“แพร คิดอะไรอยู่คะ” เสียงถามของเจ้ลิลลี่ทำให้ฉันต้องกลับมาอยู่กับปัจจุบัน
“อ๋อ เปล่าค่ะ ไก่ย่างร้านนี้อร่อยนะคะ” ฉันถึงกับต้องเปลี่ยนเรื่องคุย เพราะไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เจ้ทั้งสองของฉันคุยเรื่องอะไรกัน
“อร่อยสิ ก็ไก่ร้านนี้เขาเป็นต้นตำรับ ไก่ย่างเขาสวนกวางเชียวนะ” เจ้ติ๊กกี้ผู้มีความรอบรู้เรื่องการกิน ดูได้จากหุ่นของเจ้เขา รับประกันได้ ฉันเลยต้องพยักหน้าตาม
“เออ อีกี้มึงรู้ไหม อีหมวยมันเอาของขวัญวันเกิดไปให้บอสด้วยนะ” เออ ใช่วันนี้วันเกิดผัว ฉันลืมได้ยังไงเนี่ย มิน่าละวันนี้เขางอแงไม่อยากมาทำงาน
“ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นยายแพร แกเป็นแค่เด็กฝึกงานไม่ต้องให้ของวันเกิดบอสก็ได้” อยากจะบอกเจ้ติ๊กกี้ว่าหนูก็อยากทำอย่างนั้นนะเจ้ แต่ถ้าไม่ให้ ความลับที่หนูพยายามปกปิดรับรองว่าไม่มิดอีกต่อไป ไม่อยากจะนึกหน้าพ่อคุณ
“เปล่าค่ะ แพรแค่สงสัยใครเหรอคะยายหมวยที่พี่ว่า”
“โอ๊ย ก็แม่ประชาสัมพันธ์คนสวยนั่นไง นางถือว่านางเคยขึ้นเวทีงานเลี้ยงบริษัทปีที่แล้วกับบอสไง นางเลยทำตัวสนิทสนมกับบอส” เจ้ลิลลี่เล่าด้วยอินเนอร์ระดับสิบ สงสัยเก็บกดน่าดู รอยยิ้มของฉันผุดขึ้นมาบ้างแล้ว มีทางออกแล้วโว้ย! อีแพร
“เจ้ แล้วเขาชอบกันเหรอคะ”
“ตบปากเท่าอายุเลยอีแพร” เจ้ติ๊กกี้กลายร่างเป็นผีเสื้อสมุทรแล้ว เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันถาม
“แพรขอโทษ ‘บอสเป็นของหลวงใครดีใครได้’ ไหนเจ้บอกใครดีใครได้ไง ” ฉันท่องสโลแกนที่เจ้ทั้งสองบอกไว้ตั้งแต่เข้ามาทำงาน
“ใช่ค่ะ ใครดีใครได้ แต่ต้องไม่ใช่อีหมวยกระทะเหล็กนั่น” เจ้ติ๊กกี้พูดแต่สายตาบ่งบอกถึงความเคียดแค้น
“ทำไมละคะ” ฉันไม่เข้าใจว่าเจ้สองคนจะไปโกรธแค้นพี่หมวยประชาสัมพันธ์คนสวยอะไรขนาดนั้น พี่เขาก็ดูน่ารักดีนะ พูดช้า ๆ เนิบ ๆ ฟังแล้วเหมือนเสียงในห้างดี
“ก็ยายนั่นแย่งผัวอีลี่ไป” ฉันมองหน้าเจ้ลิลลี่เพื่อยืนยันคำพูดของเจ้ติ๊กกี้ เจ้ลิลลี่ได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ
“เล่าให้มันฟังดีไหมอีลี่ เผื่อน้องจะได้ระวัง ไม่หลงไปคบกับยายหมวยกระทะเหล็กนั่น” เจ้ติ๊กกี้ถามเจ้ลิลลี่ก่อนจะเล่า จะว่าไปทั้งสองคนนี้ถึงจะพูดจากันแรง ๆ แต่ทั้งสองก็ต่างเคารพความเป็นส่วนตัวของกัน
“เล่าสิ อยากเล่า แต่มึงต้องเล่านะ กูไม่อยากพูดถึง” เจ้ลิลลี่นั่งกินส้มตำอย่างไม่ใส่ใจ ส่วนเจ้ติ๊กกี้ก็พร้อมเต็มที่เรื่องการเล่า
“เรื่องมันก็มีอยู่ว่า ตอนนั้นเมื่อห้าปีที่แล้วใช่ไหม ตอนนั้นบอสยังไม่ได้มาทำงานที่นี่หรอก อีหมวยกระทะเหล็กนางเพิ่งมาทำงานที่นี่ ตอนนั้นพวกฉันก็อยู่ตำแหน่งรองผู้จัดการอยู่เลย นางก็เข้ามาตีสนิท ฉันกับอีลี่ก็พวกคนใจง่ายไง ใครดีด้วยก็ดีหมด ไปเที่ยวที่ไหนก็ชวนนางไปด้วย”
เจ้ติ๊กกี้ถึงกับพักดื่มน้ำ ส่วนฉันก็ตั้งใจฟังยิ่งกว่าอาจารย์บรรยายเสียอีก เรื่องชาวบ้านคืองานของเรา แต่ตอนนี้เรื่องของชาวบ้านกำลังจะเกี่ยวกับเรื่องของเรา โดยมีท่านประธานนี่แหละเป็นตัวเชื่อม
“แก๊...วันนั้น...วันนั้น”
“วันไหน เจ้กี้รีบพูดสิ แพรตื่นเต้นหมดแล้วเนี่ย”
“มึงรีบเล่าเลยอีกี้ อีกยี่สิบนาทีต้องเข้างานแล้ว” เจ้ลิลลี่ผู้ตรงต่อเวลารีบเร่ง นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากรู้มากกว่าเดิม เพราะรู้ว่าถ้าหลุดจากช่วงเวลาบ่ายแล้ว ทุกคนในระดับผู้จัดการต้องเข้าประชุมระดับผู้จัดการ
“วันนั้นเป็นวันเกิดอีลี่ พวกฉันก็เลยไปฉลองบ้านอีลี่ เมามากวันนั้น ฉันกับอีลี่นี่เมาจนหลับไปเลย แต่อีลี่มันดันเป็นคนตื่นง่าย เจออีน้องรักของอีลี่แอบกินกันอยู่ห้องนอนที่อีหมวยมันนอนอยู่” ฉันมือเท้าเย็นขึ้นทันที ไม่รู้ว่าเย็นเพราะเรื่องที่ได้รับฟัง หรือเย็นเพราะว่าอยากจิกหัวใครบางคน
“เจ้เห็นเลยเหรอคะ” ฉันหันไปถามเจ้ลิลลี่
“โอ๊ย! เห็นมันกำลังขย่มผัวอีลี่อยู่ อีหมวยนี่ท่าทางเรียบร้อย แต่บนเตียงนี่ผัวอีลี่ติดใจ”
“ติดใจเลยเหรอคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ มันไม่ได้เพิ่งแอบกินกันแค่วันนั้นหรอก แต่มันกินกันมานานแล้ว” คำพูดของเจ้ติ๊กกี้ทำให้ฉันตกใจและเสียใจแทนเจ้ลิลลี่ที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้
“ยายแพรไม่ต้องทำหน้าแบบนั้น ดีแล้วที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนั้น เพราะทำให้เจ้รู้จักสันดานคน และได้เขี่ยไอ้ผู้ชายเฮงซวยนั้นออกจากชีวิต” เจ้ลิลลี่สาวผู้มีความมั่นใจสูง มีหนุ่ม ๆ หลายคนตามจีบ ไม่อยากเชื่อว่าคนอย่างเจ้ลิลลี่จะเคยโดนผู้ชายนอกใจ
“จะว่าไปก็สมน้ำหน้าผัวแกนะ”
“ผัวเก่าย่ะ ควายอย่างมันก็สมควรโดนแล้ว” ฉันกะพริบตาปริบ ๆ เพราะไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้ทั้งสองคนพูดกัน
“อีลี่มันทิ้งผัวทันที จากนั้นไอ้ผู้ชายก็หอบผ้าไปอยู่กับอีหมวยกระทะเหล็กนั่น อีนั่นมันเห็นผัวอีลี่ขับรถราคาแพง แถมใส่ทองเส้นโตนึกว่ารวยมั้ง พออีลี่ไล่ออกจากบ้านไม่มีอะไร อยู่กันได้แค่ไม่กี่เดือนก็เลิกกัน” ผัวเก่าเจ้ลิลลี่ควายอย่างเจ้ติ๊กกี้ว่าจริง เห็นแก่ความสุขชั่วคราว เป็นยังไงละเจอกับความร้าวรานชั่วโคตร
“หลังจากนั้นไม่นาน บอสก็มาทำงานที่นี่ นางก็เลยหวังสูงคงกลัวเจอแบบรวยไม่จริงอีก” เจ้ติ๊กกี้ผู้รู้รายละเอียดยิ่งกว่าเจ้ลิลลี่ที่เป็นเจ้าของเรื่องเสียอีก
“กลับได้แล้ว เดี๋ยวเข้าประชุมช้า เห็นว่าวันนี้จะมีให้เป่าเค้กวันเกิดให้บอสด้วย” เจ้ลิลลี่เร่งให้รีบกลับบริษัท ฉันผู้ยังไม่มีของขวัญวันเกิดให้กับผู้เป็นบอสใหญ่ของที่นี่
ห้องไลน์ส่วนตัว
Baby ที่แปลว่าที่รัก : HBD นะคะเบ๊บ
Babe ที่แปลว่าที่รัก : ไม่ส่งมาซะพรุ่งนี้ (สติ๊กเกอร์หน้าบูด)
Baby ที่แปลว่าที่รัก : หนูมีความสุขไงได้อยู่กับเบ๊บ ทำงานที่เดียวกับเบ๊บ ก็เลยลืมวันลืมคืน
Babe ที่แปลว่าที่รัก : ไม่ต้องมาปากหวาน
Baby ที่แปลว่าที่รัก : ไม่ใช่แค่ปากที่หวาน อย่างอื่นหนูก็หวานเบ๊บเคยบอก
(ฉันรู้เลยว่าตอนนี้ คนอ่านข้อความกำลังหน้าแดงเพราะความเขินอยู่)
Babe ที่แปลว่าที่รัก: เท่านี้ก่อนนะ พี่ต้องเข้าประชุมแล้ว รักบี๋นะครับ
Baby ที่แปลว่าที่รัก : หนูก็รับเบ๊บ
“ยิ้มอะไรขนาดนั้น คุยกับแฟนเหรอ” เจ้ติ๊กกี้หันมาแซวเมื่อเห็นฉันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้โทรศัพท์มือถือ
“เปล่าค่ะ พ่อค่ะ” พ่อทูนหัวนะคะเจ้ ขอโทษนะน้องยังบอกความจริงไม่ได้
“อย่ามัวแต่คุยเลย รีบไปทำงานกันเร็ว” เสียงเจ้ลิลลี่เร่งพวกฉันสองคนให้รีบเดินไปยังประตูในส่วนของสำนักงาน
จากนั้นเจ้ทั้งสองก็รีบเตรียมแฟ้มเอกสารเข้าร่วมประชุมผู้จัดการ ผู้จัดการของแต่ละแผนกต้องเข้าประชุมกันสัปดาห์ละหนึ่งครั้ง บางครั้งการประชุมก็เหมือนการแลกเปลี่ยนทัศนคติ บางครั้งก็เหมือนสงครามย่อม
ทำไมน่ะเหรอ ความคิดเห็นของคนเรามีหลากหลาย เป้าหมายของแต่ละแผนกก็จะขัดแย้งกัน ทำให้สุดท้ายแล้วคนที่ต้องตัดสินใจว่าจะเดินทางไหนให้บริษัทได้ผลประโยชน์สูงสุดก็คือท่านประธาน
พักเรื่องนั้นไว้ก่อนค่ะ กลับมาเรื่องของขวัญของคุณแฟนก่อน
“มีอะไรที่ไม่เคยให้มั่งนะ” ปีปีหนึ่งมีหลายเทศกาล แล้วฉันก็ให้ของขวัญเขามาปีนี้ปีที่สี่แล้ว จะเป็นของขวัญทำเองรับรองไม่ทันแน่นอน ถ้าจะไปซื้อก็ไม่รู้ว่าจะซื้อทันไหม