"โอ๊ยย!"
“งืออ ขอโทษนะคะ คือฉันไม่ได้ตะ…พี่เจได!
มิรินถึงกับตกใจเมื่อตัวเองดันเปิดประตูไปจนโดนหน้าคนด้านนอกอย่างแรงจึงรีบพูดขอโทษ ตากลมเบิกตากว้างตกใจมากกว่าเดิมเมื่อเห็นคนที่เธอเปิดประตูไปชนเขา ส่วนเจไดที่กำลังจับหน้าผากตัวเองอยู่ก็ต้องชะงักตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นมิรินมาอยู่ที่คอนโดตัวเอง
“พี่เจไดหนูขอโทษไหนขอหนูดูหน้าผากหน่อยค่ะ”
มิรินรีบจับมือเจไดที่กำลังจับหน้าผากตัวเองอยู่ออกด้วยสีหน้าเป็นห่วง ร่างบางยืดตัวไปดูหน้าผากเขาใกล้ๆ เพราะความสูงของเจไดทำให้หน้าผาเธออยู่ถึงแค่ปากเขาเท่านั้น ร่างสูงถึงกับกลืนน้ำลายลงคอเมื่อใบหน้าหวานเข้ามาใกล้ปากตัวเอง แถมกลิ่นหอมจากตัวเธอยังแตะจมูกเขาอีกทำเอาเจไดถึงกับอยากจับเธอมาจูบให้มันรู้แล้วรู้รอดแต่อีกความคิดก็ตีกันไปมาพยายามหักห้ามใจไว้จึงได้แต่ยืนนิ่งๆ ให้เธอดูหน้าตัวเองเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรแถมยังยอมให้เธอจับแขนตัวเองไว้โดยไม่คิดจะสลัดออกทั้งๆ ที่ปกติเขาไม่เคยและไม่ให้ผู้หญิงคนไหนมาจับแขนนานๆ แบบนี้ด้วยซ้ำ
“งืออ แดงเลยพี่เจได ขอโทษนะคะหนูไม่ได้ตั้งใจ ตามหนูมานี่ก่อนนะคะ”
“ตามไปไหน”
เจไดถามมิรินเสียงเรียบเมื่อมิรินกำลังจะดึงแขนเขาเดินไปทางที่จอดรถ
“ไปรถหนูก่อนนะคะ หนูมียาทาอยู่ที่รถเดี๋ยวหนูทายาให้ค่ะ”
มิรินตอบเจไดพร้อมกับทำสีหน้ารู้สึกผิดจนร่างสูงใจกระตุกวูบ เป็นครั้งแรกที่เธอทำหน้ากังวลแบบนี้เพราะสองครั้งที่เจอเธอ มิรินมักกะยิ้มสดใสให้เขาเสมอทั้งๆ ที่เขาทั้งดุทั้งเย็นชาใส่เธอ แถมเขาในตอนนี้ยังรู้สึกไม่ชอบตอนที่เธอทำหน้าเศร้าแบบนี้เลยสักนิดโดยไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมถึงต้องรู้สึกแบบนี้ เมื่อได้ยินคำพูดของมิรินร่างสูงก็ยอมให้เธอจับแขนเดินไปที่รถอย่างว่าง่ายเพราะดูท่าเธอคงจะไม่สบายใจถ้าไม่ได้ทายาให้เขา
“พี่เจไดนั่งก่อนนะคะ”
เมื่อมาถึงรถแล้วมิรินก็เปิดประตูรถแล้วดันตัวเจไดนั่งที่เบาะหน้าโดยหันหน้ามายังด้านข้างรถ เมื่อเจไดนั่งแล้วมิรินก็รีบไปหยิบหลอดยาที่กล่องปฐมพยาบาลหลังรถที่เธอเตรียมไว้ฉุกเฉิน
“มาค่ะ เดี๋ยวหนูทายาให้”
พูดจบมิรินที่ยืนตรงหน้าเจไดก็โน้มหน้าเข้าไปใกล้ใบหน้าหล่อแล้วทายาที่หน้าผากให้เขาอย่างเบามือ ส่วนเจไดก็ได้แต่จ้องใบหน้าสวยที่ตอนนี้หน้าเธออยู่ใกล้หน้าเขาแค่คืบแถมปากบางยังเม้มเหมือนตั้งใจทายาให้เขาอยู่ทำเอาเจไดถึงกับใจเต้นแรงอารมณ์เริ่มพลุ่งพล่านเพราะการที่เธอเม้มปากแบบนี้มันช่างดูเซ็กซี่ในสายตาเขาเหลือเกิน
“พี่เจไดเป็นอะไรคะ ร้อนหรอคะทำไมเหงื่อออก”
มิรินละสายตามาสบตาเจไดแล้วเอ่ยถามเขาขึ้นด้วยตวามเป็นห่วงเมื่อเห็นใบหน้าหล่อเริ่มมีเหงื่อออกจนเจไดถึงกับต้องหันหน้าหนีหลบตามิรินเพราะกลัวจะทนไม่ไหว
“ทาเสร็จก็ถอยออกได้แล้ว รู้จักระวังตัวบ้างผู้ชายไม่ได้เป็นสุภาพบุรุษทุกคนหรอกนะ”
เจไดพูดกับมิรินเสียงดุเมื่ออยู่ๆ เผลอนึกคิดว่ามิรินอาจจะทำแบบนี้กับผู้ชายทุกคนเพราะลักษณะเธอเหมือนเป็นผู้หญิงสดใสคิดบวกตลอดเวลา
“พูดแบบนี้แสดงว่าพี่หวั่นไหวกับหนูหรอคะ”
มิรินพูดขึ้นแล้วโน้มหน้าไปใกล้เจไดมากกว่าพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้เขาจนเจไดถึงกับเอนหลังไปด้วยความตกใจเพราะเธอโน้มหน้ามาใกล้จนจมูกจะชนกันอยู่แล้ว
“เธอหลงตัวเองเกินไปรึเปล่า ฉันไม่ชอบเด็กกะโปโลอย่างเธอหรอกนะ”
เจไดพูดขึ้นเสียงเรียบพยายามข่มอารมณ์ไว้ไม่แสดงออกให้มิรินเห็น
“เด็กกะโปโลที่ไหนหนูเป็นสาวมหาลัยแล้วนะคะ อีกอย่างพี่ไม่ต้องห่วงเรื่องที่หนูเข้าใกล้ผู้ชายแบบนี้หรอกค่ะ เพราะนอกจากพ่อกับพี่ชายหนูพี่คือผู้ชายคนแรกที่หนูเข้าใกล้แบบนี้ พี่สบายใจได้ค่ะ”
มิรินตอบเจไดด้วยรอยยิ้มทำเอาเจไดถึงกลืนน้ำลายลงคอเมื่อสายตาดันเผลอไปมองช่วงอกเธอที่เผยให้เห็นเนื้อหนังข้างในเล็กน้อยเพราะมิรินยังโน้มหน้ามาใกล้เขาอยู่
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงเธอ อีกอย่างเธอไม่จำเป็นต้องมาบอกฉันเรื่องเข้าใกล้ผู้ชาย เพราะฉันไม่ได้เป็นอะไรกับเธอ”
เจไดพูดกับมิรินเสียงแข็งแต่มิรินก็ไม่ได้โกรธอะไรเขากลับยิ้มใส่จนเจไดถึงกับงง
“ตอนนี้ยังไม่เป็นแต่ต่อไปพี่ได้เป็นแน่นอนค่ะ เพราะหนูชอบพี่และคนที่จะเป็นแฟนหนูต้องเป็นพี่คนเดียวเท่านั้น”
เจไดถึงเบิกตากว้างตกใจเพราะคิดไม่ถึงว่าเธอจะบอกชอบเขาตรงๆ แบบนี้
“เธอเป็นผู้หญิงนะมาบอกชอบผู้ชายก่อนแบบนี้ได้ไง แล้วอีกอย่างเธอไม่คิดว่าคนอย่างฉันจะมีแฟนหรอ”
เจไดพูดขึ้นทันทีเมื่อมิรินสารภาพรักกับเขา
“เอ้า! หนูข้ามขั้นตอนไปหรอคะ งั้นเอาใหม่ หนูถามก่อนแล้วกันเนาะ พี่มีแฟนยังคะ”
มิรินเอ่ยถามเจไดด้วยรอยยิ้มขณะที่ยังอยู่ในท่าโน้มตัวไปหาเจไดอยู่
“เธอนี่ดื้อรั้นจริงๆ”
เจไดทั้งพูดทั้งถอนหายใจใส่มิรินเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ
“หนูไม่ได้ดื้อสักหน่อย เร็วสิคะ หนูถามพี่อยู่นะว่าพี่มีแฟนยัง”
มิรินยังถามคำถามเดิมกับเจไดพร้อมกับมองหน้าเขาด้วยสายตาอ้อนๆ ทำเอาหัวใจเขาถึงกับเต้นแรงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
“ไม่มี”
เจไดเผลอตอบมิรินไปโดยไม่รู้ตัวจนได้แต่ด่าตัวเองในใจว่าไปตอบเธอทำไม
“โอเค พี่ไม่มีแฟนแสดงว่าหนูจีบได้ อิอิ”
มิรินพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างขึ้นอย่างชอบใจ
“ได้คำตอบก็ถอยออกไปได้แล้ว ฉันไม่ชอบให้ใครมาถูกตัวฉันแบบนี้”
เจไดพูดเสียงแข็งกลบเกลื่อนอารมณ์ตัวเองเพราะมือข้างหนึ่งของมิรินนั้นกำลังทาบที่อกแกร่งของเขาอยู่
“ไม่ชอบให้ใครมาถูกตัว แต่ชอบถูกตัวคนอื่นแทนหรอคะจับเอวหนูไม่ปล่อยเลยนะ”
มิรินพูดแซวเจไดทันทีเพราะตั้งแต่เธอโน้มตัวมาใกล้เขาเจไดก็จับเอวเธอมาตลอด ทำเอาเจไดถึงกับรีบปล่อยมือออกจากเอวเธอเพราะตัวเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าไปจับเอวเธอตั้งแต่ตอนไหน จนมิรินได้แต่อมยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเลิ่กลักของเจไดแล้วผละตัวออกมายืนอยู่นอกรถ ส่วนเจไดเมื่อเธอผละตัวออกแล้วก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วตั้งท่าจะเดินไปทันที
“เดี๋ยวก่อนสิคะพี่เจได พี่จะไปไหนคะ”
เจไดหยุดชะงักทันทีเมื่อมิรินเอ่ยถามพร้อมกับจับแขนเขาไว้
“เธอทายาเสร็จแล้วนิ จะให้ฉันอยู่ทำไมอีก”
เจไดหันไปพูดกับมิรินเสียงเรียบ
“พี่กินอะไรยังคะ เราไปกินข้าวด้วยกันมั้ยคะ”
มิรินเอ่ยชวนเจไดด้วยรอยยิ้ม
“หึ อย่ามาเนียนชวนฉันไปกินข้าว ฉันไม่ได้ลืมข้อเสนอที่เธอตกลงรับคำกับฉันไว้นะ”
เจไดพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มมุมปาก ส่วนมิรินก็ยิ้มกวนๆ ใส่เจไดทันทีทำเอาเจไดถึงกับมองมิรินด้วยความแปลกใจ
“นายชนาธิป กิตติไพศาล เรียนวิศวกรรมเครื่องกล ปีสาม ทีนี้ไปกินข้าวกับหนูได้ยังคะ”
มิรินพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มกว้างใส่เจไดอย่างผู้ชนะเธอรู้ชื่อจริงของเจไดโดยที่ไม่ต้องพึ่งแก๊งพี่ชายแต่ให้ลูกน้องของพ่อตัวเองไปสืบแทนโดยมิรินให้ลูกน้องสืบหาแค่ชื่อจริงของเจไดแค่นั้น ส่วนเรื่องอื่นเธออยากเรียนรู้กับเจไดด้วยตัวเองเลยไม่รู้ว่าเจไดนั้นพักอยู่คอนโดนี้เหมือนกันโดยที่มิรินไม่ได้รู้มาก่อนเรียกว่าเป็นความบังเอิญแค่นั้นเอง คำพูดของมิรินทำเอาเจไดถึงกับตกใจเมื่อเธอนั้นรู้ชื่อจริงเขาแล้ว