เสียงเคลื่อนไหวจากเคาเตอร์ล้างจาน กับเงาสะท้อนที่ปรากฏอยู่บนตู้เย็นขนาดใหญ่นั้นสร้างความตื่นตกใจไม่น้อย
อัณตรารีบตั้งสติก่อนจะยื่นหน้าชะโงกออกไปเล็กน้อย จึงเห็นเพียงแผ่นหลังกว้างสีเข้มเปลือยเปล่าขยับไปมาอยู่หน้าเตา
เสียงตะหลิวกระทบกะทะคล้ายว่าเขาคนนั้นกำลังประกอบอาหาร เสียงฮัมเพลงนั้นคุ้นหูอัณตราเป็นอย่างมาก
‘ขโมยที่ไหนมันจะแอบเข้าบ้านคนอื่นมาทำอาหาร แถมร้องเพลงสบายใจขนาดนั้น’
หญิงสาวคิดในใจก่อนพรูลมหายใจโล่งอก คลายความตระหนกลงไปมาก อย่างน้อยก็คงไม่มีอันตรายอะไรอย่างที่นึกกลัว
“ตื่นแล้วเหรอ”
เสียงทักทายจากร่างสูงใหญ่ทำอัณตราสะดุ้งเฮือก ขนอ่อนพากันลุกเกรียวพร้อมจังหวะหัวใจเต้นกระหน่ำรุนแรง ร่างกายพลันแข็งทื่อไม่กล้าขยับ
เปลือกตาบางกะพริบขึ้นลงจ้องมองใบหน้าคมเข้มด้วยอาการตกตะลึงตาค้างเลยก็ว่าได้
“ค...คุณลุงธี...ส...สวัสดีค่ะ” หลังจากตกอยู่ในภวังค์ตื่นเต้นพักใหญ่ อัณตรารีบยกมือทำความเคารพและเอ่ยทักทายด้วยถ้อยคำตะกุกตะกัก ก่อนจะทำสิ่งที่เหนือความคาดคิดของอีกฝ่ายด้วยการก้าวประชิด และกระโจนเข้าไปสวมกอดร่างสูงใหญ่เต็มแรงท่ามกลางสีหน้าตกตะลึงของธีภพ
แรงโถมกายเข้าหาแบบไม่ทันตั้งตัวของสาวน้อย ทำเอาคนยืนอึ้งเซถอยหลังเล็กน้อย
ดีที่เขาตัวใหญ่และแข็งแรงจึงสามารถพยุงตัวเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นป่านนี้คงได้หงายหลังล้มไปกองบนพื้นให้เสียบรรยากาศ
แต่กระนั้นหัวใจก็เกิดอาการสั่นไหวรุนแรง เมื่อเจอกับเนื้อตัวนุ่มนิ่มที่เบียดบดอยู่กับแผงอก พยายามดึงตัวออกห่างแต่มือกาวเหนียวหนึบก็เกาะแน่นเสียเหลือเกิน
“คิดถึงที่สุดเลยค่ะ ลุงธีมาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่คะ” เจ้าของความนุ่มนิ่มดันตัวออกมาแหงนหน้าเอ่ยถาม ดวงตาเต้นระริกด้วยความดีใจขณะจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาในความทรงจำ
ทว่าคำตอบที่กำลังรอฟังกลายเป็นความเจ็บนิด ๆ บริเวณหน้าผากเพราะฝีมือคนถูกถาม
“โอ้ย...ตีทำไมเนี่ย เจ็บนะลุง” อัณตราโอดครวญหน้างอง้ำ แต่ก็ยังซุกตัวเข้าไปกอดออดอ้อนด้วยความคิดถึง
“ทั้งที่รู้ก็ยังถาม”
“รู้!? รู้อะไรคะ” คนถูกดุเงยหน้าจากอกกำยำที่ซุกอยู่ ร้องถามเสียงสูง ซุกซ่อนนัยน์ตาใสซื่อระคนทะลึ่งเจ้าเล่ห์เอาไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มแย้ม
“เมื่อคืนมีเด็กนิสัยไม่มีไปแอบสอดรู้เรื่องของผู้ใหญ่”
“หืม...ยังไงคะ” แสร้งถามออกไปทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าเด็กที่ถูกพูดถึงนั่นคือใคร
“จะยังไงล่ะ ลุงก็ค้างแล้วต้องเผ่นกลับออกมาว่าวเองน่ะสิ” ขณะกำลังจ้วงแทงอย่างบ้าคลั่งรำลึกรสราคะร้อนแรงกับอดีตคนรักในงานวันเกิดสามีของหล่อนเมื่อคืนนี้ ดวงตาตื่นตระหนกคู่หนึ่งทำเขาชะงักเสียจังหวะ บวกกับมินทิราต้องรีบกลับเข้าไปร่วมฉลองวันเกิดสามีของหล่อน
สวรรค์บนดินของธีภพแตกสลายภายในชั่วพริบตา เจ้าหนูตัวโตของเขาอ่อนตัวสิ้นท่าเพราะใบหน้าหลานสาวนอกไส้คนนี้ ส่งผลให้ธีภพต้องหอบความกำหนัดที่ไม่ได้ปลดปล่อยกลับมาปลดเปลื้องที่บ้านของน้องชาย
“ว๊า! แย่เลย น่าสงสารนะคะ” อัณตราลากเสียงยาวทำหน้าเห็นใจ ก่อนจะหลุดหัวเราะคิกเมื่อแหงนหน้าเห็นดวงตาขุ่นของคนอารมณ์ค้างจนต้องพึ่งแม่นางทั้งห้าของตัวเอง
ธีภพเป็นคนเปิดเผยและตรงไปตรงมา เพราะเขาใช้ชีวิตอยู่เมืองนอกเสียส่วนใหญ่
ส่วนอัณตราก็เป็นสาวสมัยใหม่ทั่วไปที่พูดคุยเรื่องเพศได้แบบไม่เคอะเขิน โดยเธอมองว่าเรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ
อีกทั้งพิมพ์พลอยก็เป็นแม่ที่ใจกว้าง เลี้ยงดูลูกสาวเพียงคนเดียวให้เติบโต้ขึ้นมาแบบเพื่อน พูดคุยเรื่องส่วนตัวกันได้อย่างเปิดเผยไม่ค่อยมีอะไรปิดบังกัน
อัณตราจึงเป็นผู้หญิงที่ซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเอง เธอยอมรับว่าแอบหลงรักพี่ชายของพ่อเลี้ยงมาตั้งแต่พบกันครั้งแรก ตอนอีกฝ่ายเดินทางมาเยี่ยมเยียนและพักอยู่ด้วยกันเป็นเวลาเดือนเศษในบ้านหลังนี้
เธอเคยเล่าให้มารดาฟังอย่างไม่ปิดบัง พิมพ์พลอยไม่มีทีท่าตกใจหรือห้ามปรามบุตรสาว เพียงแต่รับฟังและบอกกล่าวอย่างเข้าใจ ว่าการแอบรักหรือแอบชอบธีภพไม่ใช่เรื่องผิด
แต่เพราะอัณตรายังเด็ก เธอควรเก็บความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้ในใจเงียบ ๆ และปล่อยให้เวลาทำหน้าที่ของมันเพื่อพิสูจน์ว่าความรู้สึกเรายังมั่นคงหรือไม่ เมื่อถึงเวลาที่เหมาะควรแล้ว
ในวันนี้อัณตราคิดว่าความรู้สึกที่มีต่อธีภพยังคงเหมือนเดิม เธอไม่สามารถเปิดใจรับผู้ชายคนไหนเข้ามาในหัวใจได้เลย รวมทั้งเป็นเวลาเหมาะสมตามคำของมารดาคือเธอเรียนจบ มีงานทำ สามารถดูแลตัวเองได้ในระดับหนึ่งสำหรับเด็กจบใหม่
เพราะฉะนั้นการเดินทางมาเยือนของธีภพในครั้งนี้ อัณตราจะเริ่มปฏิบัติการรุกเต็มที่ เธอจะเปิดเผยความรู้สึกที่เก็บซ่อนมานานให้เขาได้รับรู้
“ปล่อยลุงก่อน ไส้กรอกจะไหม้แล้ว” บอกพลางแกะมือกาวที่เกาะรอบเอวอยู่ออกด้วยกิริยานุ่มนวล
สาวเจ้ายอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีแม้จะมีท่าทางอิดออดอยู่บ้าง
“โตเป็นสาวแล้วนะเรา” ธีภพสนิทสนมกับอัณตราก็จริง แต่ก็ไม่ใช่ญาติแท้ ๆ จึงออกจะขัดเขินเล็กน้อยที่อัณตราซึ่งโตเป็นสาวเต็มตัวยังคงปฏิบัติกับตนเหมือนแต่ก่อน
“แหม ทำเหมือนลุงธีไม่ชอบกอดสาว ๆ อย่างนั้นแหละ” ต่อว่าเบา ๆ แล้วส่งแอบส่งค้อนให้อีกฝ่ายที่หวงตัวกับเธอ
“นั่นมันสาวคนอื่น ไม่ใช่อัณ”
“ก็เพราะอัณไม่ใช่คนอื่น อัณก็ต้องกอดลุงธีได้สิ” ลอยหน้าลอยตาแย้งจนธีภพต้องส่ายหน้ายอมแพ้ไม่ต่อปากต่อคำ ปล่อยให้หลานสาวนอกไส้เกาะแกะตามความพอใจ
หญิงสาวหัวเราะชอบใจกับชัยชนะเล็ก ๆ คลายแรงกอดออกเล็กน้อย เปลี่ยนเป็นสอดแขนเรียวเล็กคล้องท่อนแขนกำยำ เอียงใบหน้าอิงไหล่แข็งแรง
คลอเคลียไม่ห่างขณะเฝ้าดูธีภพจัดการอาหารเช้าง่าย ๆ ในเวลาอันรวดเร็ว
ซึ่งคนถูกออดอ้อนไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจหรือรำคาญ เพราะคุ้นเคยกับพฤติกรรมแบบนี้ของอัณตราเป็นอย่างดี เขาเอ็นดูในความสดใสร่าเริงและความช่างอ้อนของเธอตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
แม้จะพบกันเพียงปีละครั้งแต่ธีภพก็ได้รับการปฏิบัติแบบเป็นกันเองเสมอจากอัณตรา และแม่ของเธอในฐานะคนในครอบครัวเดียวกัน
“เสร็จแล้ว ไปนั่งรอที่โต๊ะเลย” เอ่ยบอกพร้อมเดินนำไปยังโต๊ะรับประทานอาหารตัวใหญ่ วางจานสองใบที่บรรจุอาหารเช้าง่าย ๆ สำหรับทั้งคู่ลงไปแล้วทรุดตัวลงนั่ง มือหนึ่งเอื้อมไปกระตุกปมผูกผ้ากันเปื้อนแล้วดึงออกไปวางไว้บนเก้าข้างตัว ท่อนบนเปลือยเปล่าปรากฎต่อสายตาสาวเจ้าทันทีโดยลืมนึกถึงความไม่ควร เนื่องจากธีภพไม่ชินกับอากาศร้อนของเมืองไทยนัก ยามอยู่บ้านเขามักสวมเสื้อผ้าน้อยชิน
“นั่งสิ ไม่หิวหรือไงสายแล้วนะ” พยักหน้าย้ำอีกครั้งเมื่อยังเห็นอัณตรายืนเหม่อตาลอย พวงแก้มขาวผ่องขึ้นสีแดงระเรื่อทำธีภพที่เหลือบเห็นพอดี เกิดสะดุดลมหายใจตัวเองก่อนจะรีบกลบเกลื่อนด้วยการหันไปขยับเก้าอี้ให้เธอนั่ง
พยายามบังคับสายตาให้มองข้ามชุดนอนตัวบางบนร่างของเธอ ทว่าทุกครั้งที่อัณตราขยับตัว ความอวบอิ่มที่ซุกซ่อนอยู่หลังเนื้อผ้าเรียบลื่นก็ผลิพุ่งขึ้นมาทักทายวับแวมน่ามอง
ผิวขาวผ่องและความนูนเด้งของมันชวนให้คันไม้คันมือ แต่ด้วยความที่เป็นผู้ใหญ่อายุมากแล้วทำให้ต้องรักษาอาการ
ธีภพไม่อยากถูกน้องชายและน้องสะใภ้ถอนหงอกที่แอบคิดไม่ซื่อกับหลานสาว อีกทั้งอัณตราก็ให้ความเคารพตนเสมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
จึงทำให้ต้องอดทนอดกลั้นต่อความอ้อนแอ้นโค้งเว้าของวัยสาวสะพรั่งยั่วตายั่วใจ จนต้องไประบายออกกับคนอื่นให้เรียบร้อยก่อนจะเข้ามาพักที่บ้านนี้ตามกำหนดการที่แจ้งไว้กับน้องชาย
“น่ากินจัง” อัณตราพึมพำขณะสายตายังไม่ละออกไปจากใบหน้าหล่อเหลาของพี่ชายพ่อเลี้ยง กลีบปากอิ่มเม้มเข้าหากันด้วยความเขินอายกับบรรยากาศชวนจินตนาการ ยิ่งนึกถึงภาพส่วนสัดความเป็นชายที่แอบเห็นเมื่อคืนรวมเข้าไปด้วย ยิ่งทำให้ใจสาวปั่นป่วน
บ่อยครั้งอัณตราเคยวาดฝันว่าสักวันเธอจะได้มีโอกาสนั่งกินอาหารเช้ากับลุงธีแบบสองต่อสอง
ภาพธีภพเดินวนเวียนอยู่ในครัวเพื่อปรุงอาหารรสเลิศให้เธอในทุก ๆ วัน คือสิ่งที่อัณตราเฝ้าภาวนาอยากให้เกิดขึ้นจริง