เฉกเช่นในยามจะต้องจากกันไกลจริงๆ แล้ว เขาก็ยังไม่อยากจะคลายวงแขนที่มีเจ้าของดวงหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา เอาแก้มแนบกับอกเขาไว้ไม่ยอมห่างเช่นกัน ขณะเขาจอดรถห่างจากประตูบ้านไวทยาสกุลไม่กี่สิบเมตร
เพื่อล่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะส่งเธอไปหาเจ้าของโดยชอบธรรมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า ส่วนตัวเองก็จะต้องไปตามทางเดินที่ชะตาชีวิตขีดเขียนเอาไว้
“พอผมขับรถกลับไปส่งคุณลุงแล้ว ผมก็จะลากลับบ้านเลยครับ แต่ถ้าคุณแจมอยากจะให้ผมมาหาอีกในตอนเย็น หรือไม่ก็พรุ่งนี้ผมก็จะมาครับ”
ในที่สุดเขาก็ทำลายความเงียบออกมา วิวรรญาไม่ขยับกายออกจากวงแขนแข็งแรงเขาเลย
“ไม่! ฉันไม่อยากดีใจที่ได้เจอนาย และเป็นทุกข์เพราะต้องจากนายอีก ให้ฉันทุกข์แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเถอะนะลิน ขอให้นายรับรู้ไว้ว่า ต่อให้นายจะอยู่ใกล้หรือไกล ในภพนี้หรือภพไหน หัวใจของฉันก็จะยังเป็นของนายคนเดียวและตลอดไป ฉันบอกนายแล้วว่านี่จะเป็นอีกครั้งที่ฉันจะรัก และจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในใจฉัน”
“ผมก็จะรักคุณแจมคนเดียวเหมือนกันครับ รักเดียวและจะรักตลอดไปครับ”
ไม่มีคำพูดใดๆ อีกสำหรับสองหัวใจที่ต่างชอกช้ำเพราะรักไม่สมหวัง สองร่างต่างกอดกันแน่นิ่งเนิ่นนานเพื่อซึมซับเอาความรักที่ต่างมีให้กัน กระทั่งถึงเวลาที่จะต้องแยกจากกันไป
วิวรรญาก้าวลงจากรถอย่างเชื่องช้า แล้วหันหน้ากลับไปมองนายลินผู้น่าสงสารที่นั่งอยู่ในรถจ้องมองมาหาเช่นกัน ดวงตาคู่สวยจ้องมองใบหน้าหล่อเหลาเศร้าสลดของชายที่ตัวเองได้มอบหัวใจให้นิ่ง
พยายามตราตรึงทุกๆ รายละเอียดของใบหน้านั้น จนเห็นข้อแตกต่างเมื่อแรกที่ได้พบเห็นทหารหนุ่มผิวคล้ำ ร่างผอมแห้ง เมื่อหกเดือนก่อน ซึ่งผิดกับตอนที่ที่ผิวเปลี่ยนเป็นขาวใสสะอาดประหนึ่งมีเชื้อสายจีนมาแต่กำเนิด
ผมสั้นเตียนเปลี่ยนเป็นยาวขึ้นมาอีกนิดหนึ่งและถูกตัดเรียบร้อยเมื่อวันก่อนระหว่างไปรอรับเธอจากบริษัท แล้วไปร้านอาหารไม่ไกลมากนักเมื่อเพื่อนสนิทและเพื่อนร่วมงานพาไปเลี้ยงอำลาให้ นายลิน คนสวนรูปหล่อถูกพาไปแสดงตัวให้รับรู้ว่าเป็นคนรักของเธออย่างไม่ปิดบังใดๆ
ตอนนี้นายลินกำลังจะต้องกลายเป็นอดีตสำหรับเธอไปแล้ว อดีตที่ขมขื่นเหลือจะทานทน ดวงตาคู่สวยปล่อยให้น้ำตาที่เหือดแห้งได้ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ กำลังจ้องมองผู้ชายที่กำลังจะจากไปพร้อมได้หัวใจเธอไปด้วย มือบางถือกระเป๋าเสื้อผ้าใบย่อมแทบจะหมดแรงเมื่อวินาทีแห่งการลาจากมาถึง
“ลาก่อนนะนายลิน ขอให้นายโชคดีและมีความสุขตลอดไป”
สิ้นคำร่างผอมบางก็หันหลังกลับ แล้วเดินเข้าบ้านที่มีเพียงเด็กรับใช้มายืนรอรับเท่านั้น แล้วพาลูกสาวอีกคนของเจ้านายขึ้นไปยังห้องนอนสำหรับค่ำคืนนี้ และคืนต่อๆ ไปก่อนจะพาตัวเองไปอยู่บ้านสามีที่เธอเองก็แทบจะไม่รู้จักมักคุ้นด้วยซ้ำ
“ถ้าคุณน้ามาก็บอกว่าฉันรออยู่บนนี้ก็แล้วกัน”
หญิงสาวบอกเด็กรับใช้แค่นั้น ก่อนจะก้าวเดินไปตรงระเบียงห้อง จ้องมองลงไปหากระบะที่กำลังขับออกห่างไปช้าๆ จนลับประตูไป ถึงได้กลับไปทิ้งตัวลงนอนซบหมอนร้องไห้
ด้วยยากจะสกัดกั้นความเจ็บช้ำออกไปจากใจได้ แม้ในเวลาใกล้พลบที่สองเพื่อนเดินทางมาถึงหลังออกจากออฟฟิศ น้ำตาแห่งความระทมทุกข์ก็แทบจะไม่เหือดหายไปจากดวงหน้าสวยเลย
ลดาลัยกับทาริกาหันไปมองหน้ากันอย่างจนหนทาง กับอาการนอนกอดหมอนร้องไห้อยู่บนเตียงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงได้แต่อย่างใด จนทั้งสองต้องค่อยๆ เดินเข้าไปทรุดกายลงนั่งข้างๆ
“ร้องเถอะนะแจม! ร้องให้พอ ร้องให้สาสมใจ พรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องร้องไห้อีก”
เมื่อห้ามไม่ได้ ลดาลัยก็เลือกที่จะสนับสนุนซะเลย ด้วยรู้ดีว่าของแบบนี้ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะตัวเองก็เคยผ่านพ้นช่วงเวลาอันเลวร้ายเหล่านี้มาไม่น้อยกว่าสองครั้งแล้วเช่นกัน และเพื่อนทั้งสองก็ไม่เคยห่างกายหายหน้าไปไหนเลย เฝ้าช่วยกันปลอบตลอดเวลา
ตอนเสียแรงรัก
ใต้ขอบตาบวมเปล่ง ดำคล้ำถูกช่างแต่งหน้าปกปิดไว้ด้วยเครื่องสำอางอย่างมิดชิด ไม่หลงเหลือริ้วรอยของดวงหน้าเศร้าหมองเลย ทว่าแววตานั้นกลับไม่มีสิ่งใดมาปกปิดได้
เพราะมันยังเต็มไปด้วยความเจ็บช้ำ เมื่อต้องพานพบกับรักไม่สมหวังถึงสองครั้งสองครา จนวิวรรญาย้ำเตือนตัวเองเอาไว้ว่าจะไม่เปิดใจรักใครอีกแล้วในชีวิต
เพราะไม่อาจจะทานทนกับความชอกช้ำระกำทรวงได้อีกแล้วแม้แต่ครั้งเดียว ร่างผอมบางสง่างามในชุดไทยสีชมพูโอโรส ยังคงยืนพิงขอบหน้าต่าง เหม่อมองออกไปสนามหญ้าฝั่งโรงจอดรถชนิดไม่คิดจะขยับเขยื้อนไปไหน
ด้วยหัวใจนั้นกำลังผูกอยู่กับคนสวนผู้น่าสงสาร คนรถผู้มีน้ำใจเอื้ออารีต่อหลานสาวเจ้านายที่เขาเผลอใจรัก และต้องพานพบกับความพลาดหวังไม่แพ้กัน
“แจม! คุณลุงให้มาบอกว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว แขกผู้ใหญ่มาเต็มหมดแล้ว”
ลดาลัยเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับสีหน้าตื่นตระหนกแต่ก็ถูกปกปิดเอาไว้ จนวิวรรญาไม่ทันได้สังเกตเห็น และอีกไม่นานไกรเดชก็เดินขึ้นมา แต่ไม่มีสีหน้าและท่าทางเหมือนเพื่อนลูกเลยสักนิด
แล้วก็ประคองมือนุ่มของลูกเดินออกไปห้องไป ห้องรับแขกชั้นล่างเต็มไปด้วยแขกที่เธอไม่รู้จัก ทุกคนต่างส่งยิ้มให้เธอและมองมาหาด้วยใบหน้าชื่นชมในความงาม ไม่ต่างจากชายหนุ่มในชุดพระราชทานผ้าไหมสีครีมนัก