“อื้อ...ท่านพี่ค่อยๆ นะ...” ซูเหยายามนี้แม้จักกลัวเขา แต่ทว่าก็ไม่อาจจะทนต่ออารมณ์สวาทต่อไปได้แล้ว นางต้องการเขา
นางอ้าขาให้กว้างขึ้นเพื่อรอรับลำกายแกร่ง ที่ใหญ่จนนางเองก็ตกใจ ครั้งแรกด้วยความมัวเมาไม่ทันได้ใส่ใจ ขึ้นขย่มสุดชีวิต ไม่แปลกที่ตัวเองหลับไปขนาดนั้น
ยามนี้ได้เห็นตัวตนลำกายแกร่งของเขาได้ชัดเจน ก็กลืนน้ำลายเหนียวอย่างยากเย็นทีเดียว
“ได้...ข้าจักพยายาม” จอมมารที่รับปากนางไป ไม่รู้ว่าเมื่อเสียบเข้าไปแล้วจักค่อยๆ ทำได้หรือไม่
เขาจับปลายหัวรูดลง จ่อเข้าที่ช่องทางรักสีแดงเรื่อ น้ำใสเหนียวไหลออกมา นิ้วโป้ข้างหนึ่งกดลงตรงเม็ดเสียวของนางอย่างคลึงเคล้าให้ความอยากของนางเพิ่มขึ้น
ซูเหยาผวาสองมือจับลำตัวเขาไว้ พยายามแบะขาอ้าให้กว้างที่สุด เท่าที่จะทำได้นางกัดริมฝีปากล่างเพื่อระบายความเสียวซ่านภายใน สายตากลมโตของนางจับจ้องมายังลำกาย และลุ้นทุกขณะที่ลำกายเขาแกร่งกำลังจะเสียบเข้าร่องรักของนาง
“ซี๊ด...อ่าห์...ซูเหยา เจ้าจ้องเพียงนี้เชียวหรือ” เมื่อจอมมารจับมันจ่อไว้แล้ว เงยหน้าสบตานาง แต่สายตานางมิได้มองหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย จับจ้องที่ลำกายแกร่งของเขา
“ข้า...ข้าตื่นเต้น” ซูเหยาเงยหน้าสบตาเขา
“มาเถิดข้าจะทำให้เจ้าหายตื่นเต้น” จอมมารปักเข้าร่องแล้ว สองมือก็รวบตัวนางเข้าหาลำกายแกร่ง ให้มันเสียบลึกลงไป ริมฝีปากนุ่มก็ฉกจูบนางให้คล้ายตาม จะได้ไม่เกร็งเวลาเขาเสียบเข้าไป
ซูเหยาเคลิบเคล้มไปกับนาง จนเมื่อสองมือใหญ่ดึงร่างนางเข้าหาแรงๆ
สวบ !! สวบ !!
แรงกดร่างของเข้ามาหาร่องรักของนางอย่างรุนแรง ร่างแน่งน้อยตื่นตะลึงตามโตมองเขา แต่ทว่าไม่สามารถเอ่ยคำใดออกมาได้ เพราะว่าเขาครองครองริมฝีปากน้อยๆ ของนาง
สองมือน้อยรัวตีเขาให้ผ่อนแรงลงหน่อย แต่ทว่าก็ไร้ผล เขายังคงเคลื่อนกายเข้าออก แม้ว่าจะช้าเนิบนาบ แต่ทว่าร่องรักของนางราวกับไม่เคยผ่านเรื่องบนเตียงมาเลย หรือครั้งก่อนไม่ได้นับ เพราะนางเพิ่งแปรสภาพเป็นอมตะโดยสมบูรณ์ นั่นทำให้นางเหมือนเข้าหอครั้งแรก ถึงสองครั้ง
จากที่ประท้วงเขาในตอนแรก ยามเมื่อเขากระแทกกดเอวสอบเข้ามาแบบไม่หยุดหย่อน จนทำให้ร่างกายนางปรับสภาพเข้ากับลำกายแกร่งเรียบร้อยแล้ว
“โอ๊ย...อื้อ...อ่าห์...ข้าเสียวยิ่งนัก” เสียงครวญครางแรกที่จอมมารปล่อยริมฝีปากนางให้เป็นอิสระ
“อ่าห์...เจ้าน่าเอาเหลือเกิน ข้าจักอดใจไม่ไหวแล้ว...” จอมมาแทบคลั่ง ทุกครั้งที่ลำกายเสียดเข้าไปในช่องรักของนาง
ตับ ตับ ตับ !!!
ปั๊ก ปั๊ก ปั๊ก !!!
เสียงเนื้อกระทบกันจนเกิดเสียง เขาประครองนางให้เอนกึ่งนั่ง กึ่งนอน แล้วคุกเข่าโยกเอวเข้าหาไม่ยั้ง จนดอกไม้งามของนางเริ่มบวมแดงเล็กน้อย
ซูเหยาจิกมือเข้ากับลำกายของเขา จากตอนนี้ไม่กล้าทำแรง แต่ทว่ายามนี้ความเสียวทำให้นางเกินจนอดกลั้นได้ต่อไป
นางเงยหน้ากรีดร้องไปด้านบน ด้วยความเสียว ทุกครั้งที่ลำกายเคลื่อนเข้าออกเร็วและแรง
หยวนกงเหวียนกระแทกเข้าไม่หยุด เขากระแทกจนรู้สึกเมามัน ยิ่งเด้าที่ยิ่งมัน ยิ่งมันยิ่งอยาก ยามนี้ต่อให้ตายคาอก เขาก็ไม่มีทางยอมแพ้เสียแล้ว
ซูเหยาที่โดนเขากระทำรักจนนางเริ่มเมื่อยขบ ทั้งยกขาพาดบ่าเขา จับให้ขาชิดกัน แล้วกระแทกเข้ามา
ทั้งอ้าขา ทั้งด้านหลัง ด้านข้าง จอมมารที่เด้าอยู่ท่าเดียวก็ไม่มีทีท่าจะเมื่อยเอวแต่ประการใด
“อื้อ...เอาเจ้ามันยิ่งนัก...อื้อ...ข้าอยาก”
“เบาๆ ก่อนท่านเพิ่งหาย” นางเตือนเขา แม้ว่าตัวเองก็ยังไม่อยากหยุดเช่นกัน
“ยัง...ยังไม่พอ...ข้าจะเอาอีก” จอมมารที่อยากทำรักกับนาง มีหรือแค่นี้จะเพียงพอ ต้องฝากรักไว้ให้นางเยอะๆ จะได้มีลูกกับนางเร็วๆ
“เจ้าค่ะ ...เอาอีกเยอะๆ เลย” ในเมื่อห้ามไม่ได้ก็ยุส่งเลยแล้วกัน อย่างไรเสียนางก็รับได้แล้ว เรี่ยวแรงและกำลังวังชา ต่อให้เขารักทั้งวันทั้งคืนพิภพมาร นางก็รับไหว แล้วดูเหมือนอารมณ์ราคะของนางจะหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ นางอยากในตัวเขาแทบไม่อยากห่าง
“เจ้าเด็ดยิ่งนัก...แบบนี้ข้าไปไหนไม่รอดเสียแล้ว ซูเหยา” ได้ฟังคำตอบที่นางบอกเอาเยอะๆ มีหรือจอมมารเช่นเขาจะไม่ทำตามใจนาง
ไม่ว่าตรงไหนที่ใด ในตำหนักแห่งนี้ เขาล้วนเอากับนางทุกที เอาลืมวันลืมคืน นางก็ไม่มีทีท่าจะหมดแรงใดๆ นั่นเขายิ่งชอบ
ซื่อจื่อได้ยินเสียงครวญครางหวานหู ก็สบายใจได้ เขาไปดูแลรอบตำหนักเพื่อไม่อยากเป็นก้างขวางความสุขของทั้งคู่ ราชามารของเขามีแรงผลิตทายาท นั่นแสดงว่าร่างกายกลับแล้ว ไม่ต้องเป็นห่วง
กว่าที่หยวนกงเหวียนจะปล่อยนางให้เป็นอิสระ ก็กินเวลาไปสองวันสองคืน
สองร่างหอบหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน คราวนี้นางหมดแรงแล้วจริงๆ
“ข้าไม่ไหวแล้วท่านพี่” ซูเหยายกมือดันห้ามเขา
จอมมารแม้ว่าร่างกายจะเหนื่อยอ่อน แต่ทว่าใจยังสู้ไม่ถอย
หืด...อ่าห์...โอวว...จอมมารหอบหายใจเช่นกัน
“ข้าพอก่อนก็ได้ ป่านนี้จอมมารน้อยๆ คงวิ่งเล่นในท้องเจ้าแล้ว” หยวนกงเหวียนบอก
“เพียงวันเดียวเองท่านพี่ ไม่เร็วปานนั้นหรอก” ซูเหยาทุบอกเขาเบาๆ ขวยเขินกับคำพูดของเขา
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวข้าจักทำทุกวัน”
จอมมารตั้งแต่หายป่วย ก็รักนางไม่หยุดหย่อน เรียกได้ว่าเป็นคนติดเมียไปแล้ว จนวันหนึ่งเมื่อร่างกายและพลังกลับมาจนเต็มที่แล้ว เขาจึงคิดอยากแก้แค้นเผ่ามารประจิม
“ซื่อจื่อ องค์ชายมารประจิมอยู่ที่ใด” เมื่อเมียรักของเขาหลับ ก็มาหารือกับซื่อจื่อทันที
“ตอนนี้หนีไปอยู่โลกมนุษย์ท่านราชามาร” ซื่อจื่อที่แอบตามตัวเจ้าจอมมารปลายแถว ฤทธิ์เพียงน้อยนิดหาญกล้าอยากเป็นราชามาร
“เช่นนั้นก็ดี ข้าจักไม่ต้องตามหาให้เหนื่อย เจ้าดูแลเมียข้าให้ดี ข้าจะไปชำระความที่คิดจะฆ่าเมียของข้า” ราชามารหายตัววาบขึ้นโลกมนุษย์ ก็ประจวบเหมาะเจอเข้ากับเทพกระบี่เดียวดาย ที่ตอนนี้ไม่เดียวดายเสียแล้ว
“เจ้า...มาได้อย่างไร” เสี่ยวลิ่มจื่อทักสหายเก่า
“ข้ามาจับองค์ชายมารประจิมไปรับโทษ คิดฆ่าเมียข้า” ราชามารบอกกับสหาย
“เมียเจ้า ใครงั้นหรือ” เทพกระบี่เดียวดายพอจะเดาเค้าลางออก แต่ทว่าเพื่อความมั่นใจเท่านั้น
“ซูเหยา” จอมมารตอบแบบไม่ต้องคิดนาน นางจะเป็นเมียคนเดียวของเขาตลอดไป
“เจ้านี่ไวใช้ได้ เพราะเหล้าของข้าใช่หรือไม่” เทพกระบี่ยกหางตัวเอง เยินยอเหล้าที่หมักฝีมือตนทำให้จอมมารได้คู่ครองเสียที
“ใครบอกท่าน ผลพิมผลาที่เผ่ามารข้าต่างหาก” จอมมารมีหรือจะยอม ต้องเอาของดีเมืองตัวเองมาข่มเสียหน่อย
“จุ๊ๆ...เจ้าร้ายกาจนัก” เทพกระบี่หัวเราะชอบใจ
“ท่านยิ่งกว่าข้า” จอมมารหยอกเขาบ้าง แล้วก็ร่ำลากัน เพื่อไปทำงานของตน
จอมมารไปพบกับเจ้าจอมมารประจิมกำลังเข่นฆ่ามนุษย์ นั่นทำให้เขาโกรธหนัก จึงจัดการดึงวิญญาณขององค์ชายมารประจิมออกเสีย แล้วทำลายให้สูญสิ้น ทั้งยังส่งสารไปแจ้งกับเผ่ามารทุกเผ่า หากใครหาญกล้าริมท้าท้ายราชามารบูรพา ล่วงล้ำสามพิภพ มันผู้นั้นเตรียมโดนทำลายได้เลย
ราชามารประจิม แม้ว่าแค้นเคืองเรื่องที่ทำร้ายลูกชายตน แต่เจ้าลูกไม่รักดีนั่น ริอาจหาญก่อน เขาให้คนไปตามมารับโทษเพื่อจะได้เลี่ยงโทษตาย มันก็ยังไม่มา นั่นคือจุดจบเจ้าลูกไม่รักดีเลือกเอง เขาเองก็ช่วยไม่ได้
ดีที่ลูกๆ ที่เกิดจากราชินีของเขาไม่คิดอาจหาญเช่นนั้น ไม่เช่นนั้นเผ่ามารบูรพาจันทราคงได้ยกทัพมาถล่ม
เมื่อจัดการเรื่องเสร็จสิ้นแล้ว ก็ถึงเวลากลับบ้านไปหาเมียรักแล้ว
จอมมารเอาผลไม้จากโลกมนุษย์ไปฝากเมียอันเป็นที่รักหลายอย่าง โดยเฉพาะผลท้อสด และท้อดองที่ฮูหยินเทพกระบี่ฝากมาให้
“เมียรักของข้า ข้ากลับมาแล้ว” หยวนกงเหวียนเดินเข้ามาตำหนักด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น วางของฝากจากโลกมนุษย์ลง
อ๊วก...อ๊วก...อ๊วก...!!!
เสียงคลื่นไส้อาเจียนดังมาจากด้านในห้อง เขาจึงรีบไปดูทันที
“ซื่อจื่อ เมียข้าเป็นอันใด” จอมมารตกใจจนหนักมาก ที่เห็นนางหน้าซีดจนไร้ราศี
“เอ่อ...ท่านราชาจอมมาร” ซื่อจื่อกำลังจะบอกข่าวดี แต่ทว่าราชินีห้ามไว้ก่อน
“เจ้าออกไปเถิด ข้าจักบอกเขาเอง” ซูเหยาอยากเป็นคนบอกข่าวดีนี้แกคนรักเอง
ซื่อจื่อไม่อาจจะอยู่ขวางทาง ปล่อยให้ทั้งคู่ได้พลอดรักกันต่อไป ตั้งแต่ราชามารมีความรัก ตำหนักนี้ก็น่าอยู่ขึ้นเป็นกอง เสียงแง่งอน ร่วมรัก แล้วเกี้ยวพา ได้ยินตลอดมา
“เจ้าเป็นอันใด เหตุใดจึงไล่ซื่อจื่อออกไปด้วย” จอมมารดึงตัวนางเข้ามากอดด้วยความร้อนใจ
“ข้าไม่เป็นอันใดหรอก...ข้าแค่ท้อง” ซูเหยาเอามือเขามาจับที่ท้องของตนเอง ท่านกงซือมาตรวจให้แล้ว นางไม่เป็นอันใดมาก แค่แพ้ท้องเท่านั้น
“จะ...เจ้า...เจ้าว่าอะไร เจ้าท้อง...เจ้าท้องแล้ว” เสียงจอมมารดีใจจนลั่นตำหนัก เขาไม่สามารถเก็บความดีใจไว้เพียงคนเดียว วิ่งไปบอกซื่อจื่อ แล้วก็วิ่งเข้ามาหานาง วิ่งเข้าวิ่งออกหลายหน จนซูเหยาส่ายหน้าให้กับคนที่เพิ่งรู้ข่าวดี
“เจ้าต้องกินของดีๆ กินของบำรุง” เขาวิ่งไปหาซื่อจื่อให้ไปถามท่านกงซือเรื่องอาหารบำรุงของเมียเขา
“ข้าอยากกินท้อ อยากกินท้อของโลกมนุษย์” แน่นอนว่านางไม่อยากกินของที่พิภพมาร
“ดีเลย เทพกระบี่ฝากลูกท้อ ทั้งสดและดองมาให้เจ้าเต็มเลย ข้าจักไปเอาให้” จอมมารจัดการดูแลเมียรักอย่างดี หาขอมาบำรุงนาง จวบจนนางใกล้คลอด
เขาเดินไปเดินมาหน้าตำหนัก มีหมอตำแยเผ่ามารดูอยู่ด้านในตำหนัก เช่นนั้นเขาก็ไม่ไว้ใจ นี่เป็นลูกคนแรกของเขา
“ซื่อจื่อได้ยินเสียงเด็กหรือยัง”
“ยังขอรับ”
สักพักเสียงร้องของทารกจอมมารน้อยก็ดังขึ้น จอมมารวิ่งเข้าตำหนักไปทันที
“ยินดีด้วยท่านจอมมาร ท่านได้ลูกแฝด หญิงชาย” หมอตำแยอุ้มลูกมาสองคน ส่งให้จอมมารอุ้ม
หยวนกงเวียนดีใจหนักมาก จ้องมองสองเด็กหญิงชายในอ้อมกอด เขาคิดไว้แล้วว่าสัญญาหมั้นก็ยังคงมีอยู่ เช่นนั้นก็เพียงรอให้ถึงสองหมื่นปี อย่างน้อยลูกสาวแต่งไปก็ยังมีลูกชายอยู่
เช่นนั้นตำหนักจะได้ไม่เหงามีทายาทสืบต่อไปเรื่อย
เขายังไม่ได้ตั้งชื่อให้กับสองทารกน้อย คาดว่าคงต้องไปปรึกษามหาเทพตงหัวที่สวรรค์ชั้นเก้า แน่นอนว่าลูกสาวแต่งออก
ลูกชายเขาก็ต้องแต่งเข้ามา จะให้เสียเปรียบได้เช่นไรกัน ในเมื่อสวรรค์ชั้นเก้าอยากดองกับเผ่ามารนัก
เมื่อเมียรักฟื้นคืนสติ เขาก็อุ้มลูกทั้งสองเข้าไปหาทันที
“เจ้าดูสิ นี่ลูกของเรา เจ้าเก่งมากมีลูกให้ข้าทีเดียวสองคน” เขาเอ่ยชมนางที่นางอดทนเพื่อเขา
“ข้าดีใจยิ่งนักท่านพี่” ซูเหยายิ้มให้เขา ริมฝีปากเหือดแห้งก่อนจะหลับลงไปด้วยความเหนื่อยอ่อน
สองคนช่วยกันเลี้ยงลูกชายลูกสาว ในตำหนักจอมมารเริ่มมีเสียงเจี้ยวจ้าวให้ได้ยิน ซื่อจื่อก็งานหนักขึ้น ต้องวิ่งไล่จับสองจอมมารน้อย ทั้งคู่ยืนมองด้วยรอยยิ้ม