ตอนที่ 4 สาวจากญี่ปุ่นและวิหคมรกต
(ภายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ หัวหินมาร์เก็ตช็อปปิ้งซุปเปอร์สโตร์ฟอร์ยู ในตัวเมืองใกล้ชายหาดหัวหิน)
ภายในห้างสรรพสินค้าใกล้ชายหาด ภายในก่อสร้างและตกแต่งสไตล์วินเทจที่เน้นสีขาวและสีเขียวทำให้ดูสบายตา มีต้นไม้ต่างๆ นานาพรรณมากมายภายในห้างคล้ายกับอาณาจักรของเหล่าสัตว์ป่าขนาดย่อมๆ รูปลักษณ์และกลิ่นหอมที่โชยออกมาจากร้านอาหารต่างๆ ดึงดูดให้เหล่าผู้ที่เดินผ่านไปผ่านมายอมควักกระเป๋าสตางค์ออกมาได้ไม่น้อย
จ้อกแจ้ก จ้อกแจ้ก
“โห~!เธอ นั่นดาราหรือเปล่าน่ะ?”
“เห้ย เห้ย! ดูดิ แจ่มว้าวเลยวะเพื่อน”
“โอโหย เยอะขนาดนั้นจะกินหมดหรอน่ะสงสารกระเพาะจังเลยแฮะ”
“จะเข้าไปขอลายเซ็นดีไหมเนี่ย”
ทุกคำพูด ทุกสายตาของทั้งพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนที่เดินสวนกันไปเดินสวนกันมาภายในห้างสรรพสินค้าต่างจับจ้องไปที่สาวสวยผิวขาวผ่องหน้าเอเชียผมยาวสีเหลืองทองมัดผมหางม้า 2 ข้าง กระโปรงสั้นสีน้ำเงินเข้ม ใส่เสื้อแจ็คเก็ตสีครีมสว่างปักข้อความคำว่า TOKYO ด้านหลังของเสื้อ ดูๆแล้วเหมือนจะเป็นคนดังชาวต่างชาติและมีรูปร่างที่ดูน่ารักทีเดียว
ในมือข้างหนึ่งของเธอกำลังถือของกินเต็มไม้เต็มมือดูแล้วเหมือนจะเกินกำลังตนเองไปเสียหน่อย ส่วนอีกมือก็ลากกระเป๋าสัมภาระขนาดใหญ่ไปด้วยโดยที่เธอเองไม่รู้เลยว่ามีบางสิ่งบางอย่างได้หลุดออกมาจากช่องว่างในกระเป๋าของเจ้าตัวเสียแล้ว…
“อิทาดาคิมาซ~ ง่ำ ง่ำ อื้อ~สุโก้ย โออิชี่~” หญิงสาวชาวญี่ปุ่นนั่งลงตรงเก้าอี้ไม้แล้วจัดการกินอาหารที่อยู่ในมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้มอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับมีผู้คนที่ขอเธอถ่ายรูปและคอยเชียร์เธอกินอาหาร
“อื้ม~ไม่น่าเชื่อว่าที่ประเทศไทยจะมีอาหารที่อร่อยขนาดนี้ได้นะเนี่ย~” หญิงสาวชาวญี่ปุ่นเพลิดเพลินไปกับการยัดอาหารกองโตที่อยู่ตรงหน้าเข้าปาก
(ณ ลานจอดรถของห้างสรรพสินค้า)
ปึง!
ไม่กี่นาทีหลังจากนั้นเสียงปิดประตูของรถจิ๊ปคันใหญ่ที่เพิ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถมีชายต่างอายุสามคนเดินลงมา
“โธ่เอ๊ยตาแก่ ที่หลังก็ขับรถให้มันนิ่มๆหน่อยซี่ ปวดตูดไปหมดล่ะเนี่ยแล้วนี่พวกเราจะมาทำอะไรที่นี่ล่ะตาแก่? ของกินหลังรถก็มีอยู่เยอะแล้วนะ” ชาไทยบ่นก่อนจะถามขึ้น
“เอ้า นี่ข้ายังไม่ได้บอกเอ็งหรอฟะ ว่ามีนักเรียนอีกคนที่พวกข้าต้องมารับอยู่น่ะ” ชายแก่ฮิปปี้ที่ทำท่าทางไม่รู้สึกรู้สาอะไรตอบกลับไป
“ข้าว่าเราคงต้องรีบกันแล้วนะอาจารย์ใหญ่เพราะแค่มาถึงก็ต้อนรับกันขนาดนี้เลย” ไกรเอ่ยขึ้นเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังงานชั่วร้ายที่อึมครึมขนาดใหญ่บางอย่างภายในห้างสรรพสินค้า
ไม่ทันที่พวกเขาจะได้เข้าไปข้างในของห้าง ขณะนี้ก็กำลังเกิดเสียงดังฟังไม่เป็นศัพท์ขึ้นทุกจุดทั่วบริเวณภายในห้าง กลุ่มฝูงชนพุ่งกรูกันออกมาอย่างตื่นตระหนกวุ่นวาย
“ขอทางหน่อยครับ ช่วยแหวกทางด้วยครับ!”
“หนีเร็วเข้า!”
“อย่าบังสิย๊ะไอ้หมูตอนนี่!”
“หลบโว้ยๆ อย่ามาขวางทางซิโว้ยยย”
กลุ่มชายหญิงหลายสิบคนตะโกนเสียงดังโหวกเหวกวิ่งหนีออกมากันอย่างจ้าละหวั่นสวนทางกับทั้งสามคนทำให้ต้องผลักต้องดันทุลักทุเลเพื่อจะแหวกกลุ่มฝูงชนเพื่อจะเข้าไปข้างใน
จิ๊บ จิ๊บ จิ๊บ แกว๊ก แกว๊ก!
เจี๊ยวจ๊าว กรี๊ดกร๊าด!
ภายในห้างจู่ๆก็มีเสียงนกร้องกันเจี๊ยวจ๊าวดังสนั่นควบคู่ไปกับเสียงกรีดร้องโวยวายของผู้คนพร้อมกับฝูงนกที่บินไปมานับพันๆตัว สร้างความแตกตื่นให้แก่ผู้ที่เดินไปเดินมารวมไปถึงตัวหญิงสาวชาวญี่ปุ่นด้วย ทั้งเสียงที่แสบแก้วหูและขี้นกที่พร้อมจะตกใส่ศีรษะของผู้ที่ดวงซวยได้ทุกเมื่อ
“ย๊าก ถะ ถอยไปก่อนเซ่ผมต้องเข้าไปข้างในนะ” ชาไทยเบียดตัวเข้ามาจนสามารถเข้ามาภายในห้างได้สำเร็จ
“แฮ่ก แฮ่ก กว่าจะเข้ามาได้ ไม่เกรงใจคนแก่กันบ้างเลยหรือยังไงคนหนุ่มสาวสมัยนี้ หือ? แล้วนั่นมันนกบ้าอะไรทำไมดูประหลาดคุ้นๆจังฟะ”
เมื่อทั้งสามเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าได้แล้ว ชายแก่ฮิปปี้ก็บ่นขึ้นพร้อมกับแหงนหน้ามองนกประหลาดขนสีเขียวขนาดใหญ่พอๆกับผู้ชายชาวตะวันตกที่ตัวโตเต็มวัยสวมสร้อยคอเครื่องประดับระยิบระยับเป็นประกายแพรวพราวมากมายเอาไว้
“นั่นสินะตัวใหญ่กว่าข้าตั้งเท่าตัวเลยนะเจ้านกยักษ์นั่นดูท่าคงจะไม่ใช่ภูตผีธรรมดาซะแล้วล่ะมั้ง” ไกรแหงนมองขึ้นไปด้านบนพร้อมกับวิเคราะห์สถานการณ์
“ฮะ?! ไหนๆ? มันอยู่ไหนกันล่ะไอ้นกตัวบักเอ๊บที่ว่านั่นนะ” ชาไทยพูดถามขึ้นเพราะไม่ว่าจะกวาดสายตามองยังไงก็ไม่พบนกยักษ์ที่มีลักษณะดังกล่าวเห็นเพียงฝูงนกมากมายบินส่งเสียงแสบแก้วหูไปทั่วทั้งห้าง อีกทั้งยังจิกกินอาหารในร้านค้าจนเสียหายอีกด้วย
ขวับ ขวับ
“หึ ก็เพราะว่าเจ้ายังไม่ได้ทำพิธีเบิกเนตรยังไงละเจ้าถึงไม่สามารถมองเห็นภูตผี ปีศาจ หรือสิ่งมีชีวิตจากต่างภพได้ด้วยตาเปล่า” ไกรกล่าวบอก พร้อมกับสีหน้าของชายหนุ่มที่กำลังทำท่าครุ่นคิดกับสิ่งที่ได้ยิน
“เบิกนงเบิกเนตรอะไรกันล่ะไอยักษ์นั่น! ที่พังร้านของแม่ผมไง ผมเห็นนะ ลูกค้าคนอื่นก็เห็นถึงได้วุ่นวายกันขนาดนั้นไงแต่นี่แค่นกหรืออะไรสักอย่างทำไมผมถึงมองไม่เห็นซะได้ละ” ชาไทยสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า
“แค่เรื่องธรรมดาๆ พื้นฐานๆ ก็เพราะว่านั่นมันกรณีพิเศษไว้ไปถึงสถาบันแล้วจะบอกให้แล้วกัน ยังไงมันก็มีในบทเรียนที่จะต้องสอนอยู่แล้ว” เมื่อได้ยินคำตอบกลับ ชาไทยกลับยิ่งสงสัยขึ้นไปอีกและเริ่มเอะใจแล้วว่ามหาลัยที่ตนกำลังจะไปศึกษานั้นสอนเกี่ยวกับอะไรกันแน่ ทำไมถึงมีเรื่องพรรค์นั้นอยู่ในบทสอนด้วย
“เอาละ! ตอนนี้คงไม่มีเวลามาอธิบาย งั้นก็…ข้าจะใช้วิธีโบราณแบบบ้านๆก็แล้วกันจะได้ไม่เสียเวลา” แผล็บ แผล็บ ไกรชายท้วมใช้นิ้วกลางและนิ้วชี้ทั้งสองอมไว้ในปากพร้อมกับท่องบทสวดอะไรสักอย่างสั้นๆ ก่อนจะนำออกมาป้ายไปที่บริเวณเปลือกตาทั้งสองข้างของชายหนุ่ม
ปืด- ปืด-
“เห้ย! แหวะ! ทำอะไรเนี่ย!” ชาไทยใช้มือทั้งสองข้างของตนลูบปัดเช็ดน้ำลายออกอย่างรุนแรงจนหน้าแดงก่ำ
ชาไทยที่กำลังถูใบหน้าอยู่ค่อยๆลดมือลงหลังจากได้ยินเสียงบางอย่างที่กำลังสอดแทรกเข้ามาในโสตประสาทของตน
แกว๊ก แกว๊ก!
“ข้า!…ท่านสดายุผู้นี้จะทำให้สถานที่แห่งนี้เป็นอาณาจักรของข้า! ถึงเวลาที่มนุษย์อย่างพวกเจ้าจะต้องรับใช้ข้าแล้ว ฮ่า! ฮ่า!” นกประหลาดสีเขียวมรกตขานลั่นถึงเจตจำนงอันร้อนแรงของตน
จากนั้นนกยักษ์ประหลาดจึงพุ่งบินโฉบเข้าใส่ผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่ ทำให้เกิดคลื่นลมอัดกระแทกใส่ผู้คนที่อยู่ภายในรัศมีสายลมจนกระเด็นกระดอนไปตามพื้น
“อ๊ากกก ลมบ้าอะไรวะเนี่ย”
“เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ลมแรงขนาดนี้มันมาจากไหนกันฟะ หนีเร็ว!”
“ช่วยด้วยค่า ช่วยด้วยค่า ใครก็ได้ช่วยด้วย!”
อุแง้ อุแง้!
เสียงของแม่ลูกอ่อนกำลังโอบกอดลูกน้อยที่ร้องไห้เสียงดังของตนเอาไว้ในอ้อมแขนอยู่ ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือเพราะขาแพลงทำให้หกล้มจนลุกเดินต่อไม่ไหว
อีกทั้งยังมีลมรุนแรงปริศนาคอยก่อกวนทำให้ต้องพะวงกับเสาหินขนาดใหญ่ใกล้เคียงที่ค่อยๆแตกร้าวพร้อมที่จะหักโค่นลงไปยังทิศทางที่แม่ลูกอ่อนร้องขอความช่วยเหลืออยู่ทุกเมื่อ
“ย๊าาา หน่านิ้ ของกินของฉ้านน ไม่น๊า!”
“หน็อย นี่! เจ้านกบ้าออกมาทีไรก็เอาแต่หาเรื่องปวดหัวให้ได้ตลอดเลยนะ ดูสิวุ่นวายกันทั้งห้างแล้วนะ!”
“หยุดซะสดายุ เจ้านกบ้าเบียวฮีโร่! ลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ”
หญิงสาววัยรุ่นชาวญี่ปุ่นที่กำลังโมโหกำมือแน่นด้วยความโกรธพร้อมกับตะโกนรัวคำด่าออกมาอย่างไม่พอใจผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูน่ารักของเธอ ก่อนจะด่าสั่งสอนนกประหลาดที่กำลังบินโฉบไปมาสร้างความวุ่นวายไปทั่วอยู่
“กรู้วววว เคี๊ยก ฮ่า ฮ่า ฮ่า เจ้าอีกแล้วรึแม่หนูวายร้ายจอมเขมือบ คราวนี้ล่ะเจ้าไม่มีทางกักขังข้าไว้ได้แน่” ทั้งสองตะโกนโต้ตอบกันแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครยอมใครเสียที
“หน็อยไอ้นกบ้านี่!”
“พอแค่นี้ล่ะ เอาไปกินซะ พายุไซโคลนราชันย์หิมพานต์โหมกระหน่ำ!” นกสดายุเปล่งคำอาคมยาวเหยียดออกมาแล้วทำการกระพือปีกไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องจนเกิดเป็นพายุหมุนรุนแรงพัดไปทางสาวชาวญี่ปุ่น
แรงลมที่โหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องส่งผลให้เสาหินที่แตกร้าวอยู่ก่อนหน้าหักโค่นเอนเอียงลงมาใส่สองแม่ลูกที่ล้มพับอยู่…
“ชะ ช่วยด้วยยย…!? กรี๊ดดด” แม่ลูกอ่อนหลับตาลงตะโกนขอความช่วยเหลือเป็นครั้งสุดท้ายเพราะคิดว่าตนและลูกน้อยคงไม่รอดจากการถูกเสาหินหล่นทับแน่
กรี๊ดดด!!
ตึง!
แต่เธอก็ต้องแปลกใจเพราะเสาหินขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้ากลับหยุดนิ่งอยู่กับที่แทบจะสัมผัสกับหน้าผากของเธอได้ เธอจ้องมองเสาหินด้วยอาการช็อกก่อนที่เสาหินนั้นจะเกิดการสั่นระรัวเล็กน้อยและมีเสียงบางอย่างดังมาจากด้านหลังทำให้เธอได้สติอีกครั้ง
กึก กึก กึก
“ระ ระ…เร็วขะ…เข้า อะ…ออกไป รีบๆออกไปเร็วๆเข้า!” เมื่อเธอหันกลับไปมองที่มาของเสียงก็พบเข้ากับชายหนุ่มเสื้อขาวแขนยาวกางเกงขาสั้นสีดำหน้าแดงบิดเบียวดูทรมานสั่นระริกๆกำลังใช้แขนทั้งสองข้างยกค้ำเสาหินเอาไว้เพื่อปกป้องเธอกับลูกน้อยอยู่
แม้แม่ลูกอ่อนจะพยายามตะเกียกตะกายออกไปยังไงก็ไม่มีท่าทีว่าจะหลบออกไปจากรัศมีของเสาหินได้เพราะด้วยขาที่บาดเจ็บและแรงลมที่ถูกพัดมาอย่างต่อเนื่องทำให้เคลื่อนตัวได้ลำบาก
“อะไรเนี่ย!? ร้อนๆ!” ชาไทยรู้สึกได้ถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากแขนทั้งสองข้างของตน
ชาไทยที่มีใบหน้าทรมานไม่สู้ดีจากการแบกรับเสาหินขนาดใหญ่อยู่ก็เริ่มมีไอความร้อนสีแดงจางๆ ไหลพวยพุ่งออกมาจากตัวทำให้ผิวหนังเริ่มมีแผลไฟไหม้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
มัดกล้ามเนื้อเริ่มขยายใหญ่ขึ้นและรู้สึกว่าพละกำลังก็จะเพิ่มขึ้นด้วย เมื่อรู้ดังนั้นเขาจึงรวบรวมพละกำลังทั้งหมดเพื่อขว้างเสาหินขนาดมหึมาออกไปในที่ที่ไม่มีใครอยู่
“ย๊ากกก” ตู้มมม!
เสาหินที่ถูกขว้างออกไปแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี ส่วนหนุ่มผมแดงก็หงายหลังล้มลงไปนอนหอบหมดแรงลงกับพื้นทันทีที่ช่วยทั้งสองแม่ลูกเอาไว้ได้อย่างเฉียดฉิว อุณหภูมิร่างกายก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติและแผลจากความร้อนแม้จะหายไปแทบจะทันทีแต่ก็ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
โงนเงน โงนเงน …ตุบ!
“ฮึบย๊ะ ฮึบ! ฮึบ!” ชายท้วมใช้แท่งเหล็กที่ประดับตกแต่งอยู่ข้างๆ มาใช้เป็นกระบองเพื่อปัดเศษหินที่ลอยมากับลมพายุออกไปให้พ้นทาง
“อาจารย์ใหญ่! ข้าว่าท่านควรหยุดเอ้อระเหยแล้วจัดการได้แล้วนะ” ส่วนทางด้านไกรชายท้วมหัวสิงโตที่วิ่งไปมากำลังปัดป้องเศษซากอุปกรณ์ต่างๆ ที่พัดมากับลมพายุอย่างไม่หยุดหย่อนพร้อมทั้งช่วยเหลือผู้คนที่หกล้มบาดเจ็บไปด้วยกล่าวขึ้น
“ซู้ดดด อาา~ เออๆ ข้าก็กำลังกางอาคมพื้นที่อยู่นี่เจ้าไม่เห็นหรือไง ง่ำ ง่ำ” ชายแก่ฮิปปี้ร่างผอมที่กำลังนั่งดูดน้ำอัดลมกลิ่นสตรอว์เบอร์รี่และกินขนมมันฝรั่งทอดไปด้วยอย่างสบายใจเฉิบบ่นออกมาอย่างไม่ทุกข์ร้อน ก่อนจะลุกขึ้นมายืดเส้นบิดขี้เกียจ
กรอบแกรบ
‘…เลิกทำเป็นเล่นสักทีเถอะหน่าตาแก่ขี้เกียจ’ ชายท้วมได้แต่มองบน พึมพำกับตัวเองเบาๆ ในลำคอ
“ฮึบ ฮึบ เฮ้อ~แม้เจ้าจะมีพลังมากมายสักแค่ไหนหรือมีอำนาจมากเหลือล้นเพียงใดเมื่อสัตว์จากโลกหิมพานต์อย่างเจ้าออกมาอยู่ในโลกมนุษย์แล้วพลังส่วนมากก็จะถูกผนึกไปด้วย…!” ชายแก่พูดขึ้นก่อนจะเปล่งคำอาคมออกมา
“อิน!”
ผลุบ! ผลุบ! ผลุบ! ผลุบ!
ทันทีที่เปล่งอาคมโซ่แสงทั้งสี่เส้นก็ทะลุพื้นคอนกรีตพุ่งขึ้นมาพันธนาการร่างของนกสดายุเอาไว้แม้นกเขียวประหลาดจะตกใจและพยายามดิ้นให้หลุดแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลุดออกได้
ผึบผับ ผึบผับ
“อ๊ากกก! โซ่บ้าอะไรวะเนี่ย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะโว้ย”
“อ๊ากกก! แกว๊กกก เอาไปกินซะ! พายุไซโคลนราชันย์หิมพานต์โหมกระหน่ำ! พายุไซโคลนราชันย์หิมพานต์โหมกระหน่ำ!”
นกสดายุร้องโหวกเหวกกระพือปีกไปมาอย่างบ้าคลั่งแม้จะไม่สามารถใช้อาคมออกมาได้อีกครั้งก็ตาม ขนนกสีเขียวมรกตหลุดออกจนฟุ้งกระจายไปทั่วจากแรงปีกที่มหาศาล จากนั้นเสาลำแสงขนาดใหญ่ก็พุ่งลงมาทะลุกลางหลังของนกยักษ์มรกต
แกว๊กกก!
ตุบ!
นกยักษ์สีเขียวมรกตสิ้นฤทธิ์ร่วงหล่นลงสู่พื้นกระเบื้องจนแตกร้าว ทำให้สาวชาวญี่ปุ่นรีบวิ่งเข้าไปใกล้แล้วนำกำไลข้อมือสีขาวนวลที่ทำมาจากงาช้างไปแตะที่บริเวณหัวของสดายุ ภายในเสี้ยววินาทีร่างทั้งร่างของสดายุก็ถูกดูดเข้าไปอยู่ภายในกำไลงาช้าง
วู้บบบ! วับ!
เหล่าฝูงนกเล็กนกน้อยนานาพันธุ์ที่กำลังร้องเจี๊ยวจ๊าวบินตะเหลิดเติดเติงไปมาภายในห้างก็สลายหายกลายเป็นฝุ่นผงไป
เหตุการณ์วุ่นวายทั้งหมดจบลงด้วยดีแม้ความเสียหายที่เกิดจากนกยักษ์จะถูกแก้ไขกลับคืนด้วยอาคมพื้นที่ของชายแก่แต่ก็ยังคงหลงเหลือความเสียหายบางส่วนจากผลของเหตุการณ์ก่อนหน้าอยู่ดี ส่วนความจำของผู้คนมากมายในเหตุการณ์ที่หนีออกไปก่อนหน้าคงเป็นเรื่องที่ช่วยอะไรไม่ได้
“อาริกาโตะโกวไซมะชิตะ~ ขอบคุณค่ะที่ช่วยหยุดเจ้าบ้านั่นให้นะคะ” สาวชาวญี่ปุ่นโค้งตัวแสดงความขอบคุณตรงหน้าชายแก่
“ฮี่ ฮี่ ฮี่ ไม่เป็นไรๆ แค่เรื่องสงบลงก็พอแล้ว เอ็งน่ะคงจะเป็น ฮารุ นักเรียนจากประเทศญี่ปุ่นที่ถูกทำเรื่องส่งมาให้เข้าเรียนที่สถาบันหมื่นปทุมสินะ” ชายแก่ถามกลับ
“ใช่ค่ะ แต่ก็…ต้องขอโทษอีกครั้งกับเรื่องเมื่อสักครู่ด้วยนะคะ” ฮารุตอบกลับพร้อมโค้งตัวกล่าวขอโทษ
“ข้าว่าเราควรรีบไปกันดีกว่า เสียเวลากับเรื่องเมื่อกี้นี้ไปไม่ใช่น้อย” ไกรชายร่างโตในชุดนอนมาสคอตจระเข้เดินเข้ามาหาทั้งสองพูดแทรกขึ้นขณะที่กำลังแบกร่างของชาไทยหนุ่มผมแดงไว้บนบ่า
“แหม่~พูดอะไรอย่างนั้นกันละอาจารย์ไกร ที่นี่ทั้งอาหาร ทั้งขนมหรือน้ำอัดลมเพียบเลยน้า~ เดินไปหยิบสักอย่างสองอย่างคงไม่เป็นไรหรอกหน่า ถือว่าเป็นค่าตอบแทนจากเรื่องเมื่อครู่ก็แล้วกัน”
ชายแก่ฮิปปี้ทำมือไม่เห็นด้วยก่อนจะเดินไปหยิบขนมและน้ำอัดลมตามร้านค้าที่ไม่มีพนักงานขายเฝ้าอยู่อย่างเพลิดเพลิน
“เห๋~ดูของกินตรงนี้ ตรงนั้น ตรงโน้นสิคะเต็มไปหมดเลย แล้วก็เพราะเจ้านกบ้านั่นของกินที่อุตส่าห์ถือมาถึงได้ตกลงพื้นเละเทะไปหมด” ฮารุน้ำลายไหลเมื่อเห็นของกินดูน่าอร่อยตรงหน้า
ไม่ทันขาดคำสาวสวยชาวญี่ปุ่นก็เดินยิ้มร่าตามชายแก่ฮิปปี้ไปติดๆ
“สะ…ส่วนผมขอแค่ไก่ทอดเจ้าดังตรงโน้นก็แล้วกันครับ” ชาไทยเงยหน้าขึ้นพูดอย่างหมดแรงพร้อมกับชี้นิ้วไปทางที่ตั้งของร้านไก่ทอดชื่อดังป้ายสีแดงขณะที่กำลังถูกอุ้มพาดบนบ่ากว้างของ ไกร ชายร่างท้วมอยู่
“เฮ้อ~” ไกรถอนหายใจได้แต่เอือมระอายืนมองทั้งสองคนแวะเข้าร้านนู้นแวะเข้าร้านนี้ไปมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุดง่ายๆ จึงเดินไปหาที่นั่งเงียบๆ เพื่อพักผ่อนอย่างเลือกไม่ได้
เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงบ่าย 3 โมงเย็น (15:00 น.)
บรึ้นนน บรึ้นนน
ได้เวลาล้อหมุนแล้ว…ในที่สุดรถจิ๊ปสีเทาอมน้ำเงินคันใหญ่ก็ได้เคลื่อนตัวออกเสียทีหลังจากการถะเหลถะไหลมาทั้งวัน ทั้งสี่คนบนรถโดยมีไกรชายผมฟูหัวสิงโตเป็นคนขับ ชายแก่ฮิปปี้ฮัมเพลงเบาๆพร้อมกับเคาะรถไปด้วย ส่วนอีกสองหนุ่มสาวก็ผล็อยหลับไปเพราะความเหนื่อยล้าตรงที่นั่งผู้โดยสารด้านหลัง