My sister 04 เพื่อนใหม่,My sister 05 ที่รัก

2600 คำ
“ที่รักทางนี้” อมยิ้มโบกมือเรียกเพื่อนใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัย นางสาวที่รักในชุดนักศึกษา กระโปรงทรงพลีทคลุมเข่า รองเท้าผ้าใบ หน้าสวยผิวขาวใสเรียกความสนใจจากหนุ่มได้มากมาย ทว่าว่าหญิงสาวไม่ได้สนใจใครนอกจากเพื่อนตัวเล็กที่กำลังโบกมือให้เธอ “อมมานานยัง” เดินมาหยุดตรงหน้าเพื่อนสาวแล้วฉีกยิ้มหวาน “ช่วยเอาคำว่ายิ้มตามท้ายด้วยค่ะไม่งั้นจะเรียกแกหมู” “ง่า ที่รักขอโทษ นี่ ๆ ที่รักได้ขนมปังไส้ทะลักมาฝากด้วยนะ ห้ามโกรธน้า” ยื่นกล่องขนมปังที่เพื่อนเล่าว่าเป็นร้านโปรดให้ ร้านนี้อยู่ใกล้บ้านของที่รัก เธอจึงแวะซื้อติดมือมาให้เพื่อน “ตั้งใจเอาขนมมาให้ฉันกิน เพื่อที่แกจะได้สวยกว่าฉันใช่ไหม” ปากพูดมือแกะกล่องขนมปังเพื่อหยิบมาชิม “ใช่เลย นั่นน่ะสิ่งที่ชะนีหมูต้องการ เพราะงั้นแกเอาขนมปังมาให้ฉันกินแทนชะนีอม” เสียงเพื่อนสาวประเภทสองเพื่อนวัยเด็กตั้งแต่อนุบาลของที่รัก “ลูกหมีใส่ร้ายที่รัก” “ชะนีหมูแกช่วยเรียกชื่อใหม่ของฉันได้ไหมยะ” “ก็ที่รักชินกับชื่อลูกหมีนี่ ให้เรียกมีมี่มันยังไงไม่รู้” “ยังไงไม่รู้ไม่ได้ มีมี่ ต่อไปถ้าได้ยินลูกหมีอีกฉันจะ…” จะล้อเรื่องพี่สายฟ้าก็ไม่ได้แล้วสิ จู่ ๆ เพื่อนรักก็ห้ามพูดถึงเรื่องของผู้ชายที่แอบรักมาเป็นสิบปี ถ้าพูดจะโกรธจริง ๆ เห็นสีหน้าจริงจังของเพื่อน ลูกหมีก็เลยไม่กล้าจะพูด “จะอะไร?” อมยิ้มถามเมื่อเพื่อนเงียบทำหน้าคิดไม่ออก “จะให้เลี้ยงข้าวฉันสามมื้อเลยคอยดู” “งั้นอมยิ้มขอเรียกมีมี่นะ เพราะมีมี่กินจุ อมยิ้มเลี้ยงไม่ไหว” “พูดไม่ดูตัวเอง เคี้ยวตุ้ย ๆ ในปากคือไรยะชะนีอม” ที่รักมองเพื่อนที่จิกกัดกัน เรียนมหา’ลัยมาได้สองเดือนเพื่อนทั้งสองก็ยังคงหาเรื่องมาถกเถียงกันได้ทุกวัน ใช่แล้วเหตุการณ์คืนนั้นจบลงที่ไม่มีใครพูดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น วันนั้นที่รักออกมาจากห้องน้ำก็ไม่เห็นพี่ชายอีก ไม่เจอกันมาร่วม 6 เดือนได้ ความรู้สึกดี ๆ ถูกพับเก็บใส่กล่องปิดผนึกหลายต่อหลายชั้น กำแพงถูกสร้างขึ้นสูง 19 ปีที่รู้จักกันมาที่รักพยายามลืมทุกอย่าง บอกตัวเองว่าพี่ชายคนที่หลงรักได้ตายไปแล้ว ส่วนคนที่อยู่ไม่ใช่พี่สายฟ้าของเธอ เวลานี้ใกล้แค่ไหนก็เหมือนไกล คนแปลกหน้าที่คุ้นเคย “ไปรับน้องไม่เห็นจะสนุกเลย ความจริงไม่ต้องมีก็ได้” อมยิ้มหญิงสาวผู้ไม่ชอบผู้คน ชีวิตของเธอคือการสิงอยู่ในดงนิยาย สามีมโนคือสิ่งที่สร้างความสุข “ที่รักก็ไม่ชอบ” แต่ถ้าไม่ไปรุ่นพี่ก็จะเพ่งเล็ง พ่อจัดการเคลียร์ให้ได้ ทว่าเธอไม่อยากเป็นจุดสนใจ ไม่อยากถูกพูดว่าเป็นลูกคนรวย เงินซื้อได้ทุกอย่าง “อย่าหาว่า พวกชะนีไร้ความรู้สึก ที่ไป ๆ น่ะอาหารตาทั้งน้าน หาดีกว่านี้ไม่ได้แล้วจ้า” คนที่มีความสุขกับการรับน้องนอกสถานที่วันนี้ดูเหมือนจะเป็นลูกหมีเพียงคนเดียวที่ยินดีจะลุย “อมยิ้ม” เสียงใครบางคนเรียกชื่ออมยิ้มจากทางด้านหลัง “อีพี่แม็กซ์ มาจีบเพื่อนเค้าอีกแล้วใช่ไหม” อมยิ้มหันไปทำหน้าเบื่อหน่ายที่พี่ชายข้างบ้านขยันมาขายขนมจีบให้เพื่อนใหม่ของเธอ “ฮือ พูดไปเรื่อยนะเราอะ” พี่แม็กซ์สายรหัสของที่รักสายหน้าใส่อมยิ้มแล้วหันมาพูดกับที่รัก “น้องที่รักครับ รถบัสมันไม่สะดวก น้องที่รักกับเพื่อนไปรถพวกพี่นะครับ” “ไม่เป็นไรค่ะ ที่รักไปรสบัสได้” ส่งยิ้มให้พี่สายรหัสก่อนจะเดินขึ้นรถบัสแล้วหาที่นั่งทันที อะไรก็ตามที่มองแล้วคล้ายจะเหนือกว่าคนอื่นเธอจะไม่ทำ หลีกเลี่ยงทุกทางเพื่อไม่ให้พ่อเสือมาที่มหาวิทยาลัย ด้วยแม่เคยเล่าว่าพ่อเคยสั่งให้เพื่อนในห้องเรียนของแม่กราบเท้าแม่เพราะพูดจาไม่ดีใส่ แค่นึกภาพตามที่แม่เล่าที่รักก็ขนลุกแล้ว พ่อใจดีก็จริง แต่เวลาดุขึ้นมาก็ดุเอาเรื่อง “ไปไหนอมยิ้ม” พี่แม็กซ์ถามเนื่องจากอมยิ้มกำลังหันหลังก้าวขาจะขึ้นรถบัส “ขึ้นรถไง หรือจะไม่ไปดีนะ อยากกลับบ้านแล้วสิ อีพี่แม็กซ์เค้าขอป่วยได้ไหมอะ ตัวช่วยเค้าหน่อยได้ไหม” กะพริบตาทำหน้าอ้อน ให้ไปเจอคนหมู่มากอมยิ้มทำใจไม่ได้จริง ๆ “ไม่ได้ มากับพี่เลย รถบัสเต็มแล้ว มาครับน้องมีมี่” มือข้างหนึ่งดึงกระเป๋าของอมยิ้มไปสะพาย อีกข้างจูงมือ ในขณะที่ลูกหมีดี๊ด๊าเพราะรถคันที่จะไปนั่งมีแต่ผู้ชายหุ่นแน่น ๆ ทั้งนั้น ที่นั่งเบาะสุดท้ายที่รักเป็นคนได้ เธอไม่ได้สนใจเพื่อนที่นั่งเบาะข้าง จัดแจงที่นั่งเรียบร้อยที่รักก็กดหูฟังเปิดเพลง สวมแว่นดำ สวมหมวกแล้วปรับเบาะนอน ระยะทางกว่าจะไปถึงสถานที่รับน้องใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมงเผื่อรถติด จอดแวะปั๊ม เมื่อคืนอมยิ้มเล่านิยายเรื่องโปรดให้ฟังทางโทรศัพท์จนไม่ได้หลับ ทำให้เช้านี้ที่รักเพลียมาก ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าที่รถขับเคลื่อนออกจากรั้วมหาวิทยาลัย เพื่อนที่นั่งข้างกายที่รักเปลี่ยนท่ามานั่งเอามือค้ำคางศอกค้ำต้นขาแล้วหันมองหน้าขาวใสไร้รูขุมขน กลีบปากสีชมพู นั่งมองคนหลับไม่รู้เรื่องอยู่นานกระทั่งยื่นมือไปจับที่ฝ่ามือเล็กแล้วประสานไว้ครู่หนึ่งก่อนจะยกขึ้นมาสูดดมหลังมือ My sister 05 ที่รัก กิจกรรมรับน้องถูกจัดขึ้นที่จังหวัดกาญจนบุรี สถานที่คือโรงเรียนแห่งหนึ่งในแถบชนบท ปกติแล้วการรับน้องที่หลายคนรู้จักและคุ้นเคยคือการทารุณรุ่นน้อง ทว่ามหาวิทยาลัยแห่งนี้เลือกที่จะใช้แรงงานน้องให้มีประโยชน์ด้วยการให้สร้างสะพานข้ามลำธารด้านหลังโรงเรียนให้น้องนักเรียนเพื่อที่น้อง ๆ นักเรียนจะได้ข้ามลำธารไปทำการปลูกผักสวนครัวในพื้นที่ตรงข้ามซึ่งมีดินอุดมสมบูรณ์ และนี่คือภารกิจการรับน้องปีนี้ของคณะบริหารธุรกิจ สาขาการเป็นเจ้าของธุรกิจ 3 วัน 2 คืนกับการนอนที่นี่ ที่รักเอากระเป๋าเสื้อผ้ามาเก็บหลังจากที่ได้ฟังสิ่งที่รุ่นพี่แจกแจงรายละเอียด โดยที่เธอไม่ได้รู้ตัวเลยว่าเหตุการณ์บนรถเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอบ้าง “ชานี ชานี ชะนีหมูอม” เสียงร้องดังมาแต่ไกลพร้อมท่วงท่าเดินกระโดดอย่างอารมณ์ดี “ได้นอนกับผู้ชายไงเลยอารมณ์ดี” อมยิ้มนินทาในระยะเผาขน “ปากดี” ลูกหมีจีบปากจีบคอพูด “งานละเอียดหรือเปล่าลูก… เอ้ย มีมี่” ที่รักไม่ชินกับการต้องเรียกอะไรแบบนี้เลย เธอเคยเรียกลูกหมีมาตั้งหลายปี ให้มาเรียกมีมี่ในเวลา 2 เดือนมันไม่ใช่ “มาก มีแต่ดี ๆ ทั้งนั้นค่า” “ระวังโดนข่มขืนนะมีมี่” อมยิ้มเตือนแบบแซว ๆ “ยินดีเป็นอย่างมาก อยากให้คนมาเปิดซิงที่สุด ไม่อยากเก็บความบริสุทธิ์ไว้แล้ว” เพื่อนน่ะพูดเล่น ทว่าคนมีปมใจกระตุกวูบ ประกอบกับมีสายจากที่บ้านโทรเข้ามา ลูกหมีอมยิ้มจึงไม่ทันได้สังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปของที่รัก “คุณยายโทรมาที่รักขอไปรับสายก่อนนะ” “จ้า เดินระวังนะยะ อย่าไปไกล” ลูกหมีบอกด้วยความเป็นห่วงก่อนจะเม้ามอยต่ออย่างออกรสออกชาติ ที่รักเดินหลบมายังลำธารด้านหลัง เลือกสถานที่เงียบ ๆ จะได้คุยสะดวก “ค่ะคุณยายขา” กดรับแล้วส่งเสียงสดใสให้ปลายสายได้ยิน (ไม่ต้องมาเสียงอ่อนเสียงหวานเลย นี่ถ้ายายไม่ถามแม่เรายายจะรู้ไหมว่าเราไปลำบาก ที่รักกลับมาเดี๋ยวนี้ ยายเป็นห่วง ที่หลับที่นอนเป็นยังไงบ้าง การอยู่การกินอีก ไม่ไหวยายรับไม่ได้) ใส่มายาวเหยียดอย่างกับหางว่าว แม่นะแม่หลุดปากบอกยายจนได้ “ยายขาลูกหมูอยู่ได้ ที่นี่ไม่ได้ลำบากเลยค่ะ” (จะให้ยายเชื่อได้ไง ขึ้นชื่อว่ารับน้องย่อมอันตรายทั้งนั้น นี่พ่อเราคงรักเรามากจนไม่กล้าขัดใจใช่ไหม มันน่าด่าจริง ๆ ไม่มีประสิทธิภาพตั้งแต่วัยรุ่นจนแก่) “คุณยายเอื้องดาวขาลูกหมูอยู่ได้ค่ะ ที่นี่ไม่ได้รับน้องแบบที่คุณยายได้ยินมาค่ะ เขาแค่ให้มาสร้างสะพานข้ามลำธารเพื่อให้น้อง ๆ ที่นี่ได้ข้ามไปปลูกพืชผักสวนครัวกันอย่างสะดวกค่ะ ไม่มี…” (ตากแดดตากลมเกินไปที่รัก ร่างกายเรายิ่งไม่แข็งแรงอยู่ บอกยายมาอยู่ที่ไหนยายจะไปรับเดี๋ยวนี้) ไม่ทันได้พูดจบยายเอื้องดาวก็ห่วงยิ่งกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าหลานสาวคนโตต้องไปตกระกำลำบากในถิ่นทุรกันดาร “คุณยาย คุณยายขา อะไรนะคะ ไม่ได้ยินเลยค่า สัญญาณไม่ดีแน่เลย เอาไว้กลับไปเราค่อยคุยกันนะคะ ลูกหมูรักคุณยายนะค้า” (ที่รัก! ที่รัก ฮัลโหล ที่รักได้ยินยายไหมลูก) “ฟู่” เป่าลมขึ้นหน้าหลังจากที่กดวางสายยายเอื้องดาว แสร้งทำไม่มีสัญญาณดีที่สุด ไม่อย่างนั้นยายเอื้องดาวได้มารับแน่ “เพิ่งรู้ว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณด้วย” เสียงดังมาจากด้านหลังในจังหวะที่ที่รักกำลังจะเดินกลับไปยังที่พัก ที่รักหันกลับไปมอง คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นรุ่นพี่ ทว่าไม่ได้จำว่าชื่ออะไร “แอบฟังคนอื่นคุยไม่ดีนะคะ” คนตรงหน้ายิ้มขำขัน “พี่มาอยู่ตรงนี้ก่อนอีก น้องมองไม่เห็นพี่เอง แบบนี้พี่ไม่ผิดนะ” “อ้อ งั้นต้องเป็นที่รักที่ต้องขอโทษสินะคะ ขอโทษค่ะ” ก้มหัวขอโทษไปหนึ่งครั้ง “ที่รัก?” ผู้ชายตรงหน้าทำหน้างุนงงแล้วพูดต่อ “ยังไม่ได้ตกลงให้เป็นคนของใจเลย ทำไมแทนตัวว่าที่รักแล้วล่ะ” “เปล่าค่ะ แค่ชื่อที่รัก ขอตัวนะคะ” พูดถึงเรื่องชื่อทีไรก็ทำให้หญิงสาวหงุดหงิดใจทุกคราว เวลาแทนตัวว่าที่รักกับผู้ชายคนอื่นรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย เข้าใจว่าแม่ต้องการให้เป็นที่รัก แต่จะให้เธอเป็นที่รักของคนทุกคนได้ที่ไหน เฮ้อ ไม่ชอบชื่อตัวเองที่สุดเลย “ที่รัก” คนด้านหลังตะโดนก่อนจะวิ่งมาเพื่อเดินเคียงข้าง ที่รักหันไปขมวดคิ้วใส่แล้วรีบเดินให้ห่าง “พี่ชื่อเอ็นนะครับ เรียนปี 3 ยินดีที่ได้รู้จักครับที่รัก” “ค่ะ” หญิงสาวกระแทกเสียงเพราะน้ำเสียงของเขาคล้ายว่ากำลังล้อเลียนชื่อของเธออยู่ “ไม่เอาไม่โกรธสิที่รัก พี่แค่หยอกเล่นเอง” ยืนขวางหน้าเมื่อที่รักจะก้าวเดินต่อ “หลบค่ะ” “ไม่ครับ” “เป็นรุ่นพี่ใช่ว่ามีสิทธิ์จะรังแกรุ่นน้องนะคะ” ทำหน้าง้ำงอ เริ่มจะโมโห “พี่รังแกที่ไหนกัน” “นี่ไงคะ กำลังทำอยู่” “พี่แค่ชวนคุย” “เราไม่ได้รู้จักกันขนาดที่ต้องมาชวนคุยค่ะ” “ก็นี่ไง กำลังทำความรู้จัก งอนแบบนี้ยิ่งน่ารัก มาเป็นที่รักของพี่ดีไหมครับ” “ไอ้เอ็นมีรุ่นน้องบาดเจ็บไปดูหน่อย” เสียงจากด้านหลังของรุ่นพี่ชื่อเอ็นดังขึ้น แค่ได้ยินเสียงที่รักก็เบี่ยงตัวหลบจากรุ่นพี่เอ็นแล้วเดินผ่านใครอีกคนอย่างกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน “อะไรของมึงวะไอ้ฟ้า กูกำลังจีบน้องที่รักอยู่ ขัดจังหวะเพื่อ? คนอื่นก็ดูได้ไหม” เอ็นทีหันไปโวยใส่สายฟ้าเพื่อนในกลุ่มของเขา “กูจะรู้ไหม” สายฟ้าพูดอย่างไม่ใส่ใจ เดินกลับไปยังที่พักด้วยใบหน้าเฉยชา “ไอ้เพื่อนเวร” เอ็นทีตะโกนด่าและเดินตามสายฟ้ากลับมายังที่พัก มองหารุ่นน้องที่ว่าบาดเจ็บก็ไม่เห็นสักคน บริเวณลานก็มีแค่กลุ่มรุ่นเดียวกัน “ไหนรุ่นน้องที่ว่าบาดเจ็บวะ” “บ่นไรมึงไอ้เอ็น” แม็กซ์ถามเพราะอยู่ใกล้สุดแล้วได้ยินเสียงบ่น “ก็ไอ้ฟ้ามันบอกมีรุ่นน้องบาดเจ็บ เสร่อไปเรียกกูมาดูทั้งที่กูจีบน้องที่รักอยู่” แม็กซ์หันมองสายฟ้าที่นั่งนิ่งเงียบ มองตาก็รู้ใจก็เลยตอบเอ็นที “อ้อ มึงช้าไงคนอื่นพาไปละ” “แม่ง พลาดโอกาสงาม ๆ กับน้องที่รักเลยกู” เอ็นทีหัวเสียเล็กน้อยก่อนจะเดินแยกออกไป “กูเพิ่งรู้ว่ามีรุ่นน้องบาดเจ็บ” “มึงเพิ่งรู้แล้วทำไมตอบแบบนั้น” “ไม่รู้ ปากไปเอง” “หึ” ต่อจากนั้นคือความเงียบ แม็กซ์ทำได้แค่ส่ายหัวให้เพื่อนสนิท เขาก็แค่เพื่อนจะพูดอะไรได้ ต่อมาเวลาสี่ทุ่มกว่า บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบรุ่นพี่และเพื่อนร่วมคณะเข้าที่พักกันหมดแล้ว ติดตรงที่รักที่นอนไม่หลับ เธอจึงออกมารับลมบริเวณหน้าอาคาร ลมพัดเอื่อย ๆ ใส่หน้าทำให้เย็นสบาย จะว่าเรื่องมากก็ไม่เชิง แต่ที่รักไม่เคยนอนแปลกที่ และร่างกายก็ขาดบางอย่างไป “น้องที่รัก นอนไม่หลับเหรอครับหรือว่ารอใคร” พี่สายรหัสของที่รักเอ่ยถาม เขามาอยู่ตรงนี้เมื่อไหร่ที่รักไม่ทันได้สังเกต “นอนไม่หลับค่ะ ทำไมพี่แม็กซ์มาอยู่ตรงนี้คะ” “เฝ้ายามครับ เดินตรวจเผื่อมีอะไร” “อ่อ ค่ะ” “แล้วเอาไง ทำไมเรานอนไม่หลับ” “เดี๋ยวก็น่าจะหลับค่ะ” โดยปกติเวลากลางคืนเธอต้องกินยานอนหลับถึงจะหลับได้ การกินติดต่อกันมาหลายเดือนทำให้ร่างกายเคยชิน ถ้าไม่ได้กินก็คือหลับไม่ลง พอนอนไม่หลับก็คิดถึงเรื่องคืนนั้นตลอด ทว่าการมารับน้องครั้งนี้ที่รักไม่ได้พกยานอนหลับมาด้วย เธอกลัวจะหลับลึกจนเป็นภาระเพื่อน “ที่ลานกิจกรรมมีนม ช็อกโกแลต แล้วก็กาแฟร้อน น้องที่รักสนใจไหมครับเผื่อนมจะทำให้นอนหลับ” “...” ไม่ดีแน่ถ้าเธอเดินไป จะทำให้เป็นจุดสนใจ “ถ้าไม่นอนพรุ่งนี้เช้าจะไม่มีแรงทำกิจกรรม รุ่นพี่คนอื่นจะหาเรื่องแกล้งเอานะ” “ถ้าเดินไปกับพี่แม็กซ์ ที่รักจะไม่โดนมองไม่ดีใช่ไหมคะ” “ใครจะกล้าว่าน้องครับ อีกอย่างที่ลานไม่มีคนเท่าไหร่แล้ว ทางสะดวก” “ค่ะ” ตัดสินใจได้เธอก็เดินตามพี่สายรหัสไป ครั้นจะใช้ให้พี่แม็กซ์ชงแล้วถือมาให้มันก็ยังไงอยู่ เกรงใจเขา เดี๋ยวจะถูกต่อว่าว่าเรื่องมาก ลูกคุณหนูอีก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม