยังอยากเดินชมบรรยากาศเพนต์เฮาส์หลังนี้” ฮาเทชิครุ่นคิดครู่หนึ่ง... เมื่อกี้นายไม่ได้สั่งห้าม งั้นก็หมายความว่าเธอคนนี้สามารถทำตัวตามปกติได้ ยกเว้นห้ามพักที่นี่... สินะ? “เชิญครับ ยกเว้นชั้นสี่” แต่ถึงแม้เขาจะเดาเอา ทว่าเพื่อความรอบคอบจึงตักเตือนผู้มาเยือนไว้ก่อน “ทำไม? ปกติฉันก็พักที่ชั้นนั้นตลอด” นั่นก็ถูก แต่มันเป็นเวลาหลายเดือนแล้ว แถมยังก่อนที่เจ้านายตนจะพาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาแทนที่เธอ “ผมว่าคุณเคโกะคงไม่อยากให้นายเย็นชากว่านี้” จะเรียกว่าขู่ก็คงใช่ ฮาเทชิมองออกว่าผู้หญิงตรงหน้าเขาจริงจังกับเจ้านายตนแค่ไหน แต่ถ้านายไม่เอา ต่อให้เธอจะตื๊อให้ตาย คนที่เย็นชาและเลือดเย็นอย่างเจ้านายตนคงไม่ชายตาแล “ชิ!” เคโกะสบถออกมาเบา ๆ อย่างหงุดหงิด ขาเรียวยาวสวมบูตคู่ใจก้าวเดินไปข้างหน้า “ไม่ต้องตาม!” เธอหันไปสั่งบอดี้การ์ดที่วันนี้เลือกมาผิดคน กล้าแหย่หนวดเสือทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านเขา คนแบบนี้เลี้ยงไว้ช่างเปลือกข้าวสุก กลับญี่ปุ่นคราวนี้ เธอจะบอกให้พ่อจัดการตัดนิ้วก้อยซ้ายทิ้งเพื่อเตือนใจสักหน่อยแล้วละ เคโกะเดินมายืนอยู่บันไดที่มีทางให้เลือกว่าจะขึ้นชั้นบนหรือลงชั้นล่าง แต่สุดท้ายแม้จะอยากรู้ว่าข้างบนมีอะไรซ่อนไว้เธอก็ต้องเก็บกักความอยากรู้ให้มลายหายไป เลือกเดินลงไปชั้นล่างเผื่อบางทีอาจจะเจอคนที่ทำตัวเย็นชาใส่เธอเมื่อไม่กี้นาทีนั้นก็ได้ “หนูบันทึกเบอร์เฮียเทพแบบนี้นะ” เสียงผู้หญิงสดใสดังขึ้นตอนที่เธอกำลังจะเดินไปหลังบ้านที่เป็นสวนหย่อม ความอยากรู้ปะปนกับความแปลกใจที่บ้านหลังนี้มีเสียงผู้หญิงคนอื่นที่ฟังแล้วอายุน่าจะยังเป็นวัยรุ่นแน่ ๆ เคโกะรีบเบี่ยงปลายเท้าหันไปตามทิศทางที่หูเธอได้ยินเสียงคนพูดคุยกัน ตรงนั้นเป็นข้างบ้านใต้ต้นไม้ใหญ่มีแคร่ไม้และตะกร้าสานที่ทำเป็นเก้าอี้หมุนได้ขนาดใหญ่แขวนอยู่ ที่ตรงนั้นเธอเคยนั่งคลอเคลียกับเจ้า ของบ้านมาก่อน แต่บัดนี้ตรงนั้นกลับมีผู้หญิงผมยาวสลวยแถมยังตัวเล็ก ผอมกะร่องกว่าเธอนั่งแทนที่ โชคยังดีที่คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอไม่ใช่เจ้าของหัวใจเธอที่เพิ่งทำเย็นชาใส่กัน ไม่งั้นงานเจรจาธุรกิจวันนี้คงกลายเป็นงานนองเลือดไปแล้ว “อะแฮ่ม!” ด้วยความอยากรู้ว่าผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร แถมยังอยากเห็นใบหน้าที่เห็นเพียงด้านข้างแวบ ๆ ว่าสะสวยแค่ไหน ขาเรียวจึงก้าวเดินไปส่งเสียงให้ทั้งสองคนรู้ว่ามีผู้มาเยือน “คุณเคโกะ” แม้ทัศน์เทพจะไม่ค่อยถูกชะตากับเธอ แต่เขาก็ยังขึ้นชื่อว่าเป็นลูกน้องคนสนิทของเจ้าของบ้านต้องแสดงมารยาทที่พึงกระทำออกไป “ไม่เจอกันนาน มีแฟนเสียแล้ว?” เคโกะลองแกล้งกระเย้าแหย่ถาม “ไม่ใช่แฟนผมหรอกครับ” ทัศน์เทพรีบปฏิเสธออกไปอย่างไม่เปิดโอกาสให้เธอเข้าใจเขาผิดเป็นหนที่สอง “ไม่ใช่แฟนนายแล้วหล่อนเป็นใคร” สรรพนามที่เรียกเหมือนจิกหัวทำให้ทัศน์เทพไม่ค่อยพอใจเท่าไร แต่นั่นไม่ใช่เขาแค่คนเดียวที่รู้สึกแบบนั้น ขัติมากรเองก็เช่นกัน ไม่ชอบการเรียกแทนเธอว่า ‘หล่อน’ จากริมฝีปากสวยนั้นเลย “นี่คุณฟางเซียน เป็นผู้หญิงของนาย” ทัศน์เทพบอกสถานะคนที่เคโกะอยากรู้ออกไปแล้ว และนั่นทำให้คนได้ยินถึงกับตัวแข็งทื่อไม่เชื่อหูตัวเอง “คนของเพลิง?” เธอทวนสิ่งที่เข้าใจด้วยโทนเสียงแข็งปะปนแค่นหัวเราะในที “ครับ” ทัศน์เทพไม่รู้ว่าคนตรงหน้าแปลความหมายคำว่า ‘ผู้หญิงของนาย’ เป็นแบบไหน เพราะนั่นไม่สำคัญกับเขาที่เป็นเพียงลูกน้องคนสนิท แต่ถ้าเธอคิดไปในทางที่เขาอยากให้คิดก็จะขอบคุณ เพราะนั่นหมายความว่า ผู้หญิงคนนี้จะได้ไม่ต้องมายุ่งกับเจ้านายเขาอีก “นี่กำลังล้อฉันเล่นสินะ เพลิงก็คนหนึ่ง แกล้งเมิน ทำเย็นชา คงโกรธที่ฉันไม่ติดต่อหรือมาหาเลยสิท่าเลยสั่งให้นายพูดทำร้ายน้ำใจฉันแบบนี้” เฮ้อ! ผู้หญิงอะไรทั้งหลงตัวเอง ทั้งเข้าใจยาก เขาว่าสิ่งที่พูดออกไปก็น่าจะบอกความหมายไปหมดแล้ว ถ้านายจริงจังกับเธอคงไม่รอให้เธอมาหาอยู่ฝ่ายเดียวแบบนี้หรอก ดูอย่างฟางเซียนสิ! เจอกันแค่ครั้งเดียว นายยังพาตัวเธอมาอยู่ข้างกาย ประคบประหงมชนิดที่ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอมเลย “ถ้าคุณเคโกะคิดแบบนั้นแล้วสบายใจ ผมเองก็ไม่มีอะไรจะราย งานแล้ว ขึ้นห้องเถอะ เผื่อนายเรียกใช้” ประโยคแรกเขาพูดกับแขกผู้มาเยือน ส่วนอีกประโยคเขาหันมาบอกขัติมากรที่ทำเพียงแค่นั่งมองสองคนคุยกันอย่างเงียบ ๆ “เดี๋ยว!” “อ๊ะ!” ต้นแขนขัติทาดรถูกรั้งไว้จากมือบางของคนที่ยืนขวางทางอยู่ ทัศน์เทพเห็นท่าไม่ดีอยากจะเข้าไปช่วยแต่เขาสังเกตเห็นแล้วว่าพอเขาขยับ แรงบีบนั้นก็เพิ่มมากขึ้นจนเนื้อต้นแขนคนถูกบีบปลิ้นออกตามร่องมืออีกคน เขาจึงทำได้แค่รอคอยจังหวะที่เหมาะสมค่อยเข้าไปจัดการ “ปะ...ปล่อยค่ะ หนูเจ็บ!” ขัติมากรพยายามดึงมือที่บีบแขนตัวเองออก แต่เหมือนแรงเธอจะน้อยไป แค่พยายามทำให้อีกคนเจ็บบ้างยังทำไม่ได้เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม