บทนำ
ท่ามกลางบรรยากาศอันหรูหราและยิ่งใหญ่ ณ จวนแห่งหนึ่งในเมืองหลวง สถานที่ถูกประดับด้วยผ้าไหมสีแดงสดและดอกไม้ที่บานสะพรั่ง กลิ่นหอมของดอกไม้และเครื่องหอมลอยคลุ้งในอากาศ โคมไฟสีแดงถูกแขวนอยู่ทุกมุม ทุกสิ่งทุกอย่างดูงดงามอลังการสมกับเป็นงานแต่งของบุตรสาวในตระกูลบัณฑิตใหญ่มีชื่อเสียงอย่าง หัวหน้าราชบัณฑิตฝูหยาง
ฝูหรง หญิงสาวผู้งามสง่าในชุดเจ้าสาวสีแดงเลือดนกประดับด้วยลวดลายปักที่ละเอียดอ่อน มือของนางกำลังถือพัดที่ปิดหน้าครึ่งหนึ่ง เผยให้เห็นดวงตาที่สดใสและแฝงด้วยความมุ่งมั่น ในขณะที่นางก้าวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ใจของนางเต้นระรัวทั้งด้วยความตื่นเต้นและความกลัว
แม้วันนี้เป็นวันที่หญิงสาวในชุดมงคลควรจะดีใจ แต่มันก็มีความกังวลใจอยู่ลึก ๆ เพราะแท้จริงแล้วนางมิใช่คนที่ต้องแต่งงานในวันนี้
ข้าหวังว่าท่านพี่อิงอิงจะไม่โกรธข้าที่ต้องเข้าพิธีแทนนาง
บรรยากาศทุกสิ่งทุกอย่างดูพร้อมสำหรับพิธีแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้น ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกาย
ยามรุ่งสางของวันนี้ฝูหลงรีบลุกจากเตียงตั้งแต่ยามยามอิ๋น (03.00 - 04.59 น.) นางรีบลุกตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง แม้จะไม่ใช่หน้าที่ของตน แต่ฝูหรงก็ทำงานราวกับสาวใช้คนหนึ่งในจวน ทั้ง ๆ ที่ตนเองก็เป็นบุตรสาวคนหนึ่งของเจ้าของจวนแห่งนี้ ร่างบางรีบล้างหน้าเพื่อที่จะไปช่วยพี่สาวแต่งตัว วันนี้เป็นวันสำคัญที่ทุกคนในตระกูลรั่วและตระกูลฝู วันที่ทั้งสองตระกูลบัณฑิตจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกันเสียทีหลังจากให้บุตรสาวและบุตรชายหมั้นหมายกันมาหลายปี
มือบางเปิดประตูเรือนนอนออกไปอย่างเงียบเชียบเช่นทุกวัน แต่ก็ต้องเบิกตาโพล่งด้วยความตกใจเมื่อเห็นมารดาของตนและท่านแม่ใหญ่เดินมุ่งตรงมาทางนี้ มารดาของนางมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าทุกครั้ง
“ท่านแม่ คาราวะแม่ใหญ่” ฝูหรงเร่งเดินข้ามประตูออกไป เมื่อเห็นว่าในกลุ่มคนนั่นมีท่านแม่ใหญ่มาด้วย
“เข้าไปคุยกันข้างใน” ฝูฮูหยินเอ่ยเสียงเรียบ แม้ใบหน้าจะฉายแววกังวลออกมาอย่างชัดเจน
ฝูหรงหวั่นเกรงมิน้อย นางกลัวว่าฮูหยินใหญ่จะหาเรื่องลงโทษอะไรมารดานางอีก “ท่านแม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเจ้าค่ะ”
“เข้าไปด้านในก่อน เดี๋ยวเจ้าก็รู้” ม่านอิ้น จับจูงมือของบุตรสาวด้วยความแผ่วเบาให้เดินตามเข้าไปในเรือนที่ฝูหรงเพิ่งก้าวออกมา
“เรื่องก็เป็นเช่นนี้” ฝูฮูหยินเอ่ยถึงการมาของนางกับอนุของสามี
“ข้า…ข้าต้องแต่งแทนท่านพี่ฝูอิงหรือเจ้าค่ะ” ฝูหรงหลุดเอ่ยออกมาเสียงดังนางตกใจไม่น้อยที่แม่ใหญ่บอกว่าพี่สาวของนาง อย่างฝูอิงหายไป
“คงต้องเป็นเจ้าแล้วล่ะฝูหรง ตระกูลฝูมีบุตรสาวเพียงสองคน ในเมื่อฝูอิงหายไป งานแต่งระหว่างสองตระกูลก็คงต้องเป็นหน้าที่ของเจ้า”
“ตามหาหรือยังเจ้าค่ะ ท่านพี่จะหายไปเฉย ๆ แบบนี้เป็นไปไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ” ก็ในเมื่อพี่สาวของนางและรั่วหยางจิ้นเฝ้ารอวันนี้มาตลอด แล้วพี่สาวของนางจะหนีไปกับชายอื่นได้อย่างไร
“นางทิ้งจดหมายเอาไว้ชัดเจนขนาดนั้น ที่บิดาเจ้าไม่มาสั่งให้เจ้าแต่งงานแทนฝูอิง ก็เพราะอยากให้เรื่องนี้เงียบที่สุด“ ฝูฮูหยินหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เมื่อนางและสาวใช้ขนเครื่องแต่งกายเพื่อที่จะไปช่วยกันแต่งชุดเจ้าสาวให้ฝูอิง แต่เรือนนองของบุตรสาวของนางกลับวางเปล่า ทิ้งเอาไว้แค่จดหมายหนึ่งฉบับ มีเพียงข้อความสั้น ๆ ทิ้งเอาไว้ ว่าไม่ต้องตามหา
`ข้าจะไปอยู่กับชายที่ข้ารัก ไม่ต้องเป็นห่วงข้า ชีวิติข้ายอมดีกว่าแต่งให้รั่วหยางจิ้น`
ฝูฮูหยินตกใจรีบวิ่งกลับเรือนใหญ่ไปบอกสามีให้รีบตามหาบุตรสาว แต่สามีนางที่รักหน้าตายิ่งกว่าสิ่งใดกลับสั่งให้นางเป็นคนมาบังคับให้บุตรสาวที่เหลืออีกคนแต่งงานแทน ส่วนสหายของสามีนางอย่างรั่วเจิ้นหวิน ก็เห็นดีเห็นงามด้วย ไม่ว่าอย่างไรงานแต่งในวันนี้จะล้มเลิกไม่ได้เด็ดขาด
“เห็นแก่ตระกูลฝูง เห็นแก่หน้าบิดาเจ้าที่ตลอดชีวิตไม่เคยถูกนินทาว่าร้าย หากเรื่องที่ฝูอิงหนีตามชายอื่นไปในวันแต่งงาน บิดาเจ้าคงทุกข์ใจไม่กล้าก้าวขาออกจากจวนอีกเลย เจ้าทนดูดายได้เชี่ยวหรือหรงหรง” เป็นครั้งแรกที่นางเอ่อเรียกชื่อที่ไม่เคยเอ่ยเรียกบุตรสาวอีกคนของสามีอย่างรักใคร่ หากสามีนางได้รับผลกระทบแน่นว่านางที่เป็นถึงฮูหยินตราตั้งได้รับการยอมรับบของฮูหยินทั้งเมืองหลวงย่อมสั่นคลอน
“หรงหรงลูกแม่ เจ้าทำเพื่อท่านพ่อของเจ้าได้หรือไม่หรือทำเพื่อแม่ก็ได้” ม่านอิ้นรวบมือบุตรสาวเอาไว้แน่นเอ่ยอ้อนวอนให้ฝูหรงยินยอมเข้าพิธีแทนฝูอิงที่หายไป
“เจ้าค่ะ” ฝูหรงก้มหน้าตอบ นางมีทางเลือกอีกอีกเช่นนั้นหรือ
ฝูหรงยืนอยู่หน้ากระจกในห้องแต่งตัว ใบหน้าของนางถูกปกคลุมด้วยผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวสีแดงสด นางกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ที่พี่สาวต่างมารดาของนาง ฝูอิง หนีออกจากบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการแต่งงานกับรั่วหยางจิ้น นางเลือกที่จะหนีไปกับชายคนรัก เลือกที่จะหนีไปในวันแต่งงานมิใช่วันอื่น ก่อนหน้านี้ไม่ไปเลือกที่จะไปวันนี้ เพราะเหตุใด
ผ้าไหมสีแดงถูกแขวนประดับตามทางเดินและกำแพง ลวดลายสีทองที่ประดับอยู่บนผ้าไหมสะท้อนแสงไฟจากโคมไฟที่ห้อยจากเพดาน ทำให้ทั้งห้องโถงดูเปล่งประกาย รั่วหยางจิ้น เจ้าบ่าวในชุดแต่งงานที่งดงามสมฐานะ เขายืนรอเจ้าสาวอย่างสงบแต่ก็มีความสงสัยอยู่ในใจ แม้เขาจะรู้แล้วว่าเจ้าสาวของตนในวันนี้มิใช่คู่หมายที่หมั้นหมายมาตั้งแต่ในวัยเยาว์ แต่เขาก็ไม่ได้คัดคาด อย่างน้อยนางก็ก้มหน้ารับหน้าที่ หน้าที่ที่ต้องรักษาหน้าตาของตระกูลและเพื่อปกป้องเกียรติของตระกูล
เช่นเดียวกับเขา
ในขณะที่ฝูหรงกำลังจะก้าวออกจากห้อง หยางจิ้นเดินเข้ามาพร้อมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย เขาเห็นความกล้าหาญในสายตาของฝูหรง และรู้สึกซาบซึ้งในความเสียสละของนาง รั่วหยางจิ้นรู้ว่ามีการเปลี่ยนตัวเจ้าสาว บิดาของเขาและท่านลุงฝู ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมล้มเลิกงานแต่ง แน่นอนว่ามันเป็นเพราะศักดิ์ศรี เขาเอื้อมมือออกไปรับมือของฝูหรง มือนางวางมือลงมาทามทับฝ่ามือหนาของเขา รั่วหยางจิ้นรับรู้ได้ว่ามือของนางสั่นไหวไม่น้อย
“ฝูหรง ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะต้องมาแต่งแทนพี่สาวของเจ้า ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังทำเพื่อครอบครัว แต่ข้าสัญญาว่าจะดูแลเจ้าอย่างดีที่สุด”
เมื่อทั้งสองเดินเข้าสู่ห้องโถงใหญ่ เสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังกึกก้องทั่วบริเวณ แขกเหรื่อทุกคนต่างยิ้มแย้มและยินดีกับคู่บ่าวสาว ฝูหรงและรั่วหยางจิ้นก้าวขึ้นบนเวทีเพื่อทำพิธีแต่งงาน ทั้งสองนั่งลงบนเบาะผ้าสีแดงและทำพิธีตามประเพณี
“ขอให้คู่บ่าวสาวมีความสุขและเจริญรุ่งเรือง ขอให้เจ้าสาวและเจ้าบ่าวอยู่กันอย่างมีความรักและความเข้าใจ”
หลังจากพิธีการเสร็จสิ้น ฝูหรงและรั่วหยางจิ้นได้ทำการคารวะบรรพบุรุษและรับพรจากแขกผู้มีเกียรติ ในขณะที่ฝูหรงนั่งอยู่ข้างๆ รั่วหยางจิ้น นางลอบมองใบหน้าของชายหนุ่มที่นางแอบรักมาตลอด ฝูหรงยิ้มอย่างอ่อนโยนแม้ในใจจะสั่นไหว นางเงยหน้ามองหยางจิ้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความหวัง
“พี่จิ้น ข้ารู้ว่าพี่อาจจะไม่ได้รักข้า แต่ข้าจะพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด” ข้าจะทำพี่เห็นความรักของข้า ฝูหรงมิได้กล่าวประโยคสุดท้ายออกไป แต่นางจะพยายามแสดงให้ชายหนุ่มตรงหน้ามองเห็นความรักที่นางแอบช่องเอาไว้ตลอดเวลาที่ผ่านมา นางปิดบังทุกคนมาตลอดว่ารู้สึกเช่นไรกับคู่หมายของพี่สาวของตน แต่หลังจากนี้ไม่ใช่แล้ว ตอนนี้นางได้เป็นภรรยาของเขา นางมีสิทธิ์ที่จะรักรั่วหยางจิ้นแล้ว
ท่ามกลางเสียงเชียร์และเสียงปรบมือของแขกเหรื่อ มิมีผู้ใดเอ่ยถึงการเปลี่ยนตัวเจ้าสาวในครั้งนี้เพราะตลอดมามีเพียงข่าวการหมั้นหมายระหว่างตระกูลบัณฑิตใหญ่ แต่ไม่ได้เอ่ยว่าเป็นบุตรชายหรือบุตรสาวคนใดที่จะได้แต่งงานกัน ก็น่าแปลกไม่น้อยเพราะปกติจะต้องเอ่ยถึงว่าผู้ใดหมั้นหมายกับผู้ใด เมื่อถามก็บอกเพียงว่าเมื่อถึงวันแต่งก็รู้เอง ทำให้ชาวเมืองก็คาดเดากันอย่างตื่นเต้น รองานแต่งครั้งนี้กันอย่างใจจดใจจ่อว่าเจ้าสาวจะเป็นผู้ใด คุณหนูฝูอิงบุตรสาวฮูหยินเอกหรือฝูหรงบุตรสาวของอนุ
เมื่อเห็นว่าคนที่เข้าพิธีเป็นฝูหรงบุตรสาวของอนุ แขกเหรื่อก็ยิ่งเลื่อมใส่หัวหน้าบัณฑิตฝูหยางมากยิ่งขึ้น เพราะไม่ถือศักดิ์เรื่องบุตรฮูหยินเอกหรือบุตรอนุ ยอมให้บุตรสาวอนุแต่งมากับลูกศิษย์คนโปรด
ฝูหรงและหยางจิ้นจึงเข้าสู่พิธีแต่งงานอย่างสมบูรณ์ แต่ในใจของฝูหรง นางรู้ดีว่าที่รั่วหยางจิ้นไม่ยกเลิกงานแต่งที่เจ้าสาวมิใช่คนเดิมเพราะสิ่งใด แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร นางยินดีในการแต่งงานครั้งนี้ โอกาสที่นางไม่มีว่าจะมีวันเกิดขึ้น แต่นางจะใช้โอกาสที่ได้รับให้ดีที่สุด
ฝูหรงไม่รู้เลยว่าเมื่อวันหนึ่งเมื่อฝูอิง พี่สาวต่างมารดาของนางกลับมา นางต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ยากจะหลีกเลี่ยง
“น้องหญิง ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะรักหยางจิ้นจริง ๆ ข้าขอโทษที่ทิ้งให้เจ้าแต่งแทนข้า แต่ตอนนี้ข้ากลับมาแล้ว ข้าต้องการเขาคืน คืนเขาให้ข้าเถอะ” นางอ้อนวอนทั้งน้ำตาขอคนรักคืนจากน้องสาวต่างมารดา
“พี่อิงอิง ข้ารู้ว่าพี่กับเขารักกันมาก่อน แต่ข้าตอนนี้คือภรรยาของเขา ท่านกลายเป็นเพียงพี่สาวของภรรยาของรั่วหยางจิ้น หากท่านอยากได้เขาคืนก็ไปบอกเขาเองเถิดมิใช่มาบอกข้า”