ตอนที่ 11 วันว่างกับแมวน้อย

1377 คำ
นับตั้งแต่มีแมวน้อยสีขาวน่ารักตัวนี้อยู่บนเขาแห่งนี้ด้วย ชีวิตประจำวันของหลินเซินก็เปลี่ยนไปจากเดิม วันเวลาที่อยู่อย่างสงบ ๆ ฟังเสียงสายลม เสียงใบไม้พัดปลิว ก็มีเสียงเหมียว เหมียว ดังขึ้นมาเป็นระยะ ราวกับกำลังร้องเรียกเขา ครั้งนี้ก็เช่นกัน “อย่าบอกนะว่าเจ้าหิวอีกแล้ว นี่เจ้ากำลังโตหรืออย่างไรถึงได้กินเก่งเช่นนี้” หลินเซินบ่นอุบอิบนิดหน่อย ก่อนจะเดินไปหยิบของบางอย่างสะพายหลัง เขาเดินลงไปด้านหลังเขาเรื่อย ๆ โดยมีเจ้าแมวน้อยตามมาติด ๆ เสียงสายน้ำไหลเอื่อยเริ่มดังขึ้น หลินเซินหยุดอยู่ริมตลิ่ง จัดแจงเสื้อผ้าให้เรียบร้อยพร้อมหย่อนขาลงไปในน้ำ มือข้างหนึ่งถือไม้แหลมยาว สายตาสองข้างมองทะลุเข้าไปใต้น้ำใส ๆ คอยมองหาปลาตัวใหญ่ ๆ ซึ่งเป็นของโปรดเจ้าแมวน้อย “นี่ข้ากำลังทำอะไรอยู่นี่ อาหารของข้าก็ไม่ใช่ เจ้านี่ทำเหมือนข้ากำลังเป็นทาสอย่างไรอย่างนั้น ใช่ว่าข้ารับเจ้ามาเลี้ยงด้วยเสียหน่อย” แม้จะบ่นมาเป็นชุดแต่สองตาก็ยังจ้องหาปลาต่อไปไม่ลดละ ในที่สุดเขาก็จับปลาตัวใหญ่ได้ตัวหนึ่ง เพียงเท่านี้ยังไม่พอ หลินเซินก่อฟืนจุดไฟก่อนจะนั่งย่างปลาที่เขากินไม่ได้อีกด้วย แต่เมื่อมองไปที่สายตาของแมวน้อยที่จ้องอาหารมื้อใหญ่แล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้ หลังจากหาอาหารแล้ว หลินเซินก็มักจะผ่อนคลายร่างกายอย่างที่เคยทำด้วยการลงไปแช่น้ำตก “กินปลาเสร็จแล้ว เจ้ากลับไปรอข้าที่กระท่อมแล้วกัน” หลินเซินพูดกับเจ้าแมวน้อย เห็นเสียงเหมียว เหมียว ตอบกลับมาก็หันหลังเดินตรงไปที่ริมลำธารอีกครั้ง ราวกับเจ้าแมวน้อยรู้ว่าเขาจะทำอะไร ก็รีบคาบปลากระโดดไปกินที่อื่น หลินเซินเปลื้องเสื้อผ้าคลุมกายออก แสงแดดอ่อนกระทบผิวกายขาวนวลของเขา ขาเรียวยาวค่อย ๆ ก้าวลงน้ำใสเย็นทีละข้าง แล้วหยุดตรงใจกลางลำธาร เขาเล่นน้ำดำผุดดำว่ายอยู่คนเดียวจนพอใจ จึงเริ่มบำเพ็ญตบะเซียนอีกครั้ง ครั้นเหนื่อยแล้วก็สวมเสื้อผ้าครึ่งท่อน ลอยไปที่โขดหินใหญ่ใจกลางลำธาร เอนหลังนอนพิงก้อนหิน ให้ร่างกายท่อนบนอาบแสงแดดอบอุ่นคลายความเหนื่อยล้า ยามเย็นก็แวะตกปลาอีกตัวมาฝากเจ้าแมวน้อยเป็นอาหารอีกหนึ่งมื้อ ส่วนตัวเขานั้นนั่งกินผลไม้กับสุราดอกท้อด้วยความสำราญใจ เวลานี้ทั้งสองกำลังนั่งรับลมดูแสงอาทิตย์ที่กำลังลับฟ้า ฝูงนกตัวเล็ก ๆ โบยบินกลับรังส่งเสียงจิ๊บ จิ๊บราวกับทักทายเขา จากที่เคยนั่งอยู่ลำพัง บัดนี้มีเพื่อนตัวน้อยอยู่เคียงข้างเขาเพิ่มขึ้น แม้จะวุ่นวายหน่อย แต่เขาก็ยินดี เขาอุ้มเจ้าแมวน้อยไว้ในอ้อมกอด ลูบหัวเบา ๆ ลูบขนนุ่ม ๆ ด้วยความรัก ทุกคืนเขาจะพาเจ้าแมวน้อยไปนอนบนที่นอนอุ่น ๆ ข้างในกระท่อม ส่วนตัวเขานอนอาบแสงจันทร์แสงดาราอยู่ใต้ต้นดอกท้อ ดูดซับพลังเซียนที่ไหลเวียนยามค่ำคืน ก่อนจะหลับตาลงหลับใหลสู่นิทรา ก็รู้สึกได้ว่ามีเจ้าตัวเล็ก ๆ ลากผ้าห่มมานอนอยู่ข้าง ๆ เขาจึงเอื้อมมือกอดมันไว้ในอ้อมแขนนอนหลับไปพร้อมกัน หน้าที่ปลุกหมาป่ากินพืชประจำเช้าแต่ละวันกลายเป็นของเจ้าแมวน้อยไปโดยปริยาย แมวน้อยใช้อุ้งเท้าแตะที่แก้มของเขาอยู่สองสามครั้ง พอเห็นหมาป่าขี้เซาไม่ยอมตื่นจึงกระโดดขึ้นไปบนตัวของเขา น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นทุกวันของเจ้าแมวน้อยทำให้หลินเซินสะดุ้งตื่นขึ้นมา “ข้าขอนอนต่ออีกสักนิดเถอะนะ อากาศกำลังดีเลย ถ้าเจ้าหิวก็ไปหาปลากินก่อนข้าได้เลย ข้ายังไม่หิว” เขาพูดจบแล้วก็ตะแคงข้างนอนขดตัวอยู่บนพื้นหญ้า ไฉนเลยเจ้าแมวน้อยจะยอม หากปิ้งปลาเองได้คงไม่มามัวแต่อ้อนเขาอย่างนี้หรอก ครั้นจะหาปลากินเองก็ไม่ชอบปลาดิบเสียด้วย เจ้าแมวน้อยจึงไม่ยอมแพ้ เดินมาส่งเสียงร้องเหมียว เหมียวอยู่ตรงใบหูของเขาอยู่นาน ในที่สุด หลินเซินก็จำเป็นต้องตื่นมาหาอาหารให้สิ่งมีชีวิตร่วมโลกตัวเล็ก ๆ จนได้ แต่ก็ใช่ว่าเจ้าแมวน้อยจะได้กินแต่ปลาย่างเท่านั้น บางครั้งเขาก็ทำให้เจ้าแมวอิ่มทิพย์บ้างเพราะขี้เกียจเดินไปไหนมาไหน จนเจ้าแมวกรอกตามองบนไม่รู้จะขอบคุณหรืออย่างไรดี พอได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาพักหนึ่งแล้ว เขาถึงเพิ่งจะนึกได้ว่าเจ้าแมวน้อยตัวนี้ยังไม่มีชื่อ คิดไปคิดมาจึงเรียกชื่อหนึ่งออกมา “ข้าจะตั้งชื่อเจ้าว่าเยี่ยนฟาง ต่อไปนี้ถ้าข้าเรียก เจ้าก็รีบมาหาข้านะ ตกลงไหม” แมวน้อยพยักหน้ารู้ความ นับวันยิ่งตอบสนองเหมือนคน ๆ หนึ่งไม่มีผิด แต่คนซื่อบื้ออย่างเขากลับไม่สังเกตเห็น "เยี่ยนฟาง เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นหมาป่าที่มีตบะเซียน พอมีพลังแล้วจะทำอะไรก็ทำได้ง่าย นี่ดูสิ ข้าอยากกินน้ำค้าง ก็มีน้ำค้างมารออยู่ตรงหน้า เพราะฉะนั้น ข้าอยากให้เจ้าทำได้เหมือนกัน” สิ่งที่เขาพูดนั้น ดูเหมือนเป็นความหวังดีต่อเจ้าแมวน้อยแต่นั่นก็เพียงส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งคือเขาอยากนอนตื่นสาย หากเจ้าแมวน้อยหิวจะได้ไม่ต้องมากวนเขานั่นเอง เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด มีหรือเจ้าแมวน้อยจะนั่งอยู่เฉย ๆ การบำเพ็ญตบะเซียนนี่น่าเบื่อจะตายไป อีกอย่างเรื่องอาหารนั้น มีคนทำให้ก็สบายกว่าเป็นไหน ๆ เจ้าแมวน้อยเตรียมตัวกระโจนออกจากสายตาเขา เพียงแต่ว่าหลินเซินนั้นไวกว่า เข้าเอื้อมจับตัวเยี่ยนฟางไว้ได้ทันพอดี แม้คิดจะหนีก็คงหนีไม่ได้อีกแล้ว หลินเซินจับเจ้าแมวน้อยมานั่งอยู่ข้าง ๆ ค่อย ๆ สอนบำเพ็ญตบะเซียนอย่างช้า ๆ ไม่รีบร้อน เขายังมีเวลาอยู่กับเจ้าแมวน้อยไปอีกนาน ถ้าเขาไม่ถูกทิ้งไปเสียก่อน แล้วก็เป็นดังที่คิด ทั้งสองอยู่เป็นเพื่อนกันจนล่วงเลยมาครบหนึ่งร้อยปี “เยี่ยนฟาง เก่งมาก ไม่น่าเชื่อว่าตบะเซียนของเจ้าจะเพิ่มขึ้นรวดเร็วถึงเพียงนี้ ต้องเป็นเพราะว่าได้อาจารย์ดีอย่างข้าแน่ ๆ เอาล่ะ วันนี้เพื่อเป็นการฉลอง ข้าจะพาเจ้าไปที่เมืองมนุษย์ เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีของอย่างอื่นน่ากินกว่าปลาย่างอีกนะ แล้วก็มีของหวานกับขนมอร่อย ๆ ตั้งเยอะ” หลินเซินตื่นเต้นดีใจกับความสำเร็จในการสั่งสอนเยี่ยนฟาง อีกทั้งวันนี้ เขายังบรรลุตบะเซียนเก้าขั้นเป็นที่เรียบร้อย มีเรื่องน่ายินดีสองเรื่องในหนึ่งวัน เขาจึงดีใจเป็นพิเศษ เจ้าแมวน้อยเดินมานั่งบนตักเขาอย่างเคย เอาแก้มนุ่ม ๆ เกยแขนของเขาไว้หลับตาลงด้วยความเหนื่อย “มีที่ไหน แมวฝึกตบะเซียนได้สามขั้นภายในหนึ่งร้อยปี ถ้าไม่ใช่เพราะข้าฉลาดอยู่แล้ว ไม่มีทางหรอกนะ” เสียงอู้อี้ไม่เป็นภาษาดังเล็ดลอดออกมา ทันใดนั้น หลินเซินสัมผัสได้ว่า ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่นี่ มีอะไรบางอย่างกำลังเรียกหาเขาอยู่ ความรู้สึกอบอุ่นหัวใจก่อตัวขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาหันไปยังทิศทางหนึ่งตามความรู้สึก “ใครกำลังเรียกข้าอยู่หรือ” หลินเซินพึมพำเบา ๆ คนเดียว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม