บทที่ 6 คำเตือนจากสาวใช้
ณ บ้านตระกูลอัล
สองเท้าเล็กเดินเข้ามาในบ้านตระกูลอัลพร้อมด้วยกระเป๋าใบเล็กภายในกระเป๋ามีสัมภาระแค่พอใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เพียงสามวัน นัยน์ตาสีนิลกวาดสายตามองไปรอบ ๆ ถึงกับต้องตกตะลึง ภายในบ้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลักชูรี่
หือ? สมกับเป็นบ้านคนรวยระดับต้น ๆ ของประเทศ ดูดีตั้งแต่ทางเข้าประตูรั้ว ยันตัวห้องชุด วัสดุใช้เกรดพรี่เมี่ยมจากต่างประเทศ ออกแบบสวยอลังการทุกพื้นที่ มิชรินทร์ได้แต่คิดในใจ
แม้ว่าอดีตคนตัวเล็กเคยได้มีชีวิตหรูหรา ฟุ่มเฟือยอยู่บ้าง แต่ในชีวิตยังไม่เคยได้มีโอกาสอยู่บ้านแบบนี้เลย ความคิดที่จะอยู่บ้านหรูหราเช่นนี้ คงเป็นไปได้แค่ความฝัน
หรือที่คุณหญิงจ้างเธอมาแบบนี้ คงเป็นเพราะว่ามีเงินเหลือใช้มากเกินไปจริง ๆ…
เจ้าของใบหน้างามยังไม่วาย คิดถึงการจ้างงานของคุณหญิงวาสนา
“สวัสดีค่ะ คุณมิชรินทร์ใช่ไหมคะ” เสียงเล็กของหญิงสาวอายุไม่เกิน
25 ปี เอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าผู้ที่มาเยือนเป็นหญิงสาวร่างเล็กใบหน้าหวานละมุน ตรงตามกับที่คุณหญิงวาสนาผู้เป็นเจ้านายได้กำชับเอาไว้
เสียงของสาวใช้เอ่ยเรียกมิชรินทร์ ส่งผลให้เธอสลัดความคิดก่อนหน้านี้ออกจากหัว แล้วโค้งตัวให้แม่บ้านเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยปากว่า
“ค่ะ ฉันชื่อมิชรินทร์ เรียกว่ารินก็ได้ค่ะ…เอ่อ แล้วคุณหญิงไปไหนเหรอคะ” เจ้าของใบหน้างามแนะนำตัว กวาดสายตามองหาคุณหญิงทว่ากลับไม่มีวี่แวว จึงเอ่ยปากถามสาวใช้
“คุณหญิงไปเที่ยวต่างประเทศสามวันค่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ…มาค่ะ เดี๋ยวแดงจะพาไปที่ห้องของคุณริน”
คนตัวเล็กพยักหน้าด้วยความเข้าใจ แล้วเดินตามสาวใช้ที่ชื่อแดงไป อย่างว่าง่าย ไหนล่ะ คุณหญิงบอกว่าไว้เจอกัน…ทำไมถึงไปต่างประเทศได้
ภายในช่วงเวลาหนึ่ง แดงผู้เป็นสาวใช้ พามิชรินทร์มาหยุดอยู่หน้าห้อง ห้องหนึ่ง
“นี่ห้องของคุณรินค่ะ เอาของไปเก็บได้เลยค่ะ”
“ค่ะ” ร่างเล็กตอบ สองเท้าเล็กจึงได้เดินเข้าไปสำรวจด้านในห้อง ห้องนอนตกแต่งเป็นสีโทนอ่อน ตรงกับความชอบของเธอพอดี เสียดายที่ต้องได้นอนอยู่ห้องนี้เพียงสามวัน
“คุณรินคะ” เสียงสาวใช้เรียกมิชรินทร์ มองใบหน้างามอย่างละล่ำละลัก เหมือนจะอยากพูด แต่ก็อึกอัก
คนตัวเล็กเห็นท่าทางของสาวใช้ไม่ปกติ จึงได้เอ่ยถามว่าเธออยากจะพูดอะไรหรือไม่
“มีอะไรเหรอคะ” เรียวปากสีหวานเอ่ยถามอย่างสงสัย
“คือ แดงอยากจะเตือนอะไรคุณสักหน่อยค่ะ เรื่องคุณอัลเฟรด…”
“ทำไมเหรอคะ เขาเป็นคนแบบไหนเหรอคะ”
“คุณอัลเฟรด เป็นคนที่นิ่งเงียบไม่ค่อยพูดค่ะ ห้องข้าง ๆ ของคุณรินคือห้องของคุณอัลเฟรด คุณรินอย่าทำอะไรเสียงดังหรือรบกวน คุณท่านเขานะคะ แดงเกรงว่าคุณอัลเฟรดจะไม่พอใจ ไล่คุณรินออกจากบ้าน….ให้อยู่แต่ในห้องนะคะ”
“เขาเป็นคนน่ากลัวเหรอคะ หรือว่าตอนโกรธแล้วจะอารมณ์ร้าย
เหมือนยักษ์ ” คนตัวเล็กถามด้วยความใคร่รู้
“น่ากลัวค่ะ แต่ตอนโกรธไม่อารมณ์ร้ายหรอกค่ะ แต่แดงแค่อยากเตือนคุณเอาไว้ ดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ แดงคงจะไปแล้วค่ะ”
สาวใช้อดเป็นห่วงคนตัวเล็กตรงหน้าไม่ได้ ที่บอกว่าน่ากลัว คือคุณชายของเขาเป็นเสือผู้หญิง คงไม่ปล่อยผู้หญิงบริสุทธิ์ ไม่ทันคนอย่างคุณรินไปแน่ ๆ
คุณชายอัลเฟรดร้ายขนาดนี้ แต่แปลกที่คุณหญิงวาสนากลับไม่รู้ มัวแต่คิดมากกลัวว่าลูกชายจะไม่มีภรรยา กลัวจะเป็นชายรักชายเสีย
อย่างนั้น
“จะไปไหนเหรอคะ แล้วไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังนี้หรือคะ” เสียงหวานเอ่ยถาม แบบนี้เท่ากับว่าเธอไม่มีเพื่อนคุยน่ะสิ ในเมื่อสาวใช้เองก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน
“คุณชายชอบความเงียบสงบค่ะ แดงต้องไปเรือนคนใช้อยู่อีกฝั่ง จะมาที่นี่แค่ตอนกลางวัน และตอนนี้คุณชายหยุดสามวัน ไม่ได้ไปทำงาน คงจะพักอยู่ในห้องค่ะ ระวังตัวนะคะ ไปแล้วจริง ๆ ค่ะ” สาวใช้พูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งแต่แฝงด้วยความเย็นยะเยือก
มิชรินทร์รู้สึกเหมือนกับว่าการที่เธอมาอยู่ที่นี่ เหมือนให้มาอยู่กับผี เพราะสาวใช้จะมาแค่ในตอนกลางวัน ส่วนกลางคืนมีเธออยู่คนเดียว กับคุณชายผู้นิ่งขรึม
คนตัวเล็กเม้มริมฝีปากเข้าหากัน ใจฮึดสู้อีกครั้ง หลังจากนี้ไม่ว่าคุณชายนั่นจะเป็นยังไง เธอต้องอดทนใช้ชีวิตอยู่ในบ้านร่วมกับเขา 3 วัน
“แค่สามวันเท่านั้นรินเอ้ย!” เรียวปากสีหวานเอ่ยคำพูดกับตัวเอง เหมือนกับเป็นการให้กำลังใจตัวเองอยู่นัย ๆ
ผ่านไปหลายชั่วโมง
ณ ห้องของมิชรินทร์ บ้านตระกูลอัล
ภายในห้องคนตัวเล็กนอนหลับตาพริ้ม โดยที่ไม่รู้ตัวว่าตนหลับไปเมื่อใด เธอนอนหลับนานจวบจนเป็นเวลาใกล้พลบค่ำ ดวงตาคู่งามค่อย ๆเปิดเปลือกตาขึ้น กระพริบตาสองสามครั้ง เพื่อขับไล่อาการมึนหัวนี้ออกไป เขาว่ากันว่าคนที่นอนนาน ๆ จะมีอาการปวดหัวได้ ซึ่งตอนนี้เจ้าของใบหน้างามเอง กำลังเป็นอยู่
~โครก คราก~ เสียงท้องร้องอย่างดังของร่างเล็ก ส่งเสียงบ่งบอกว่าเธอต้องหาอะไรกินได้แล้ว เธอลืมไปเสียสนิทเลยว่า ทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้อง
มิชรินทร์จำได้ลาง ๆ ว่าก่อนที่จะขึ้นมาในห้องสายตาของเธอมองหาห้องครัวไว้ก่อนแล้ว
“หากจำไม่ผิดน่าจะเป็นตรงนี้” ร่างบางพึมพำเบา ๆ เดินลงจากบันใด จากนั้นเดินตรงไปเล็กน้อย แล้วเลี้ยวขวา
ทันทีที่สาวเท้าเข้ามาในห้องครัว ฝีเท้าของเธอกลับชะงักเมื่อเห็นคนร่างสูงนั่งไขว่ห้าง มือหนึ่งข้างถือแก้วไวน์แกว่งไปมาอย่างเนิบนาบ จากนั้นกระดกแก้วไวน์ขึ้นจิบเพียงเล็กน้อย
คนตัวสูงมองมิชรินทร์ด้วยแววตาที่เรียบนิ่ง ไม่สะทกสะท้านใดๆ เพราะเขาคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ว่าแม่ต้องจ้างผู้หญิงคนนี้มาแน่ เพราะแม่ของเขามักจะสรรหาผู้หญิงที่คิดว่าเหมาะสมให้กับเขาอยู่บ่อยครั้ง ทว่าผู้หญิงที่แม่จ้างมานั้น กลับเห็นแก่เงินเสียมากกว่า
ในเมื่อจ้างมาแล้ว อัลเฟรดคงเอามาเป็นแค่คู่นอนเท่านั้น ไม่ได้ปักใจรักสักคน ผู้หญิงคนนี้ก็เช่นกัน คงจะเหมือนกันหมด เป็นหมอดูหลอกลวงคนอื่นไม่พอ ยังเห็นแก่เงินเพื่อมาจับเขาอยู่ที่นี่อีก ในเมื่อกล้ามา เขาก็มีวิธีที่จะทำให้เธอได้บทเรียน ว่าการหลอกที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร
ในขณะเดียวกันเจ้าของใบหน้างาม เห็นคนร่างสูงที่อยู่ตรงหน้ากลับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่คลี่ยิ้มบาง ๆ ส่งให้เขาอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะคุณอัลเฟรด” เสียงหวานของมิชรินทร์กล่าวทักทายผู้เป็นเจ้าของบ้านอย่างเกรงใจ
เจ้าของใบหน้าหล่อเหลา ได้แต่มองมิชรินทร์ด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แสดงถึงความไม่เป็นมิตรอย่างชัดเจน
นัยน์ตาสีนิลหลบสายตาอันคมกริบของอัลเฟรด พลันสายตาก็ไปเห็นข้าวอยู่บนโต๊ะสองจาน ร่างบางคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ นั่นคงเป็นแดงที่เตรียมไว้ให้เขากับเธอ
คนตัวเล็กไม่กล้าถือวิสาสะเดินเข้าไปหยิบข้าวมาทาน เพราะเกรงกลัวร่างสูงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ จึงได้เอ่ยปากเพื่อขออนุญาต
“นั่นข้าวของริน ใช่ไหมคะ” เรียวปากสีหวานเอ่ยถามอย่างกล้า ๆ เกร็ง ๆ
ในที่สุดคนที่นิ่งขรึมตรงหน้า ก็ยอมขยับปากเพื่อพูดกับเธอ
“อืม เอาไปสิ” มือหนายกจานข้าวแล้วส่งมาให้กับมิชรินทร์
“ขอบคุณค่ะ…” ริมฝีปากเล็กกล่าวขอบคุณคนตัวสูง จากนั้นยื่นมือไปรับจานข้าวจากเขา
ทันใดนั้นเอง
เผละ!!!! เสียงข้าวหล่นลงถังขยะ เนื่องจากทายาทตระกูลดังเป็นผู้เททิ้ง
คนตัวเล็กถึงกับพูดไม่ออก เขาทำแบบนี้ทำไม….
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” เสียงหวานเอ่ยอย่างเศร้าสร้อย ข้าวประทังชีวิตของเธอหล่นลงถังขยะไปเรียบร้อย
“ไปทำกินเอง ไม่มีมือมีเท้าหรือไง ถึงให้คนอื่นมาประเคนให้” เสียงเข้มของคนตัวสูงทำเอามิชรินทร์เริ่มฉุน เมื่อครู่ตอนที่เขายื่นจานข้าวมาให้เกือบคิดอยู่แล้วเชียวว่าเขาไม่ใช่คนเลวร้าย แต่ตอนนี้เริ่มรู้บ้างแล้วว่าสิ่งที่แดงสาวใช้ได้เตือนคืออะไร
แบบนี้หรือเปล่านะ คุณหญิงถึงหาผู้หญิงมาขัดเกลาลูกชายของตน เผื่อนิสัยจะได้ดีขึ้นบ้าง คนแบบนี้นอกจากหน้าตาดีแล้ว ก็ไม่มีอะไรดีเลย วันนั้นที่เธอดูเนื้อคู่ให้เขาต้องมีอะไรผิดพลาดไปแน่ ๆ เธอคงจะดู
ผิดไป แถมแวบแรกที่พบหน้าเขากลับรู้สึกดีไปแล้วด้วย
มาวันนี้คิดผิดจริง ๆ เธอคิดผิดสุด ๆ…