ในค่ำวันนั้นเวลาไม่ได้ผ่านยาวไกลสักเท่าไหร่ คือยังไม่ถึงสองทุ่ม
หนุ่มคนนั้นกับภาพตรงหน้าแสงไฟที่สาดสว่างของช่อเทียนคล้ายจัดเลี้ยงงานวันเกิดของแฟนสาวไมร่าเพื่อนของฉัน
ในฐานะเพื่อนที่ถูกเชิญเข้ามาร่วมงานแฟนสาวของไมรา คือ เด็บบี้ หญิงสาวชาวดัดซ์ ผมสีทองนัยน์ตาสีฟ้า
เขายืนอยู่ตรงกลางเป่าเค้กฉลองวันเกิดให้อาสาวของเขา"แฮปปี้เบิร์ธเดย์"
เสียงร้องประสานกัน ไม่นานนักเทียนถูกเป่าจนดับหมด ตามด้วยเสียงสนุกสนานตามมา เฮลั่นและมีการเปิดแชมเปญไวน์จนน้ำพุ่งสาดขึ้นสู่ฟ้า
ไมร่าคงเห็นว่าดิฉันเหงา อาจจะถึงเปลี่ยวได้ เพราะว่าพาตัวเองมาที่นี่คนเดียวพักอยู่คนเดียว ในเรื่องที่ดิฉันสูญเสียทุกอย่าง ดิฉันได้เล่าให้ไมรารับทราบ
เขาคนนั้นยังยืนเป็นสง่า แม้ว่าในเวลานี้ก็ตาม ริมชายหาดที่แสงไฟสว่างนวลเพราะจัดงานกัน
ความขาวของผิวพรรณเมื่อกระทบกับแสงไฟตลอดโครงใบหน้าเสี้ยวที่เห็นจากมุมด้านข้างกับหนวดเคราที่ผ่านการโกน
แต่มันก็ขึ้นประปราย เป็นผู้ชายที่สามารถทำให้ผู้หญิงหลงใหลได้ง่ายคนหนึ่ง
ไม่ว่าจะดิฉันหรือคนอื่น มีโอกาสสนทนากับเขา ฉันชอบมองดูรอยยิ้ม เขาไม่ยิ้มพร่ำเพรื่อ ก็ดีนะ ฉันชอบ ไม่เหมือนโถมทรัพย์
รายนั้นแทบจะเอาเสน่ห์ของตัวเองมากองไว้ตรงหน้าเลย อดไม่ได้วิจารณ์ถึงสามีที่กำลังกลายเป็นอดีต เรานัดวันหย่ากันแล้ว เร็วดีเหมือนกัน
"คุณอายุเท่าไหร่คะ"
"ปีนี้ผมยี่สิบสามครับ"
เขาตอบ นั่นทำให้ฉันเผลอบวกกับตัวเองในการลบคูณอายุของตัวเอง มันห่างกันมากทีเดียว เหมือนน้ากับหลาน
"น้อยกว่าฉันหลายปีล่ะ"
ไม่ยอมบอกอายุจริง เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่กลัวใครเขาล้อว่าแก่ ทั้งที่จริง มันก็เป็นอย่างนั้น
"กลับไปนี่ วันจันทร์ คุณคงจะลุยงานเลยสินะ"
รอยยิ้มของเขายังคงพิมพ์ใจ อย่าบอกนะว่าดิฉันหลงเสน่ห์หนุ่มน้อยเข้าให้แล้ว เพราะอยากได้ยินคำสุภาพและอ่อนโยนจากเขา
"ประมาณอีกสามวันครับ ผมเองมีที่พักอยู่แถวพระรามสี่ คอนโดใหม่"
"อ้อ" เมื่อเขาพูดมาขนาดนี้ ชักอยากจะรู้มากกว่านั้น
"ใช่คอนโดที่เป็นรูปแบบ แบบญี่ปุ่นใช่มั้ยคะ ชื่อแบบญี่ปุ่นด้วย" เขาพยักหน้าให้อีก
"ครับ ผมพักอยู่ที่นั่นจริง ค่าใช้จ่ายทางบริษัทจัดการให้ครับ"
เขาเป็นคนเปิดเผยดี ฉันชอบ
"ที่ทำงานจริงล่ะคะ"
"อยู่ย่านนั้นละครับ ไม่ไกลหรอก สุขุมวิท" เขาบอกชื่ออาคารที่คุ้นหูอย่างดี
"เอ้อ ผมควรจะเรียกชื่อคุณ"
"เรียกพี่ดีกว่าค่ะ"
ดวงตราเสนอคำพูดนี้ให้เขา และอยากให้เขาเรียกอย่างนั้น ถ้าเรียกอย่างอื่น มีเคืองแน่
เอาเป็นว่าเมื่อพูดกับเขาแบบมีโอกาสที่คนอื่นเผลอไปทางอื่น
และกระจัดกระจายอยู่แถวนั้น ก็พื้นที่แถบริมทะเลชายหาดแบบนี้ กว้าง พื้นทรายสีขาวนวลหยาบอยู่เบื้องล่าง
แต่ก็มีเสื่อน้ำมันปูให้นั่งเป็นทางยาวแบบไม่ต้องย่ำเท้าให้สกปรก
ฉันยืนคุยกับเขาตรงนั้นด้วยชุดสีครีมเป็นกระโปรงลักษณะเดรสเนื้อผ้าพลิ้วทีเดียว
ฉันมีลักษณะมั่นใจตัวเองที่สวมไม่มีเครื่องประดับสวมติดกาย
เพราะฉันไม่ค่อยชอบ ถ้าความสวยของฉันมีก็แค่สายตาที่ทุกคนชื่นชมก็พอแล้ว ฉันเองก็นึกอยากให้เป็นผู้ชายคนนี้ด้วย วิธูวิทย์ ชื่อ แทมป์ ฉันจำแม่นติดตาล่ะ
"โอกาสวันหลังคงจะมีโอกาสได้คุยมากกว่านี้นะคะ"
"เอ้อ พี่ชื่อ ดวงตรา เรียกดาด้าก็ได้ค่ะ เหมือนไมราเค้า"
"พี่ดาด้า" เสียงทุ่มนุ่มของเขาเรียกฉัน แหม เพราะจริงนะพ่อหนุ่มหล่อ
ถือว่าฉันประทับใจกับบรรยากาศของที่นี่มากคิดว่าตัดสินใจไม่ผิดเลย ที่เลือกเชื่อตามคำแนะนำของโฉมวลี
คนสะบักสะบอมในหัวใจอย่างดิฉันจะทำอย่างไรคะ
ต้องมานั่งเศร้าที่หัวมุมบนโรงแรมสูง ค่ะบรรยากาศดีทุกอย่างโอเคหมด
เฟอร์นิเจอร์หรูเข้ากันทุกอย่าง เสื้อผ้าที่ดิฉันเตรียมมา รถยนต์ส่วนตัวเป็นปอเช่ รสนิยมของดิฉันสูงพอๆกับฐานะ จะเที่ยงคืนแล้ว
ลืมนึกไปว่าฉันจะต้องโทร.คุยกับลูกสาวเหมือนทุกครั้งเพื่อปลอบและให้กำลังใจกับแก
ที่คงมีสภาพไม่แตกต่างไปจากดิฉัน เพราะสัญญาณและการตัดสินใจหย่าร้างจะเกิดขึ้น ลูกสาวจะต้องแข็งแกร่งและอยู่ให้ได้เหมือนแม่
"วิตา"
"แม่คะ"
"ลูกเป็นยังไงบ้าง อยู่กับ แจ่มใส กับ น้าภานะลูก" ฉันฝากลูกไว้กับเด็กรับใช้แล้วก็ญาติ
"ค่ะ หนูไม่เป็นไร"
ฉันไม่พยายาม ที่จะเอ่ยถึงโถมทรัพย์เพราะอีกหน่อย
เขาก็กลายเป็นคนแปลกหน้าสำหรับฉันไปแล้ว
"หนูนึกว่าแม่จะนอนแล้ว"
"แม่นึกถึงหนูจำสัญญาที่ได้ให้ไว้ถึงโทร.มาลูก"
"มาพักผ่อนสมองแล้วมีงานติดต่อกับลูกค้าที่นี่สักหน่อย"
"แหมแม่นี่ ไปเรื่องงานอีกด้วย ไหนบอกว่าจะไปพักผ่อนสมอง แม่นี่อดเอางานไปด้วยไม่ได้เลยทุกครั้ง"
ฉันอดหัวเราะไม่ได้กับลูกสาว
เพราะในหัวสมองของฉันมีแต่งาน แค่เห็นเอวิตาร่าเริงฉันก็ดีใจ
"พ่อมาด้วย มาเมื่อกลางวันแล้วก็ถามถึงแม่"
ชื่อนี้ เป็นชื่อที่ฉันไม่อยากให้ลูกสาวเอ่ย
ฉันครางในลำคอรับรู้เท่านั้น
ตอนนี้เกลียดโถมทรัพย์มากที่สุด มากกว่าใครเลยในบรรดาผู้ชาย เขาว่ากันว่าเรารักใครมากที่สุด เวลาเกลียดชังก็จะเกลียดแรงไปด้วย เป็นเหมือนความสุขของฉันเดี๋ยวนี้เลย ใครที่พูดไว้นะจริงทุกอย่าง
"แม่อยู่กับเพื่อนใช่มั๊ยคะที่ว่าเพื่อนแม่ทำโรงแรมอยู่ที่นั่น"
"น้าไมราไง"
ลูกสาวฉันเคยรู้จักไมรา เพราะเคยพาตัวแกให้ดูเมื่อสามปีก่อนที่โรงแรมแห่งนี้
ตอนนั้นเอวิตายังไม่จบชั้นมัธยม ยังเป็นเด็กสาวที่น่ารักและเชื่อฟังแม่อย่างฉันตลอดเวลา
"อ๋อ วิตาจำได้แล้ว น้าไมราใจดีกับเอ้อ คุณน้าอีกคน เด็บบีร์ค่ะ"
"เก่งจริงลูกจำชื่อแฟนน้าไมราได้"
"แล้วแม่จะกลับวันไหนคะ" ลูกสาวถามอีก
"อีกอาทิตย์หนึ่งจ้ะลูก"
"ตั้งอาทิตย์หนึ่งเลยหรือ"
ได้ยินลูกสาวเหมือนเบื่อการรอคอย ที่จะได้พบฉัน เอวิตารักฉันมาก เราสองคนแม่ลูกสนิทสนมกันอย่างมากที่สุด เอวิตานั่นเหมือนลมหายใจของฉัน
"ใจเย็นจ้ะ ลูกรัก แล้วเธอจะได้เจอแม่อย่างฉันแน่นอน จะกลับไปอบรมหน่อย ถ้าทำอะไรผิด"
ฉันตอบลูกสาว
น้ำเสียงใสร่าเริงในตอนเที่ยงคืนกว่าๆ