แม้จะมีที่ซุกหัวนอน ใช่ว่าจะมีความสุข
เด็กสาวผิวขาวผุดผ่องราวกับหยวกกล้วย ปากจิ้มลิ้มสอดรับกับรูปหน้าเรียว ตื่นตั้งแต่ตีห้าเพื่อลุกขึ้นมาทำความสะอาดบ้านทุกอย่างก่อนจะไปโรงเรียนเป็นกิจวัตรประจำที่ต้องทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
เด็กสาวมีนามว่า “ม่านมุก” เกิดมาในครอบครัวที่มองเธอราวกับเศษขยะชิ้นหนึ่ง มารดาเสียไปตั้งแต่อายุได้ห้าขวบพร้อมด้วยน้องสาววัย 2 ขวบ ทำให้ม่านมุกเป็นเด็กกำพร้า และขาดแคลนความรักจากมารดา ถึงแม้ว่าจะมีบิดาที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่ทว่าความรักของบิดานั่นส่งมาถึงม่านมุกช่างน้อยนิดเหลือเกิน ท่านปล่อยให้ม่านมุกอยู่กับผู้เป็นย่าที่เกลียดชังหลานสาวคนนี้ยิ่งกว่าอะไร ด้วยสาเหตุเพราะท่านชิงชัง มารดาของม่านมุกที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้า คิดว่าจะมาเกาะลูกชายตนเองกิน เมื่อลูกสะใภ้เสียชีวิต แทนที่ความเกลียดชังที่มีจะสลายหมดไปพร้อมกับร่างอันไร้วิญญาณของอีกฝ่าย ในทางตรงกันข้าม ท่านเอาความเกลียดชังเหล่านั่นมาลงที่หลานสาวแทน ม่านมุกที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ต้องมาเป็นที่รองมือรองเท้า รองรับอารมณ์จากผู้เป็นย่าทุกวี่ทุกวัน
ชีวิตวัยเด็กของม่านทุก แทนที่จะได้วิ่งเล่นสนุกสนานกับเพื่องพ้อง เธอถูกกำจัดบริเวณให้อยู่แต่บ้านเพื่อรอให้ย่าเรียกใช้งาน หากขัดคำสั่งทำให้ย่าไม่พอใจก็จะโดนทุบตี ด่าทอ จากท่านทุกครั้ง บางครั้งอยู่เฉยๆ ก็โดนด่าอย่างไร้สาเหตุ แม้กระทั่งออกไปเล่นกับเพื่อนแถวบ้าน หากย่ารู้หรือเห็นมักจะทุบตีทำร้ายร่างกายทุกหน ทำให้ม่านมุกมีอาการหวาดหลัวอยู่เสมอ ยามที่คุณย่าเสียงดังหรืออยู่ใกล้
อย่างในครั้งนี้ที่ม่านมุกออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อนข้างบ้าน
“เผียะ!!! เผียะ!!! เผียะ!!!”
ไม้แขวนเสื้อกระทบลงผิวของม่านมุกครั้งแล้วครั้ง จนเป็นรอยริ้วแดงปรากฏตามเนื้อตัว เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้อไม่อาจทำให้ผู้เป็นย่าหยุดการกระทำอันไร้ความปรานีลงได้ ทว่ากลับเพิ่มน้ำหนักแรงมากกว่าเดิม
“ใครใช้ให้มึงออกจากบ้านไปเล่น กูบอกแล้วไงว่าให้อยู่บ้าน ไม่ให้ออกไปไหน!”เสียงตวาดดังลั่นด้วยความไม่พอใจของคนเป็นย่าพลางฟาดไม้แขวนเสื้อลงบนตัวหลานสาวอย่างไม่อ้อมแรงด้วยความโมโหเมื่ออีกฝ่ายขัดคำสั่งของหล่อน
“ฮืออ... หนูเจ็บอย่าดีหนูเลย... หนูจะไม่ทำอีกแล้ว”
เสียงกรีดร้องลั่นของม่านมุกร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวดเมื่อโดนคนเป็นย่าตีอย่างหนัก ไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยถูกใจย่าเลยสักครั้ง เพียงแค่ออกไปเล่นสนุกสนานกับเพื่อนข้างบ้าน เมื่อท่านรู้ก็เรียกกลับมาทุบตีเป็นประจำ แม้ว่าจะไม่ได้อะไรผิดก็ตาม
“มึงน่าจะตายตามแม่ของมึงไป เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”
เป็นอีกครั้งที่ต้องมาทนกับคำพูดทำร้ายจิตใจของย่า โดยไม่สนเลยว่าม่านมุกนั่นจะรู้สึกอย่างไร เพียงขอแค่ให้ตนเองได้พูดเพื่อความสะใจ ม่านมุกโดนทารุณทางด้านร่างกายและจิตใจของผู้เป็นย่าเป็นประจำ จนทำให้สุขภาพจิตของเด็กสาวย่ำแย่แทบไม่มีชีวิตชีวา ตามเนื้อพกช้ำเขียวไปหมด รอยยิ้มสดใสที่ควรจะมีตามวัย กลับแทนที่ด้วยใบหน้าอมทุกข์
ส่วนบิดาของม่านมุกก็ทำแต่งาน ไม่ค่อยจะสนใจลูกสาวคนนี้สักเท่าไร ม่านมุกมีพี่ชายหนึ่งคน แต่.... เป็นพี่ชายต่างแม่ ซึ่งมีชีวิตที่ต่างจากม่านมุกราวกับฟ้ากับเหว เป็นหลานชายคนโปรดของย่า นอนตื่นสายก็ไม่เคยโดนดุด่า ได้วิ่งเล่นกับเพื่อน มีของเล่นที่อยากได้ ส่วนม่านมุก.... ไม่เคยได้อะไรเลยจากผู้เป็นย่า แม้ว่าคนอื่นจะให้ ก็โดนย่าเอาไปทิ้งและยังด่าคนที่ซื้อมาให้อีก ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เป็นความสุขของม่านมุก ย่าจะคอยขัดขว้างอยู่ตลอด
ราวกับว่าไม่อยากให้ม่านมุกมีความสุข ยิ่งเห็นหลานสาวทุกข์มากเท่าไร คนเป็นย่าคงยิ่งมีความสุข
แม้คนเป็นย่าจะชิงชังหลานสาวในไส้อย่างม่านมุกจนแทบไม่อยากเห็นหน้าตา ทว่าคนเป็นปู่กลับเป็นคนเดียวที่กางแขนปกป้องหลานสาวจากการกระทำอันไร้ความปรานีจากภรรยา
อย่างในครั้งนี้ เมื่อม่านมุกทำหน้าที่ของตนเองเสร็จเรียบร้อยและยังเป็นวันเสาร์ ซึ่งในโทรทัศน์กำลังฉายการ์ตูนช่องดัง ม่านมุกในวัยที่อยากรู้อยากเห็น อยากดูว่าการ์ตูนเรื่องที่เปิดฉายอยู่เป็นยังไง ทำไมเพื่อนในโรงเรียนถึงชื่นชอบกัน เธอจึงรีบอาบน้ำและเดินเข้ามานั่งดูในบ้าน ทว่าเพียงไม่นานย่าที่กลับมาจากจ่ายตลาดเห็นเข้า จึงหยิบก้านมะยม แล้วปรี่ตรงเข้ามาหาม่านมุกด้วยความไม่พอใจ ที่ม่านมุกขัดคำสั่งมานั่งดูการ์ตูน มือเรียวลากลำแขนเล็กที่พยายามขัดขืนไม่ยอมไป ทว่าด้วยแรงอันน้อยนิดก็ไม่สามารถสู้แรงของผู้ใหญ่ได้
ก้านมะยมถูกฟาดลงบนน่องทั้งสองข้าง เสียงกรีดร้องดังลั่นทว่าทุกคนก็เฉยชาไม่สนใจไยดี ปล่อยให้ม่านมุกถูกย่าตีซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างไร้เหตุผล
"ฮือๆๆๆ เจ็บ! ไม่เอาแล้ว ฮือๆๆ ไม่ดูอีกแล้ว เจ็บ เจ็บ"
"บอกไม่รู้จะจำ กูบอกแล้วไงว่าไม่ให้มึงกูการ์ตูน มึงดูทำไมหะ!!"
แม้พยายามดิ้นขัดขืนสุดกำลังทว่าเรี่ยวแรงอันน้อยนิดก็ไม่สามารถสู้แรงผู้ใหญ่ได้ ย่ายังคงหวดก้านมะยมใส่ตามตัวม่านมุกไม่ยั้ง ไม่มีการอ้อมแรงเลยสักนิด
"พอได้แล้ว!! มึงจะตีหลานให้ตายเลยหรือไง! หลานมันทำอะไรผิด!"
"มันเสือกไปดูการ์ตูน กูบอกหลายรอบแล้วว่าไม่ให้ดู! ยังเสือกไปดูอีก"
"ฮือๆๆๆ"
"มึงบ้าหรือไง!! แค่หลานดูการ์ตูนก็ผิด มันยังเด็กอยู่ มันรู้เรื่องที่ไหน มึงน่ะแก่ซะเปล่า ไม่มีหัวสมองคิด จงเกลียดจงชังหลานในไส้ตัวเอง มันไม่ได้ทำอะไรผิด มึงก็ไปตี มึงยังสติดีอยู่หรือเปล่า"
"มึงด่ากูเพราะอีเด็กเปรตเนี่ยเหรอ...."
"ใช่! กูด่ามึง อายุก็ไม่น้อยๆ แยกแยะอะไรไม่ได้เลยหรือไง คนอื่นยังดูได้ แล้วทำไมมุกถึงดูไม่ได้ แล้วเรียกหลานกูดีๆ ด้วย"
"กูก็เกลียดมัน ไม่อยากให้มันดู"ย่ามองม่านมุกด้วยสายตารังเกียจอย่างชัดเจน
"หลานทำอะไรให้ มึงถึงได้เกลียด"คนเป็นปู่มองหน้าภรรยาอย่างเอือมระอา
"ก็กูเกลียดแม่มัน มันเป็นลูกของนังผู้หญิงกลางคืน สันดานก็ไม่ต่างจากแม่มันหรอก"
"พูดให้ดีๆ หน่อย แม่ของมุกเป็นแค่เด็กเสิร์ฟ ถ้าเป็นผู้หญิงไม่ดีจริงๆ ลูกชายมึงก็คงไม่เอาทำเมียหรอกนะ อีกอย่างก่อนจะด่าว่าคนอื่นไม่ดีอย่างนู่นอย่างนี้ ถ้าลูกชายมึงดีจริง ก็คงไม่เที่ยวกลางคืนจนได้แม่ของมุกมาเป็นเมียหรอก "
"มึง!! ปกป้องกันเข้าไป กูจะคอยดูว่าจะปกป้องมันได้สักกี่น้ำ เห็นแล้วรำคาญตา น่าตายๆ ไปพร้อมกับแม่มันจริงๆ อยู่ไปก็เปลือกข้าวสุก"
ย่าใช้นิ้วเรียวจิ้มลงบนหน้าผากของม่านมุกแล้วผลักอย่างแรงจากนั้นก็เดินออกไปอย่างไม่พอใจเมื่อสามีของหล่อนเข้ามาขัดเสียก่อน ถ้าขืนยืนด่ากันอยู่แบบนี้คงไม่จบไม่สิ้น เผลอๆ นางได้โมโหหนักกว่าเดิมอีก
คนเป็นปู่มองหลานสาวในอ้อมกอดด้วยความสงสาร เขาช่วยม่านมุกได้เป็นบ้างครั้ง ทว่าไม่รู้ทำไม... ภรรยาของเขาถึงได้จงเกลียดจงชังม่านมุกขนาดนี้ เขารู้ว่าภรรยาเกลียดแม่ของม่านมุกมาก ทั้งที่ลูกสะใภ้ก็ได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่กระนั่น.... ความเกลียดชังในตัวลูกสะใภ้ของภรรยาเขาไม่ได้หายไปพร้อมกับร่างอันไร้วิญญาณของอีกฝ่าย ในทางกลับกันดันเอาความเกลียดชังทั้งหมดมาลงยังม่านมุกลูกสาวที่ยังมีชีวิตอยู่อย่างไร้เหตุผล
เขาผิดเองที่ไม่ยอมให้ตายายของม่านมุกพาไปอยู่ด้วย คิดว่าตนเองสามารถดูแลได้ดีกว่า ทว่า.. เขานั้นคิดผิด
"เดี๋ยวปู่เอายาทาให้นะ วันหลังถ้าจะดู ก็แอบดูแล้วกัน ถ้าย่ามาก็รีบลุกออกไปทันที ปู่ไม่สามารถปกป้องเราได้ตลอดเวลาหรอกนะ เข้าใจมั้ย"
"เข้าใจค่ะ"ม่านมุกพยักหน้าพลางปาดน้ำตาที่ไหลออกมา จากนั้นก็เดินตามปู่เพื่อนัยน์ตาเทาหม่นจ้องมองหลานสาวด้วยความสงสาร เขาไม่รู้จะช่วยหลานสาวคนนี้ยังไงดี ให้รอดพ้นจากการโดนภรรยาของเขาทุบตีแบบนี้ หลานสาวของเขาเป็นคนน่าสงสาร เสียแม่และน้องสาวไปตั้งแต่ยังเด็ก ส่วนพ่อก็ทำแต่งานไม่ค่อยมีเวลามาดูแลลูกสาวคนนี้สักเท่าไร ปล่อยให้ภรรยาของเขาเลี้ยงดูแบบทิ้งๆ ขว้างๆ แบบที่รองมือรองตีนแบบนี้มาโดยตลอดทั้งแต่ลูกสะใภ้ของเขาเสียไป
เขาอยากจะเข้าไปช่วยปกป้องทุกครั้ง แต่อาจจะทำไม่ได้ตลอดเวลา เขามีงานต้องทำออกทำงานแต่เช้าทำให้บ้างครั้งก็ไม่สามารถช่วยหลานสาวได้ ทุกวันม่านมุกจะต้องโดนดุด่า ทุบตี ราวกับเป็นกิจวัตรประจำวัน ต่อให้ทำดีแค่ไหน เป็นเด็กดีก็ยังเป็นคนผิดและขัดหูขัดตาต่อภรรยาเขาทุกครั้ง คงเป็นเวรกรรมของหลานสาวเขาคนนี้ที่ต้องมาพบเจอกับความเจ็บช้ำและความเกลียดชังของคนเป็นย่าที่ตนเองรักและเคารพมากที่สุดเมื่อไรสวรรค์จะเมตตาหลานสาวของเขาบ้างนะ