ฑิฆัมพรผินหน้ามองออกไปนอกตัวรถยนต์ เธอเพ่งมองดูวิวข้างทาง ไม่อยากสนใจเขามากนัก เมื่อยิ่งอยู่ใกล้ชิดกันเธอก็เริ่มรู้สึกว่ากำแพงเหล็กที่สร้างเอาไว้ป้องกันตัวเองมันค่อยๆ กระเทาะจนผนังบางส่วนบางลงกว่าเมื่อก่อนเยอะแยะ
สนต้นใหญ่ๆ มีหิมะขาวโพลนเกาะอยู่ตามกิ่งก้าน เป็นธรรมชาติที่สวยงามแต่แฝงไปด้วยความอ้างว้างและเหน็บหนาว เมื่อไร้สีสันอื่นใด มีเพียงความขาวสะอาดของละอองหิมะเท่านั้น สีเขียวๆ ของใบไม้ก็ไม่มีให้เห็น เมื่อมันถูกทับถมจนต้องสลัดใบทิ้งเพื่อถนอมการมีชีวิตไว้ให้คงอยู่ เหมือนเช่นตัวเองในเวลานี้ ที่ต้องเก็บซ่อนหัวใจตัวเองให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจจะเผลอตัวเผลอกาย ยกให้วิคเตอร์ไปได้ง่ายๆ
ดวงตากลมโตตื่นตกใจหลังรถยนต์วิ่งฝ่าหิมะมาเกือบ3ชั่วโมง จากสนามบินที่เครื่องบินเจ็ทของวิคเตอร์ลงจอด เธอไม่รู้ว่าเวลานี้ตัวเองอยู่จุดใดในรัสเซีย ไม่มีป้ายบอกทางเลยนับตั้งแต่ตั้งหน้าตั้งตาค้นหา รู้แต่ว่ารถยนต์ไต่ระดับสูงขึ้นๆ น่าจะเป็นภูเขาลูกใดลูกหนึ่งโซนภาคเหนือของรัสเซียที่มีหิมะปกคลุมเกือบทั้งปี กระท่อมเล็กๆ ที่มองเห็นลิบๆ ยิ่งรถยนต์วิ่งเข้าใกล้มากขึ้นทุกขณะ มันช่างเหมือนภาพวาดที่เธอจินตนาการขึ้น เป็นภาพเดียวที่เธอวาดขึ้นเองเพราะอยากมีบ้านหลังเล็กๆ รูปแบบนี้อาศัยอยู่กับชายคนรัก (ก็วิคเตอร์นั่นแหละ)
“วิคเตอร์!” เธอเขย่าแขนคนข้างๆ เมื่อตัวรถยนต์เคลื่อนที่เข้าไปใกล้จนมองเห็นรายละเอียดของตัวบ้านได้เต็มๆ ตา บ้านในฝันที่เธออยากได้อยากมี ติดแต่ว่าพ่อกับแม่ไม่อนุญาตเพราะเป็นห่วง เมื่อบ้านในฝันเธอต้องการอยู่ในที่อากาศหนาวเย็น
ชายหนุ่มอมยิ้ม เป็นครั้งแรกที่ดูเหมือนว่าฑิฆัมพรจะชมชอบสิ่งที่เขาหามาให้ บ้านหลังนี้เขาเนรมิตขึ้นมา อยากมอบเป็นของขวัญให้เธอ แต่เธอไม่เคยสนใจอยากได้ของกำนัลจากเขาเลย จึงเก็บเอาไว้ก่อนรอมอบให้ในวันสำคัญ
ไอร้อนจากกายแกร่งแผ่กระจายออกมาจากตัวของเขา เธอจึงค่อยๆ ปล่อยมือที่เกาะกุมแขนเขาออกมาและรีบสำรวมกริยาเมื่อเผลอตัวแสดงความดีใจจนออกนอกหน้า พยายามปรับหน้าให้สงบนิ่งเหมือนเดิม แต่แววตากลับเต้นระริก เมื่อรถยนต์วิ่งเข้าไปใกล้บ้านตุ๊กตาในฝันของเธอทุกขณะ สีขาวของกรอบหน้าต่างตัดกับสีน้ำตาลของไม้มองดูเด่นชัดท่ามกลางกองหิมะขาวโพลน
“บ้านผมเอง...สร้างไว้นานแล้ว รอให้คนที่ผมรักมาอยู่ด้วย ในวันหยุดพักผ่อนระหว่างสัปดาห์ แต่ดูเหมือนว่า....เขาจะไม่สนใจ” เสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้นลอยๆ ไม่ได้ต้องการคำตอบแค่อยากบอกให้เธอรู้ ฑิฆัมพรแอบย่นปลายจมูก เบ้ปากให้ เมื่อความรู้สึกหมั่นไส้วิ่งเข้าเกาะกุมหัวใจ ดูเหมือนว่าวิคเตอร์จะรู้ไปหมดว่าเธอต้องการอะไรแบบไหน ถ้าไม่มีอคติ ทุกสิ่งที่ชายหนุ่มสรรหามาเป็นของกำนัลล้วนแล้วแต่ถูกตาถูกใจเธอแทบทั้งสิ้น
“ฟ้าไม่เห็นอยากรู้... แบบบ้านงั้นๆ ดูเรียบไปนิดนะคะ ไม่โอ่อ่าสมฐานะเศรษฐีใหญ่อย่างมารินเลยซักนิด” เธอแกล้งกระทบกระเทียบเมื่อรอบๆ ตัวเขามีแต่สิ่งของราคาแพงหูฉี่ ไม่ว่าจะรถยนต์เฟอรารี่ นาฬิกายี่ห้อหรู บ้านไม้หลังเล็กๆ แบบนี้จึงไม่น่าจะใช่รสนิยมของเขาเท่าใดนัก
ตัวรถยนต์จอดสนิทเมื่อมาถึงบ้านหลังเล็กๆ เธอพยายามเก็บอาการสุดความสามารถ แต่ก็ยังแอบซ่อนจากสายตาคมเฉียบของวิคเตอร์ไม่ได้ เขาแปลกใจอยู่เหมือนกันว่าเพราะอะไรฑิฆัมพรถึงจงชังเขาเหลือเกิน ไม่ว่าจะมองในแง่มุมไหนเขาหาสาเหตุไม่เจอซักอย่างจึงได้แต่ตามคอยดูแลห่างๆ หวังว่าความพยายามของเขาจะสัมฤทธิ์ผลในวันหนึ่งของอนาคต หากไม่เพราะว่าเธอตกลงปลงใจแต่งงานกับลูกชายเจ้าของสายการบินสั่วๆ นั่น เขาคงไม่ลงมือฉุดคร่าเธอมาแบบนี้ ในเมื่อนิยามความรักแบบฉบับวิคเตอร์ ไม่ใช่การมองเห็นคนรักมีความสุข เขาไม่ใช่นักบุญที่จะต้องมาเสียสละ เขาเป็นตัวร้ายเป็นจอมป่วนที่ทั่วโลกยำเกรง เพราะฉะนั้นเขาถึงไม่ยอมยกฑิฆัมพรให้ไอ้หนุ่มอ่อนหัดคนนั้นได้...
“ถึงแล้ว เป็นไงบ้างถูกใจบ้างไหมครับ?”
“ไม่!” เธอตอบเสียงสะบัด เชิดหน้าขึ้นไม่เหลือบแลสายตาไปยังกระท่อมหลังน้อย ทั้งที่ภายในกำลังตื่นเต้น รอเวลาเพื่อจะเข้าไปเยี่ยมชมด้านใน เมื่อภายนอกยังเหมือนในจิตนาการของเธอแทบทุกกระเบียดนิ้ว แล้วภายในเล่าจะเป็นเหมือนที่เธอเคยวาดฝันไว้หรือเปล่า?
“เชิญครับคุณผู้หญิง” เขาค้อมตัวลง ผายมือเชื้อเชิญให้ฑิฆัมพรเข้าไปพิสูจน์ด้านใน มันเหมือนอย่างที่เธอเคยวาดทิ้งไว้ในกระดาษวาดเขียนที่แอบซุกไว้ข้างตู้ เขาบังเอิญค้นเจอโดยไม่ได้ตั้งใจ
“เชอะ!” เธอกระแทกส้นเท้าบนพื้นหิมะนิ่มๆ ก้าวสวบๆ ฝ่ากองหิมะเข้าไปจนถึงตัวบ้านโดยที่วิคเตอร์เดินตามมาห่างๆ เขาโบกมือไล่การ์ดคู่ใจ ให้ถอนตัวออกไปจากบริเวณนี้ มีบ้านหลังเล็กๆ อีกหลังอยู่ไม่ไกลนักพวกเขาเหล่านี้จะเฝ้าอารักขาเขาอยู่ห่างๆ แต่ไม่คาดสายตา เมื่อในอดีตมารินมีศัตรูมากมายก่ายกอง จนนับไม่หวาดไม่ไหว เขาจึงจำต้องป้องกันตัวเอง แม้จะออกจากวงการมืดดำมายืนท่ามกลางแสงสว่างแล้วก็ตาม
“กุญแจ” ชายหนุ่มยื่นกุญแจดอกใหญ่ให้ฑิฆัมพร เพื่อให้เธอเปิดประตูด้วยตัวเอง เข้าไปสู่อาณาจักรในห้วงฝัน ที่เป็นความต้องการของเธอล้วนๆ
มือเล็กๆ สั่นจนเจ้าตัวรู้สึกได้ เธอตื่นเต้นจนเกือบเก็บอาการไม่อยู่ เพราะแค่ภายนอกที่มองเห็นยังเหมือนในจิตนาการของเธอทุกอย่าง จึงตื่นเต้นเมื่อจะได้เยี่ยมชมด้านในด้วยสายตาตัวเอง “วี้ด!” เสียงกรี้ดๆ ของสาวน้อยด้านหน้า วิคเตอร์เกือบเผลอตัวหัวเราะเสียงดัง ขนาดโตเป็นสาวสะพรั่ง จนมีคนชื่นชมเกือบครึ่งโลก แต่นิสัยเด็กๆ ของฑิฆัมพรยังคงอยู่เหมือนเดิม อารามดีใจจนเผลอตัวกรีดร้องออกมาเสียงดัง
“อู้ย! มีเตาผิงด้วย มีพรมขนสัตว์วางด้านหน้า อย่าบอกนะวิคเตอร์ ว่ามีเจ้าขนปุยด้วย” ฝีเท้าเล็กๆ วิ่งไปวิ่งมาภายในตัวบ้าน ของประดับตกแต่งเป็นเหมือนที่เธออยากได้ ไม่ว่าจะเตาผิงขนาดเล็ก ขนาบด้วยโซฟาเนื้อนุ่มเหมาะสำหรับนอนฝังตัวบนนั้น เพื่อรับความอบอุ่นจากเปลวไฟในเตาผิง ครัวเล็กๆ ที่ทำอาหารได้จริง ทุกอย่างถูกวางไว้ตรงตำแหน่ง ห้องนอนเป็นอีกอย่างที่เธออยากเห็น แต่ต้องรีบยับยั้งช่างใจเอาไว้ก่อน เมื่อตัวอันตรายอยู่ด้านข้าง เขาคงเฝ้ารอโอกาสนี้อยู่เหมือนกัน เธอจึงเสเดินไปทรุดนั่งที่โซฟาเนื้อนุ่ม ใช้ท่อนเหล็กเขี่ยเปลวไฟในเตาผิงเล่นๆ ทำทีไม่สนใจที่จะสำรวจห้องต่อไป ด้วยความอยากรู้ที่ฝังอยู่ในนิสัย...
“อ้าว! หยุดกระโดดไปกระโดดมาเสียแล้วหรือครับ ผมกำลังมองเพลินๆ เลยนะ ไม่ไปทำความรู้จักกับเพื่อนตัวเล็กๆ หน่อยหรือ เขากำลังรออยู่ในห้องด้านนู้นน่ะครับ”
“ไม่ล่ะ เหนื่อย” แววตาใสกระจ่างเต้นระริก แต่เธอปรับท่าทางให้สงบนิ่งลง เพราะกริ่งสัญญาณอันตรายกรีดร้องเตือนอยู่ในหัวสมอง เมื่อมองเห็นแววตาพราวระยับของวิคเตอร์เข้าพอดี
“โอ! น่าเสียดายนะครับ รู้สึกว่าผมได้ยินเสียงร้องเรียกคุณอยู่ จะปล่อยให้เขารอคอยอยู่แบบนั้นหรือครับคนสวย”
เธอตะแคงหูฟังตามคำบอกเล่าของเขา และได้ยินเสียงจี้ดๆ เหมือนเสียงสัตว์ตัวเล็ก กำลังร้องเรียกเธออยู่เหมือนอย่างที่เขาบอก ความอดทนที่พยายามกักเก็บไว้ขาดผึ่ง รีบถลันตัวลุกขึ้นจากโซฟาเนื้อนุ่มถลาวิ่งตึกๆ ไปยังต้นกำเนิดเสียงร้องนั้นทันที
“ฮ่าๆ...” วิคเตอร์ไม่สามารถสำรวมกริยาไว้ได้อีกแล้ว เขาหัวเราะท้องขัดท้องแข็ง เมื่อคนปากแข็งวิ่งฉิ่วไปตามคำแนะนำของเขาเอง
เสียงหัวเราะร่าของชายหนุ่มดังเขาหูของฑิฆัมพร แต่ในเวลานี้ความอยากรู้มีมากกว่า เธอจึงรีบปัดความอายออกไปจากใจ วิ่งหน้าตั้งไปยังต้นกำเนิดเสียงเพื่อพิสูจน์ว่าจะใช่อย่างที่เธอคาดคะเนไว้อีกหรือเปล่า...