ตอนที่ 6 ฝึกต่อสู้ไม่คาดคิด
(เช้าวันรุ่งขึ้น)
ก๊อก ก๊อก
“เอาล่ะตื่นหรือยังนักเรียนใหม่” เสียงของกิ่งแก้วดังขึ้นอยู่หน้าประตูของหนุ่มผมแดง
เช้าวันรุ่งขึ้นอาจารย์กิ่งแก้วที่แต่งตัวในชุดกระโปรงยาวสีแดงสดทั้งชุดพร้อมกับหมวกหนังปีกกว้างสีเดียวกับชุด ใบหน้ายิ้มแย้มมารับชาไทยถึงหน้าห้องรวมถึงฮารุที่เดินตามมาอยู่ข้างหลังด้วย
เมื่อคืนชาไทยนอนแทบจะไม่ได้นอนเพราะเสียงรบกวนจากภายในจิตใจและเพื่อนข้างห้องทำให้หลับๆ ตื่นๆ โดยสถาบันแห่งนี้ไม่มีเครื่องแบบที่ตายตัวหรือเฉพาะเจาะจงทำให้สามารถใส่ชุดอย่างไรก็ได้เว้นเสียแต่ชุดของนักศึกษาที่ใช้ในการออกปฏิบัติภารกิจภายนอกโรงเรียน
แอ๊ด~
“สะ สวัสดีครับ” ชาไทยที่มีถุงใต้ตาบวมคล้ำเด่นชัดกล่าวทักทายด้วยท่าทางอ่อนเพลียเพราะแทบจะไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน
ชาไทยสังเกตเห็นก้อนเมฆใบหน้ายักษ์สีเหลืองถูกมัดห้อยต่องแต่งไปมาบริเวณเอวของกิ่งแก้วทำให้รู้แน่ชัดแล้วว่าเมฆจิ๋วก้อนนั้นคงจะถูกทรมานยิ่งกว่าเสียงที่ส่งผ่านมายังจิตใจของตนเสียอีก
จากนั้นกิ่งแก้วจึงพานักเรียนใหม่ทั้งคู่เข้ามาในชั้นเรียนที่ดูไม่ได้ใหญ่มากแต่ก็ดูโล่งและสบายตาด้วยการตกแต่งที่วิจิตรละเอียดอ่อน
ภายในห้องมีเพื่อนนักเรียนร่วมชั้นอีก 5 คนกำลังนั่งรอพวกเขาอยู่ อาจารย์กิ่งแก้วให้ทั้งสองหนุ่มสาวกล่าวแนะนำตัวเองรวมถึงความสามารถและประสบการณ์หน้าชั้นเรียน
เริ่มด้วย ฮารุ เธอเป็นสาวสวยชาวญี่ปุ่นอายุ 18 ปี เพราะว่าพ่อของเธอเป็นองเมียวจิสายควบคุมจากตระกูลชื่อดังแห่งประเทศญี่ปุ่น เขาได้แต่งงานกับภรรยาชาวไทยที่มีความสามารถด้านการอัญเชิญสัตว์ป่าตัวเล็กๆได้
ส่งผลทำให้ตัวของฮารุได้รับสายเลือดของผู้อัญเชิญทั้งสองทำให้สามารถอัญเชิญสิ่งมีชีวิตจากต่างภพออกมารับใช้ได้แต่เธอกลับถูกผูกมัดโดยกำไลงาช้างที่ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างภพมนุษย์กับภพหิมพานต์ ทำให้เธอไม่สามารถใช้วิชาอาคมแบบเดียวกับผู้เป็นพ่อได้ด้วยข้อบังคับบางอย่างและด้วยการที่พ่อกับแม่ของเธอก็ไม่ได้มีความรู้ในด้านสิ่งมีชีวิตในมิติหิมพานต์มากนัก ทำให้ต้องทำเรื่องเพื่อส่งตัวเธอมาเรียนที่สถาบันหมื่นปทุมแห่งนี้
“อืม~ดีจริงๆ ที่มีเพื่อนใหม่แถมยังเป็นชาวต่างชาติมาเรียนกับพวกเราด้วย” หนุ่มหน้าหล่อผมดำแสกกลางกล่าวต้อนรับ
“ว้าว เธอดูเหมือนไอดอลเลยแฮะ หวังว่าพวกเราจะสนิทกันได้นะ” นักเรียนหญิงผมสีขาวกระเซอะกระเซิง หน้าตาดูมาดแมนเล็กน้อย มีรูปร่างที่ดูอวบๆ มีน้ำมีนวลกล่าวขึ้นทักทาย
แปะ แปะ แปะ
เสียงปรบมือส่งท้ายให้แก่การแนะนำตัวของสาวญี่ปุ่น ต่อมาก็คือ ชาไทย เขาไม่รู้ว่าตัวเองมีความสามารถพิเศษอะไรจึงนิ่งเงียบไม่สามารถตอบออกได้ แต่เมื่อสายตาของเพื่อนๆ ในชั้นเรียนต่างจับจ้องเป็นประกายท่าทางอยากรู้อยากเห็นทำให้หนุ่มผมแดงไม่มีทางเลือก…
“เรามีชื่อว่า ชาไทย ถ้าถามถึงเรื่องความสามารถพิเศษก็คงตอบได้แค่ว่า ไม่รู้ เพราะว่าสิ่งที่เรียกว่า ผี ก็มองไม่เห็น อาคมก็ไม่รู้จักสักนิด …แต่ถ้าเป็นสิ่งที่มั่นใจว่าทำได้ดีก็คงจะเป็นเรื่องการชกมวยไทยละมั้ง” หนุ่มผมแดงกล่าวออกไปแม้ในใจจะรู้อยู่แล้วก็ตามว่าตั้งแต่ที่เริ่มขึ้นชกบนเวทีมวยไทยมืออาชีพมาก็ไม่เคยชนะใครได้เลยสักคน
กริบ
“…”
ทั้งห้องเงียบกริบไม่มีเสียงใดๆ ถูกเปล่งออกมา มีเพียงสายตาของเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่งุนงงสับสนในคำพูดของนักเรียนใหม่ผมแดง
“คิก คิก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้หมอนี่ตลกเป็นบ้า พูดออกมาได้ว่ามองไม่เห็นผี ถ้ามองไม่เห็นแล้วเอ็งเข้ามาเรียนที่สถาบันนี้ได้ยังไงกันล่ะวะ ไอลิงหัวเงาะ ฮ่า ฮ่า” นักเรียนชายผมชี้ตั้งสีส้ม ร่างใหญ่มีกล้ามบึกบึน ผิวสีแทน มีหางคล้ายเสือยาวออกมาใต้ก้นกบ สวมสร้อยคอเหล็กแวววาวพร้อมผ้ารัดแขนสีดำทั้งสองข้าง ใส่เสื้อกล้ามคอเต่าสีดำกางเกงคาร์โก้สีเขียวเข้มทหารพูดจาถากถางขึ้น
“…ไอ้เวรสมองกล้ามหน้าโง่เอ๊ยเดี๋ยวพ่อจะเตะให้ปลิวร้องไห้กลับไปดูดนมแม่ไม่ทันเลย” ชาไทยคิ้วกระตุก พ่นคำหยาบคายอยู่ภายในใจแต่ดูเหมือนว่าจะคิดดังเกินไปเสียหน่อยจนเผลอหลุดปากพูดออกมา
หือ!? กรรร
“เอ็งกล้าเยาะเย้ยข้างั้นหรอวะไอ้นี่ คิดว่าเป็นเด็กใหม่แล้วเจ๋งงั้นหรอวะไอ้เวร มาเจอกับข้าสักตั้งหน่อยเป็นไงไอ้เบื้อกเอ๊ย!” หนุ่มผมส้มขึ้นเสียงพูดจาท้าทายหลังจากที่ตัวเขาเป็นคนเปิดประเด็นก่อนแท้ๆ
ชายผมตั้งสีส้มลุกขึ้นจากที่นั่งด้วยความฉุนเฉียวเพราะมั่นใจว่าในห้องนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้ถึงพลังอันน่าเกรงขามของตนจึงแต่งตั้งตนเองเป็นหัวโจกของห้องพร้อมกับสาวเท้าเดินเข้ามาหานักเรียนใหม่ผมแดงเพื่อจะสั่งสอนว่ากำลังเล่นผิดคนแล้ว
“หยุดได้แล้ว นิว ก่อนที่นายจะทำให้บรรยากาศในห้องแย่ลงกว่านี้” ผู้ที่เอ่ยปากขึ้นคือ ยาหยี นักเรียนหญิงร่างดูดีสมวัย หน้าตาสวยคมใส่แว่นตากลมโต มีผมหน้าม้าและปล่อยผมด้านหลังยาวสีดำเงางาม เธอใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวสะอาดสะอ้านและกระโปรงยาวสีดำอมม่วงเกือบถึงข้อเท้า
“เงียบไปซะถ้าเอ็งไม่อยากโดนไปด้วยอีกคนยัยแว่น” ชายหนุ่มผมตั้งสีส้มผิวแทนมีดวงตาที่เปลี่ยนแปลงไปคล้ายกับสัตว์ร้ายยังคงฉุนเฉียวกับคำพูดเมื่อครู่
ครืด
“เห้อ~ เอาล่ะ! ไหนๆ ก็เลยเวลาจนถึงคาบเรียนวิชาการต่อสู้ของข้าแล้ว ถ้าพวกเจ้าอยากมีเรื่องกันมากขนาดนั้น งั้นคาบนี้ข้าจะเปลี่ยนเป็นการฝึกทักษะการสู้กันตัวต่อตัว” อาจารย์ไกรในชุดนอนมาสคอตจระเข้ที่เปิดประตูเข้ามากล่าวขึ้นเมื่อได้ยินเสียงทะเลาะกัน พร้อมกับนำพานักเรียนในชั้นเรียนลงมาเตรียมความพร้อมที่สนามฝึกซ้อมด้านล่าง
“โธ่นี่มันเพิ่งจะเปิดเทอมเองน๊าอาจารย์ ใครมันจะไปมีอารมณ์เรียนต่อสู้กันเล่า” สาวผมขาวโอดครวญ
“เยี่ยม! นี่แหละมันต้องให้ได้อย่างงี้เตรียมตัวโดนอัดซะไอ้เด็กใหม่” หนุ่มผมตั้งสีส้มผิวแทนลุกขึ้นพรวดอย่างออกหน้า
‘หึ จริงๆ ก็แค่ขี้เกียจสอนสิไม่ว่า’ กิ่งแก้วกล่าวขึ้นมาในใจเมื่อเห็นท่าทางอันแสนขี้เกียจและคงคิดจะเล่นสนุกเฉยๆ ของไกร
“ถ้าท่านว่างอยู่ก็มาดูการฝึกต่อสู้ในคาบเรียนของข้าได้นะอาจารย์กิ่งแก้ว” ไกรกล่าวชักชวน
‘ชะ ฉิบหายแล้วไง’ เมฆจิ๋วสีเหลืองที่ห้อยต่องแต่งอยู่รู้สึกได้ถึงความซวยที่กำลังจะมาถึงเพราะไม่มีทางเลยที่มนุษย์หัวแดงบื้อนั่นจะไปชนะผู้ใช้อาคมได้โดยที่เมฆจิ๋วยังคงถูกพันธนาการไว้อยู่อย่างนี้
แม้จะมีเสียงโอดครวญไม่เห็นด้วยจากเหล่าเด็กนักเรียนที่เหลือแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อคำสั่งคือคำสั่ง บ่นไปก็มีแต่เปลืองแรงปล่าวๆ
(ลานฝึกซ้อมด้านล่างคฤหาสน์)
ตึก ตึก ตึก
“เอ้าๆ ครั้งนี้จะเป็นการฝึกสู้ตัวต่อตัวระหว่าง นิว กับ นักเรียนใหม่ ชาไทย หากใครทำให้อีกฝ่ายหมดสภาพจนเข่าทั้งสองข้างแตะลงพื้นได้ก่อนจะได้รับชัยชนะไป พวกเจ้าสามารถยอมแพ้ได้ทุกเมื่อแต่ข้าขอเตือนไว้ก่อนนะว่าหากใครแพ้จะติดศูนย์วิชาของข้า เริ่ม!” อาจารย์ไกรกล่าวถึงกฎกติกาก่อนจะประกาศเริ่มการฝึกต่อสู้อย่างไม่ทันตั้งตัว
“หือ!?” ชาไทยยังไม่ได้ตั้งตัวเตรียมความพร้อมอะไรเลย สัญญาณจากไกรก็ดังขึ้นสียแล้ว
“ก๊าก ฮ่า ฮ่า ข้าไม่สนเรื่องจิ๊บจ๊อยพรรค์นั้นหรอกเฟ้ยเพราะคนที่จะติดศูนย์ต้องไม่ใช่ข้าอยู่แล้ว ย๊ากกก” ชายผมตั้งสีส้มงอกกรงเล็บอันแหลมคมออกมาจากนิ้วมือทั้งสิบนิ้วและโชว์เขี้ยวในปากแล้วทำการพุ่งเข้าใส่หนุ่มผมแดงอย่างรวดเร็วด้วยร่างกายที่มีแต่กล้ามเนื้อ
ย๊ากกก
“ชิ พอดูดีๆ แล้วหน้าตาไอ้พวกรุ่นเยาว์พวกนี้ก็อ้อนบาทาชะมัด” เมฆจิ๋วสีเหลืองกล่าวออกมาแม้สภาพของตนเองในตอนนี้จะเป็นเพียงแค่ก้อนเมฆเล็กๆ ก็ตาม
“ว่าแต่ตัวเธอจะไม่เป็นไรจริงๆ งั้นหรอ? ทำไมถึงไม่ห้ามเจ้าอ้วนแผงคอสิงโตนั่นล่ะ ไอ้เจ้าหนูมนุษย์ผมแดงนั่นคงจะโดนเจ้าลูกแมวน้อยหน้าโง่อัดจนเละซี้แหงแก๋เป็นแน่”
สาตาคิรยักษ์ ก้อนเมฆจิ๋วสีเหลืองที่มีลักษณะเป็นใบหน้าของยักษ์เอ่ยขึ้นด้วยความเป็นกังวลโดยที่รู้อยู่แล้วว่ามนุษย์ธรรมดาคงไม่มีทางต่อกรกับเสือสมิงได้แน่ขณะที่ยังคงโดนมัดห้อยโตงเตงอยู่ที่เอวของหญิงผมขาวร่างสูง
“หือ? อะไรงั้นหรือ ก็แค่พวกเด็กๆบ้าพลังที่ขยับเนื้อขยับตัวเรียกเหงื่อกันเองหนิ ไม่เห็นมีอะไรน่าเป็นห่วงเลย” กิ่งแก้วที่นั่งดูทั้งสองกำลังต่อสู้กันอยู่ข้างสนามตอบกลับก้อนเมฆจิ๋วสีเหลือง
ผัวะ ผัวะ ฉึก ฉึก
“เอ้าๆ ตอบโต้ข้ามาให้ได้สักหมัดสิฟะเป็นแค่ผู้ถูกล่าแท้ๆแต่กลับมาปากดีใส่ข้าซะได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า” ชายหนุ่มหางเสือผมส้มรัวกรงเล็บใส่หนุ่มผมแดงไม่ยั้ง
‘อั๊ก เล็บของไอ้หัวส้มนี่คมอย่างกับโดนมีดกรีดเลยแฮะ’ ชาไทยได้แต่ตั้งรับ
ชาไทยถูกไล่ต้อนตั้งแต่เริ่มจนเริ่มมีบาดแผลขีดข่วนปรากฏขึ้นเพราะไม่สามารถสู้กับพลังและกรงเล็บอันทรงพลังของหนุ่มหางเสือผมตั้งสีส้มได้ ทำให้ต้องถอยหนีไปเรื่อยๆไม่มีโอกาสได้สวนกลับสักครั้งเดียว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปชาไทยคงจะต้องพ่ายแพ้โดยที่ยังไม่มีโอกาสได้โต้ตอบคืนกลับไปสักหมัดเดียวเป็นแน่
“อะไรกันๆ ไม่เห็นเก่งเหมือนที่ปากพูดเลยนี่หว่าแค่นี้ยังเรียกเหงื่อให้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มหางเสือผมส้มเริ่มได้ใจรัวหมัดและสาวกรงเล็บเข้าข่วนใส่เด็กใหม่จนเกิดแผลบริเวณแขนทั้งสองข้าง
“อึ่ก! เวรเอ๊ย” ชาไทยสบทออกมาแม้เขาจะสวนหมัดกลับไปแต่ก็ไม่โดนบุคคลตรงหน้าอยู่ดี
“เสร็จข้าล่ะไอ้หนอนแมลง กรรร!” ชายหางเสือใช้กรงเล็บข่วนเข้าใส่ใบหน้าและลำตัวของชาไทยอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ตุบ!
ชาไทยทรุดตัวลงเข่าแตะพื้นไปแล้วหนึ่งข้างเพราะผลจากบาดแผลที่เกิดขึ้นตามตัว ส่วนเข่าอีกข้างก็กำลังจะตกลงถึงพื้นในอีกไม่ช้า
“โธ่เว้ย ชักจะไม่สนุกแล้วนะโว้ย!” สาตาคิรยักษ์ที่ยังคงห้อยต่องแต่งร้อนรนเพราะทนเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นต่อไปไม่ได้เพราะรู้ตัวว่าหากมีอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของชายหนุ่มผมแดงตนเองจะซวยเอาได้และเมื่อวันๆนั้นมาถึงจริงตนคงจะโดนนายท่านของตนลงโทษเป็นแน่
“หึ ข้าจะปิดฉากล่ะนะ กรงเล็บสะบั้นเศียร!”
หนุ่มผมส้มตวัดกรงเล็บด้วยความเร็วจนมีพลังอานุภาพคล้ายใบมีดแหลมคมเล็งไปยังจุดที่เป็นเป้าหมายนั่นก็คือลำคอที่เปิดกว้างไร้ทางป้องกันของนักเรียนใหม่ผมแดงตรงหน้า
ฟู่~
‘…เอ๊ะ!?’ เมฆจิ๋วรับรู้ถึงบางอย่างที่ผิดแปลกไป
ก่อนที่กรงเล็บจะตัดสะบั้นผ่านลำคอของชายหนุ่ม ทันใดนั้นร่างกายของชาไทยเริ่มพองโตขึ้นพร้อมกับแผ่พลังงานไอความร้อนสีแดงออกมาตามร่างกาย ดวงตาเหลือกและขาวโพลนไร้สติ
วูบบบ ฟรึบ!
สาตาคิรยักษ์ที่ถูกมัดอยู่ตรงเอวก็ถูกดูดหายวับเข้าไปในร่างของชายหนุ่มผมแดงเช่นเดียวกันและตะบองทองคำก็ถูกอัญเชิญออกมาเพื่อป้องกันการโจมตีด้วยกรงเล็บสะบั้นเศียรของหนุ่มหางเสือผู้หยิ่งผยอง
เคล้ง! กึก กึก
“อะไรกัน! ป้องกันทักษะอาคมของข้าได้งั้นหรอวะ” ชายหนุ่มหางเสือไม่คิดไม่ฝันว่าจะถูกหนุ่มผมแดงแสนอ่อนแอปัดป้องการโจมตีของตนได้อย่างง่ายดาย
หนุ่มหางเสือแปลกใจที่การโจมตีด้วยทักษะพิเศษของตนกลับถูกปัดป้องออกไปได้ นักเรียนใหม่ผมแดงที่ตอนนี้มีออร่าพวยพุ่งออกมาน่ากลัวเข้าข่มภายในจิตใจของหนุ่มหางเสือ
รูปร่างและมัดกล้ามเนื้อที่เพิ่มขึ้นจนใกล้เคียงกับหนุ่มหางเสือ ร่างของชาไทยที่แผ่ออร่าน่ากลัวพุ่งเข้าใส่โดยใช้ไม้ตะบองทองคำฟาดกระแทกเข้าไปที่ใบหน้าของหนุ่มผมส้มอย่างจัง
ผลัวะ! …ตุบ!
“ไกรนี่สินะสิ่งที่เจ้าอยากให้ข้าเห็นน่ะ” กิ่งแก้วถามขึ้นและรู้ได้ทันทีว่าไกรกำลังคิดอะไรอยู่
“ใช่ และข้าก็อยากจะได้คำตอบจากท่านเช่นกันว่าพลังงานอาคมแบบนั้นคงจะไม่ใช่อย่างที่ข้าคิดใช่ไหม ท่านคงจะไม่ได้สั่งให้พวกข้าพาตัวเด็กนั่นมาโดยที่ไม่มีเหตุผลหรอกนะ” ไกรที่จ้องมองไปยังหนุ่มผมแดงกล่าวออกมา…
“…”
แค่การโจมตีสวนกลับไปเพียงครั้งเดียวก็ทำให้หนุ่มหางเสือผมส้มถูกฟาดถอยกระเด็นไปจนแทบจะคงสติเอาไว้ไม่อยู่ เข่าข้างหนึ่งทรุดลงกับพื้น เลือดกำเดาพุ่งไหลออกมาจากจมูกจากนั้นหนุ่มผมแดงที่อยู่ตรงหน้าก็ยกตะบองขึ้นสูงเหนือหัวด้วยแขนเพียงข้างเดียวหวังที่จะฟาดลงมาใส่หนุ่มหางเสือ
แผละ
“อั๊ก แค่ก แค่ก หน๊อยไอ้เวรเป็นแค่มือใหม่แท้ๆ แค่ก” ชายหนุ่มหางเสือที่คุกเข่าอยู่แหงนมองผู้ที่อยู่ตรงหน้า
หนุ่มหางเสือผิวแทนได้แต่มองไปยังร่างที่แผ่พลังงานอาคมน่ากลัวข้างหน้าตนเองและเมื่อรับรู้ได้ว่าตนเองคงจะไม่มีแรงพอที่จะสามารถยกแขนขึ้นมาเพื่อป้องกันการโจมตีที่จะมาถึงหรือแม้จะเคลื่อนตัวหนีออกจากรัศมีของตะบองทองคำก็ยังทำไม่ได้
ดังนั้นแม้เขาจะคับแค้นและไม่ชอบใจนักเรียนใหม่ยังไงก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว เขาปิดเปลือกตาลงพร้อมกับทำใจรอรับการโจมตีที่จะมาถึงแต่โดยดี…
ฝึบ!
“อั๊ก!?…แค่ก”
ทันใดนั้นไกรผู้ที่เป็นอาจารย์รับผิดชอบการเรียนของชั้นเรียนได้พุ่งเข้ามาใช้ฝ่ามือสับลงไปบนหลังคอของนักเรียนใหม่ผมแดงอย่างเฉียบคมแม่นยำ
“หือ!?”
การกระทำนั้นทำให้หนุ่มผมแดงถึงกับล้มทั้งยืนและหมดสติไป ร่างกายที่พองใหญ่กลับเล็กลงส่วนออร่าความร้อนน่ากลัวก็สลายหายไปเฉกเช่นเดียวกับครั้งก่อนๆ เพียงแต่ว่าครั้งนี้ตะบองทองคำที่ควรจะหายไปอย่างทุกทีกลับเปลี่ยนรูปร่างเป็นก้อนเมฆสีเหลืองดูนุ่มฟูขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยพร้อมกับปรากฏเป็นใบหน้างุนงงสับสนของ สาตาคิรยักษ์
‘อะ อะไรกัน แฮ่ก แฮ่ก นี่ข้าถูกเจ้ามนุษย์นี่บังคับเข้าร่างงั้นหรอ? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้หน่า! การหลอมรวมยังไม่เกิดขึ้นไม่ใช่หรือไงฟะ’ เมฆจิ๋วถึงกับพึมพำอย่างกระวนกระวายใจออกมาเพราะเขารู้อยู่แก่ใจว่าผู้ที่สามารถทำอย่างนั้นได้มีเพียงแค่นายท่านของเขาเพียงผู้เดียวเท่านั้น
ตุบ!
หนุ่มนักเรียนใหม่ผมแดงล้มลงกับพื้นจากการกระทำของไกรอาจารย์ร่างท้วมใหญ่ในชุดมาสคอตจระเข้ ทำให้ทุกคนที่มุงดูอยู่ต่างสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“ฟู่~ ฉิวเฉียดๆ เส้นยาแดงผ่าแปดเกือบกลายไปเป็นแมวทุบไปแล้วนะเจ้าน่ะ…นิวเอ๊ย” ไกรพูดขึ้นพร้อมกับหันตัวไปมองหน้าของ นิว หนุ่มหางเสือก่อนจะก้มลงไปตรวจร่างกายของหนุ่มผมแดงที่นอนหมดสติตรงหน้า
ส่วนหนุ่มผมส้มที่กำลังนั่งในท่าคุกเข่าด้วยอาการสั่นระริกเกิดความรู้สึกเแปลกๆบางอย่างที่ตนเองเพิ่งเคยสัมผัสอย่างบอกไม่ถูกเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมานั่นก็คือ เจตนาฆ่าจากผู้ที่อยู่เหนือกว่าตนเอง
ตั้งแต่เกิดมานิวไม่เคยรับรู้ความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนแม้สิ่งที่เขาได้รับการสั่งสอนมาเป็นสิ่งแรกจากพ่อแม่ก็คือ สัตว์นักล่าที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่ย่อมสามารถถูกสังหารได้ด้วยหนอนแมลงธรรมดาๆเพียงแค่ตัวเดียว
นิวได้หลงลืมคำสอนที่สำคัญที่สุดนี้ไปเมื่อเขาใช้ความโอหังและความหยิ่งผยองในพลังของตนเองในการเลือกทางเดินชีวิตของเขา ทำให้ตอนนี้เขารู้และตระหนักแล้วว่าทุกสิ่งย่อมมีสิ่งที่เหนือกว่าเสมอแม้สิ่งเหล่านั้นจะเคยมีสถานะเป็นเพียงแค่ผู้ถูกล่าก็ตาม…
ครืด ครืด
สายใยรากไม้จากชุดของอาจารย์กิ่งแก้วขยับเข้ารัดร่างของนักเรียนใหม่ผมแดงอย่างทะนุถนอมก่อนจะเคลื่อนตัวกลับไปหาเจ้าของเส้นใยแล้วคลายตัวออกเผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มนอนราบไร้สติบนพื้น
“อ้าวๆ ได้เวลาของเจ้าแล้วนะมาจัดการตรงนี้ให้หน่อยซิ รัมย์” อาจารย์กิ่งแก้วขานชื่อๆหนึ่งออกมา ทันใดนั้นก็มีนักเรียนชายตัวเล็กที่มีสูงประมาณ 150 เซนติเมตรปลายๆ มีผมดำด้านหยิกเป็นลอนถึงบ่า ผิวสีน้ำผึ้งหน้าตาเป็นกระเล็กน้อย มีรอยดำคล้ำใต้ดวงตาสีเขียวหม่นชัดเจน สวมชุดยาวทั้งตัวสีดำลากไปมากับพื้นก้าวเดินเท้าเปล่าออกมาช้าๆ
กุกกัก กุกกัก
รัมย์ นักเรียนชายผมหยิกลอนนำมือเข้าไปล้วงค้นหาบางสิ่งในกระเป๋าเป้ที่พาดไหล่ไว้แล้วหยิบนำเอาขวดแก้วขนาดเล็กพอๆ กับนิ้วโป้งออกมา ด้านในขวดแก้วใสมีของเหลวสีเขียวเข้มปนดำอยู่ เมื่อทำการบิดเปิดจุกที่ปิดผนึกออก กลิ่นที่ไม่น่าอภิรมย์ก็พวยพุ่งออกมาจนทำให้นักเรียนคนอื่นๆที่อยู่ข้างๆถึงกับถอยห่างออกไป
รัมย์ เทของเหลวสีเขียวเข้มปนดำกรอกใส่เข้าไปในปากของหนุ่มผมแดง
ผ่าง!…อุแหวะ!
“อ๊าก เหม็นชะมัด! แหวะๆ…กะ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย โอ๊ย!” หนุ่มผมแดงลืมตาเบิกกว้างอย่างรวดเร็วแล้วดันตัวลุกขึ้นนั่งอย่างโงนเงนพร้อมกับใช้มือจับลูบไล้ไปบริเวณหลังคอของตนที่มีอาการเจ็บแปล๊บๆและสังเกตเห็นรอยแผลพุพองตรงมือขวาด้วยความสับสน
“เจ๋งไปเลยน๊า~ นักเรียนใหม่” นักเรียนหนุ่มหน้าหล่อผมแสกข้างกล่าวชม
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ดีมากที่สั่งสอนไอ้ลูกแมวบ้านั่นจนเหวอไปเลย” นักเรียนหญิงผมขาวกล่าวขึ้นเกินจริง
“ว้าวๆ สุโก้ยยย เมื่อกี้นี้นายทำได้ยังไงน่ะไหนบอกว่าไม่มีพลังไงล่ะ แหม่ๆ ถ้ามีพลังที่เจ๋งขนาดนั้นก็ไม่เห็นจำเป็นต้องปิดบังกันก็ได้นี่นา” ฮารุ สาวสวยชาวญี่ปุ่นโค้งหน้าลงมาใกล้กับใบหน้าของหนุ่มผมแดงแสดงให้เห็นถึงดวงตากลมโตที่เป็นประกายด้วยใบหน้าอยากรู้อยากเห็นอย่างกับลูกสุนัขขี้สงสัยไม่มีผิด
“เอ๋!?…อะไรกันเล่าพวกนาย ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันนั่นแหละ” หนุ่มผมแดงที่ยังคงไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปหน้าแดงเขินอายบิดตัวไปมาพร้อมกับม้วนหน้าหลบสายตาไปด้วย ก่อนจะหันไปเห็นหนุ่มผมส้มผิวแทนที่กำลังนั่งคุกเข่าหมดอาลัยตายอยากอยู่บนลานฝึก
‘อีกแล้วงั้นหรอเนี่ยเผลอสลบไปตอนไหนก็ไม่รู้’ ชาไทยกล่าวขึ้นมาภายในใจเพราะทุกครั้งที่ตัวเองได้รับบาดเจ็บก็จะจำอะไรไม่ได้และตื่นขึ้นมาอีกครั้งตอนที่เรื่องทุกอย่างจบสิ้นไปแล้ว
จากนั้นเมื่อหมดคาบเรียนการฝึกต่อสู้ อาจารย์กิ่งแก้วก็เรียกทุกคนมารวมตัวกันแล้วไหว้วานให้ ยาหยี นักเรียนสาวแว่นตากลมโตมาดนิ่งเข้มผู้เป็นหัวหน้าห้องพานักเรียนใหม่ทั้งสองไปสำรวจและแนะนำสถานที่ต่างๆ เพื่อให้เพื่อนใหม่ทั้งสองคนได้คุ้นชินกับสถาบัน