2

1197 คำ
“ก็พราวน่ะสิคะ...” น้องสาวตัวดีพูดไปยิ้มไป “พราวบอกว่า...” พูดกั๊ก ๆ เอาไว้เพื่อรอดูท่าทีของพี่ชายตนเองแล้วก็หยุดไป ไม่พูดต่อเสียอย่างนั้น ฐิรดลนิ่งรอฟังอย่างตั้งใจ พอเห็นว่าน้องสาวทำเล่นแง่ใส่ก็รู้ในทันที ทำท่าจะลุกจากไปอีกคน สุดท้ายแม่ตัวดีเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเสียเอง ดึงแขนพี่ชายให้อยู่ฟังก่อน “พราวบอกว่าพี่คีย์น่ะสูงอย่างกับเสาไฟฟ้า ตอนจบได้เป็นหมอ คงต้องนั่งหมอบกับพื้นถึงจะตรวจคนไข้ได้พอดีค่ะ” ฐิรดลบอกอย่างรู้ทันกัน “ไม่ใช่เพื่อนเราหรอกที่พูด เรานั่นแหละ” แล้วยื่นมือออกไปขยี้หัวน้องสาว โดยมีสายตาของมณีนาถมองนิ่งอยู่อย่างนั้น พอเห็นฐิรดลหันมามองที่ตนบ้างก็หลบสายตาวูบลงที่การบ้านตรงหน้า ใจเต้นแรงหน้าแดงไม่ต่างจากภัทรวรินทร์เมื่อครู่นี้เลยสักนิด ส่งของให้น้องแล้ว ฐิรดลขึ้นไปพบอาจารย์ที่ห้องของฝ่ายวิชาการ เพราะทางโรงเรียนนัดให้เขามาถ่ายรูปและสัมภาษณ์ลงในหนังสือของโรงเรียน เพื่อบอกกล่าวแก่รุ่นน้องว่าในรุ่นพี่ที่ผ่านมามีใครที่สอบเข้าที่ไหน พอเชิดหน้าชูตาโรงเรียนได้บ้าง และ ฐิรดลก็เป็นหนึ่งในนักเรียนที่ทางอาจารย์ขอความร่วมมือให้เข้ามาในวันนี้ จนเลิกเรียนแล้ว ภัทรวรินทร์โบกมือลาเพื่อนซี้ แล้วเดินแยกไปขึ้นรถสองแถวเพื่อกลับเข้าบ้านเหมือนอย่างทุกวัน บ้านที่เธอพักอาศัยอยู่เป็นตึกแถวที่จงใจสร้างหน้าบ้านเชื่อมไปทางบ้านที่อยู่อีกตรอกได้ มีขนาดสี่คูหา ตั้งอยู่ในซอยลึกที่เป็นซอยตัน รอบด้านไม่มีบ้านของใครเลย ที่หน้าตึกแบ่งพื้นที่เป็นหน้าร้านเล็ก ๆ ที่ซึ่งเป็นร้านรับตัดเย็บซ่อมแซมเสื้อผ้า เมื่อเดินผ่านประตูเข้าไปยังด้านหลัง จะเป็นบ้านใหญ่ที่มีหญิงสาวมากมายคอยให้บริการชายทุกวัยที่มีเงินมากพอจะจ่ายให้พวกหล่อน ภัทรวรินทร์สงสัยมาตลอดตั้งแต่จำความได้ ว่าทำไมต้องทำบ้านแบบนี้ แล้วก็ได้คำตอบเมื่อตอนอายุหกขวบจากใครสักคนในบ้านนั่นเอง “บ้านของเราเป็นซ่องหรือจ๊ะ” “ใครบอกแก” “ใคร ๆ เขาก็พูดกันทั้งนั้น” “เขาไม่ได้เรียกซ่องหรอกนังหนู” “แล้วเขาเรียกว่าอะไรล่ะป้านง” “เขาเรียกว่าเรือนมาลีโว้ย ที่นี่เรามีสาว ๆ ให้บริการความสุขกับพวกผู้ชาย ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนนะที่เราจะให้ความสุขกับพวกนั้นน่ะ จะต้องเป็นคนมีเงิน มีหน้ามีตาในสังคมเท่านั้น จำไว้” “ทำไมหนูต้องจำด้วย” “เพราะว่าเดี๋ยวพอแกโตไป ก็ต้องทำแบบพวกพี่ ๆ เหมือนกันนั่นแหละ” “ไม่มีทาง พราวไม่มีทางทำงานแบบนี้แน่” “กูจะรอดู แม่มึงท้องมึงในนี้ คลอดมึงในนี้ มึงจะพ้นไปจากแม่ของมึงได้ยังไงวะอีพราว หน็อยทำมาตั้งชื่อยาว ๆ ภัทรวรินทร์ ถุย ดัดจริต เหมือนแม่มึงนั่นแหละ” คำพูดเหยียดหยันดังไล่ตามหลังเธอเสมอมา ภัทรวรินทร์รู้ตั้งแต่ตอนนั้นว่าเธอเป็นลูกของผู้หญิงคนหนึ่งในนี้ ที่ทำงานไม่ต่างจากผู้หญิงที่คอยให้ความสุขกับเหล่าผู้ชายที่ในเรือนมาลีนี้เอง แม่ของเธอคงตั้งครรภ์กับผู้ชายสักคนที่หลับนอนด้วย แล้วก็คลอดเธอออกมา ก่อนจะทิ้งเธอไป เด็กสาวเคยถามหาแม่อยู่หลายครั้ง แต่แล้วใคร ๆ ก็ส่ายหน้า ไม่ให้คำตอบว่าแม่ของเธอคือใคร ภัทรวรินทร์ไม่รู้จักหน้าตาของแม่ตัวเอง ไม่มีรูปถ่าย มีแค่ชื่อในใบเกิดเท่านั้น ไม่รู้ว่าตอนนี้ท่านอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ตั้งแต่ที่ได้รับคำตอบในวันนั้น เธอก็ไม่ย่างกรายเข้าไปที่บ้านด้านหลังอีกเลย เด็กสาวใฝ่เรียน ใช้ชีวิต กิน นอน อ่านหนังสืออยู่แต่ที่ร้านตัดเย็บซ่อมเสื้อผ้าที่อยู่ส่วนหน้าของเรือนแห่งความสุขนั่นกับสมสมร เช้าวันหยุดเด็กสาวจะตื่นไวกว่าเดิม เพื่อออกมาช่วยสมสมร จนบ่ายโมงได้ที่แว่วเสียงเรียกดังมาจากในร้าน “พราว” “จ๋า” “ไปซื้อของให้น้าหน่อย” สมสมรไม่ได้ต่อต้านผู้หญิงในเรือนมาลีแบบเธอ ท่านรับซ่อมเสื้อผ้าให้ชาวบ้านในละแวก รวมถึงเสื้อผ้าของสาว ๆ เหล่านั้นอีกด้วย สมสมรส่งเงินให้ พร้อมกำชับว่า “นี่นะรายการทั้งหมด นี่ตังค์ เก็บดี ๆ อย่าทำหายล่ะ” “จ้ะ” ตอบรับแข็งขัน แล้วเดินออกไปขึ้นรถสองแถว เด็กสาวต้องนั่งรถสามต่อเพื่อไปซื้อของให้สมสมร ครั้งแรกท่านพาเธอไปก่อน พอเด็กสาวเริ่มรู้ภาษา พอจะไหว้วานใช้งานได้ ถัดมาจากนั้น ท่านก็ลองให้นั่งรถไปเอง จนคล้อยหลังเด็กสาวแล้ว หนึ่งในสมาชิกของเรือนมาลีก็กอดอกพูดขึ้น “จะให้มันทำร้านเย็บผ้ากระจอก ๆ แบบนี้แทนพี่ไปจนตายเลยหรือยังไงวะ” สมสมรไม่มองคนพูด จับผ้าเย็บตะเข็บพร้อมโต้กลับไปว่า “พราวมันเก่ง มันจะต้องมีอนาคตที่ดี มันไม่มีทางทำงานแบบพวกมึงเด็ดขาด” “กูจะคอยดูว่ามันจะไปได้สักกี่น้ำกันเชียว” เด็กสาวลงจากรถสองแถวได้ก็ตรงดิ่งไปยังร้านของบังหมัก ที่ร้านนี้เน้นขายผ้าและวัสดุอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับการตัดเย็บ ซ่อมแซมผ้าทุกชนิด “เอาอะไรบ้างล่ะรอบนี้” “นี่จ้ะพี่กบ” เด็กสาวบอกพร้อมส่งรายการของที่น้าจดไว้ให้กับคนงานในร้านขาย แล้วก็ยืนคอยไม่นานทางนั้นนำของมาส่งให้ “ได้ไม่ครบหรอกนะพราว เราลองไปดูร้านเจ๊หลีเถอะทางนั้นน่าจะยังมีของอยู่” เด็กสาวยิ้มให้พี่กบพร้อมกับบอก “ขอบคุณจ้ะพี่” “กลับบ้านดี ๆ” กบ ลูกน้องคนสำคัญของร้านขายวัสดุผ้าร้องมาตามหลัง ภัทรวรินทร์มองชื่อรายการของที่เหลือในใบจด ก็จำต้องเดินตรงไปร้านใหญ่อีกร้าน นั่นก็คือร้านเจ๊หลี แต่ก็ยังได้ของไม่ครบอยู่ดีจึงต้องหาต่ออีกสามร้าน กว่าจะครบถ้วนได้เวลาก็ล่วงเข้าไปถึงตอนเย็นพอดี แถมวันนี้ฟ้ายังครึ้มอีกด้วย เมฆก้อนใหญ่นั่นรวมกับอีกก้อนทางนี้เลยพานให้มืดมัวไปหมด ชะเง้อมองดูนาฬิกาในร้านที่กำลังเดินผ่าน ก็ต้องรีบวิ่งสุดฝีเท้าไปที่ท่ารถ แต่แล้วก็ไปไม่ทัน รถเที่ยวสุดท้ายคันที่ผ่านไปยังละแวกบ้านเพิ่งออกไปได้ครึ่งชั่วโมงก่อนนี่เอง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม