-หลายวันต่อมา-
ติ๊ด!
ฉันกดรับสายเบอร์ที่ช่วงนี้โทรมาบ่อยยิ่งกว่าเคอร์รี่ซะอีก
(อยู่ไหนครับ)
“ห้องเพื่อนค่ะ”
(กลับตอนไหน)
“มีอะไรคะ”
(พี่ว่าจะชวนเราไปกินข้าว ว่างรึเปล่า)
“ก็...ถ้ารอจนถึงสองทุ่มได้ก็น่าจะว่างค่ะ” ก็ไม่ได้อยากไปกินข้าวด้วยอะไรหรอกนะก็แค่เห็นเขาอุตส่าห์ชวนเลยไม่อยากให้เขาเสียความตั้งใจก็แค่นั้นเอง ถึงแม้ว่าเขาจะชวนไปกินข้าวเย็นด้วยกันทุกวันตั้งแต่วันที่เขาเอ่ยปากว่า จะจีบเมียตัวเอง เลยก็ตาม -///-
(ให้พี่ไปรับที่ห้องเพื่อนไหม)
“ไม่เป็นไรค่ะ เจอกันหน้าคอนโดญ่าเหมือนเดิมดีกว่า”
(โอเค)
“ค่ะ”
(แล้วเจอกันนะครับ คุณเมีย)
“บ้า!”
(หึ ๆๆ)
ติ๊ด!
“คุยกับใคร งุ้งงิ้ง ๆ”
“ฮะ? อ๋อ คุยกับพี่เวล” ฉันบอกเพื่อนรักอย่างขมิ้นเพราะว่ายังไม่ได้บอกเรื่องพี่ฟีนิกซ์ให้เพื่อนหรือใครรู้ ก็ยังไม่มั่นใจนี่คะเลยไม่กล้าบอก เอาไว้ชัวร์เมื่อไหร่เดี๋ยวจะเปิดตัวให้อลังกาลไปเลย แต่ก็คงไม่นานหรอกในเมื่อเขางานดีซะขนาดนั้น >//////-เวลาต่อมา-
ก๊อก ๆๆ
ขวับ!
ฉันกำลังแต่งตัวแล้วก็รอให้พี่ฟีนิกซ์โทรมาจะได้ลงไปข้างล่างตามนัดแต่เสียงเคาะประตูก็ทำให้มาสคาร่าแทบจะเลอะเปลือกตา
ใครกันที่มาเคาะห้องฉัน?
อย่าบอกนะว่า...
ไม่ใช่หรอก ปกติมารับทุกวันก็รอข้างล่าง น่าจะเป็นนิติบุคคลรึเปล่า นิติมีอะไรจะติดต่อมั้งคะสงสัยใช่ล่ะ แต่ว่า...ทุ่มสี่สิบห้าแล้วนะเขาทำโอทีเหรอ
ไม่ใช่แล้วญ่า รีบเลย อีตาเพื่อนรักของพี่ชายแกแน่นอน
ฉันรีบปัดมาสคาร่าเช็คหน้าตาให้ดูซวย เอ๊ย! สวยที่สุดแล้วก็ตรงดิ่งไปที่ประตูห้องทันที เซ้นส์มันบอกว่าต้องใช่เขาแน่นอนแล้วก็...ใช่จริง ๆ ด้วย!
ฉันส่องตาแมวเห็นคนหล่ออย่างพี่ฟีนิกซ์มาในลุคที่...ดูดีมาก เหมือนทุกวันนั่นล่ะค่ะ เหมือนทุกวันไม่ใช่ลุคนะคะแต่หมายถึงดูดีมากเหมือนทุกวันส่วนลุคของเขาก็เปลี่ยนไปเลยนะวันนี้ พี่ฟีนิกซ์มาในลุคสบาย ๆ ผมไม่ได้เซ็ตปล่อยมันสบาย ๆ ดูเกาหลีหน่อย ๆ แต่ความแบดบอยไม่ได้จางหาย เขาใส่เสื้อยืดกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะยี่ห้อหรูพร้อมกับมือที่ถือถุง...กับข้าว
อย่าบอกนะว่า...
ก๊อก ๆๆ
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นอีกครั้งทำให้ฉันต้องเปิดประตูให้เขาทั้งที่ยังอยากคิดอะไรคนเดียวต่อ เปิดออกไปเจอคุณชายที่อยู่ในชุดสบาย ๆ ไม่ต่างจากชุดอยู่บ้านส่วนฉันก็อยู่ในสภาพ...ชุดเดรสสายเดี่ยวสีครีมอมทองกับเครื่องประดับจัดเต็มพร้อมสำหรับการไปดินเนอร์บนดาดฟ้าของโรงแรมหรูระดับแปดดาว
“...สวยจัง” พี่เขามองฉันที่เปิดประตูให้ มองแล้วเงียบไปพักหนึ่ง มองหัวจรดเท้าแล้วก็เอ่ยคำชมที่ทำให้ฉันทำหน้าไม่ถูก เขาไม่ได้ประชดหรอกดูจากสายตาที่เหมือนจะกลืนกินฉันก็รู้ แต่ฉันพักเรื่องนี้ไว้ก่อนเพราะกำลังเซ็งเรื่องอื่นอยู่
“นี่คืออะไรคะ?” ฉันมองไปที่ถุงในมือเขาที่เยอะแยะเต็มไปหมดแล้วก็ถามทันที
“ถุงกับข้าวไง” พี่ฟีนิกซ์ชูมันขึ้นมาแล้วตอบด้วยรอยยิ้ม
“ไหนบอกไปกินข้าวไง”
“เปลี่ยนใจ ออกไปข้างนอกทุกวันพี่เบื่อแล้วเลยอยากชวนเรานั่งกินข้าวดูหนังที่ห้องมากกว่า หลบก่อนครับ” พี่เขาพูดจบก็แทรกตัวเข้ามาในขณะที่ฉันกำลังเซ็งเพราะเสียเวลาแต่งตัวมาก มากซะจนฉันลืมสนใจเรื่องที่เขาขึ้นห้องฉันไปเลย แล้วก็เหมือนแขกจะรู้ถึงไปหันมามอง
“เป็นอะไร”
“แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้ญ่าแต่งตัวซะเวอร์” อันนี้งอนจริง ๆ นะคะ ดูเขาสิ แล้วดูฉันสิ
“หึ ๆๆ ไม่เห็นจะเวอร์ สวยดีพี่ชอบนะ”
“แต่มันก็ไม่ใช่ชุดที่จะใส่กินข้าวในห้องรึเปล่า”
“ถ้างั้นก็ถอดสิ พี่ช่วย” เขาพูดจบก็ทำท่าทางขยับเข้ามาหาทำเอาฉันเอนตัวไปด้านหลังแทบไม่ทัน
“บ้า!”
“หึ ๆๆ ไม่เป็นไรหรอกน่า ตู้เสื้อผ้าก็อยู่แค่ตรงนี้เองไปเปลี่ยนก็ได้ แต่ไม่เปลี่ยนก็ได้นะ...เซ็กซี่ดี”
“...” จะชมว่าเซ็กซี่ดีแล้วทำสายตาพร่าเหมือนคนมีอารมณ์แบบนี้ไม่ได้นะอีตาบ้า!
“ตกลงเปลี่ยนไหม”
“เปลี่ยนค่ะ เดี๋ยวไปเปลี่ยนตอนนี้เลย” ฉันตอบออกไปเขาก็ทำหน้าเสียดายออกมาให้เห็น
“อ่าส์~ ถ้างั้นใส่ชุดอยู่บ้านที่มันเซ็กซี่ ๆ หน่อยนะ”
“ทะลึ่ง!”
“หึ ๆๆ ล้อเล่นครับ ไปเปลี่ยนชุดเถอะพี่จะจัดจานให้เอง”
“ทำได้เหรอคะ”
“ทำได้ทุกอย่างอยู่ที่อยากทำรึเปล่า แล้วที่สำคัญ...อยู่ที่ทำให้ใคร”
“...” โดนตกจนได้ -///-
ฟอด~
“อื้อ!”
เขาอาศัยจังหวะที่ฉันโดนเขาตกขยับมาหอมที่แก้ม หอมแรงมากด้วย ฉันที่โดนหอมก็รีบขยับหนีแล้วเอามือปิดแก้มตัวเองเอาไว้ทันทีเพราะกลัวเขาจะหอมอีก
“หวง?”
“ก็ต้องหวงสิพี่ฟีนิกซ์! ไปเลย! ญ่าจะไปเปลี่ยนชุดแล้ว”
“หึ ๆๆ โอเคครับ” เขาพูดจบฉันก็ก้มหน้างุดหลบสายตาเจ้าเล่ห์ของเขาแล้วปิดประตูห้องก่อนจะรีบเดินไปทางห้องนอนทันที
“วีญ่า” กำลังจะปิดประตูห้องนอนอีตาพี่ฟีนิกซ์ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมถุงกับข้าวในมือก็เรียกฉันซะก่อน
“คะ”
“รอนะ”
“ค่ะ ไม่นานหรอกค่ะ”
“เปล่า พี่ไม่ได้หมายถึงรอเราเปลี่ยนเสื้อผ้า พี่หมายถึง...รอให้เราตกลงคบกับพี่ต่างหาก”
“...” นี่เขาไม่คิดจะให้ฉันหยุดเขินบ้างรึไง แค่โดนขโมยหอมแก้มเมื่อกี้ก็เขินมากแล้วนะ พี่ฟีนิกซ์ไม่อ่อนโยนกับใจบาง ๆ ของฉันเลย
“พี่รออยู่นะครับ” เสียงอบอุ่นละมุนมาก สายตาก็เช่นกัน สายตาไม่หื่นเลย สายตามีแต่ความละมุนเต็มไปหมดทำเอาฉันแทบจะตกลงเซย์เยสตอนนี้ไปแล้วแต่ดีนะที่ดึงสติตัวเองได้ทัน
“...ขอดูพฤติกรรมก่อนค่ะ”
“หึ ๆๆ พี่เป็นเด็กดีของเราแน่นอน”
“...” ฉันไม่คิดมาก่อนว่าเพื่อนสนิทของพี่ชายที่ดูแบดบอยในสายตาฉันมาตลอดจะเป็นคนขี้อ้อนได้มากขนาดนี้
“ทำไมเงียบ ไม่เชื่อพี่เหรอ” พี่ฟีนิกซ์ถามแล้วก็เดินมาทางนี้ เขาวางถุงกับข้าวในมือแล้วก็เดินตรงมาหาทุกการก้าวเดินและการกระทำของเขาเชื่อไหมคะว่าเขาไม่ละสายตาจากฉันเลยทำให้ฉันปิดประตูห้องไม่ลงเหมือนคนที่ถูกสะกดเอาไว้ไม่มีผิด
เขาเดินมาหยุดตรงหน้าห้องนอนแต่ไม่ได้เดินเข้ามานะคะ แค่หยุดตรงประตูแล้วยืนเอาไหล่พิงประตูพร้อมกับหัวของเขาที่เอนลงไปพิงเช่นกัน ท่าทางของเขาเลยยิ่งดูอ้อนมากไปกันใหญ่
“ว่าไง ไม่เชื่อพี่เหรอวีญ่า”
“...ปกติอ้อนทุกคนแบบนี้รึเปล่าคะ”
“ไม่ ไม่เคย...เราเป็นคนแรก” เขาตอบออกมาในทันทีด้วยน้ำเสียงหนักแน่นทำให้ใจฉันไขว้เขวไปหาเขามาก ๆ
“ไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะ” ไม่อยากจะเชื่อแต่ลึก ๆ ในใจขอสารภาพเลยว่าเชื่อคำพูดหวาน ๆ ของเขาไปแล้วจริง ๆ นะ โบราณเขาบอกเอาไว้ว่าไม่ให้เชื่อคำหวานของผู้ชายง่าย ๆ แต่ถ้าได้เจอกับตัวเชื่อเถอะค่ะว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะไม่เชื่อ -///-
“พี่รู้ แต่พี่ไม่เคยอ้อนใครแบบนี้จริง ๆ ไม่รู้จะอ้อนทำไมเพราะพี่ไม่ได้อยากได้ผู้หญิงคนอื่นมาเป็นแฟน”
“...” ตายค่ะ ตายไปแล้ว ทำอะไรไม่ถูกพูดอะไรไม่ออกแล้ว
เขามองมาที่ฉันส่งสายตาอ่อนโยนแล้วก็เอื้อมมือมาลูบแก้มฉันแผ่วเบาโดยที่ไม่มีท่าทีคุกคามอย่างอื่นให้ฉันกลัว มีแต่ความอ่อนโยนให้ใจโอนอ่อนไปหาเขาเท่านั้น
“วีญ่า”
“...คะ”
“พี่รู้ว่ามันเร็วไปแต่เรื่องของเรามันเร็วมากตั้งแต่คืนนั้นแล้ว เราคบกับพี่ได้ไหม...พี่อยากมีเราอยู่ในชีวิตมากนะ คบกับพี่แล้วพี่สัญญาว่าพี่จะทำให้เรามีความสุขที่สุดเท่าที่พี่จะทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งได้”