รวมทั้งหย่งเต๋อลูกชายของหย่งเจิ้งก็แต่งแบบเดียวกัน แต่เสื้อสีขาวเหมือนกับปาลิน และทั้งคู่สูงแทบจะระดับเดียวกันเมื่อเดินเข้าไปในบ้านตามหลังประมุขที่คุยภาษาจีนได้คล่องปรื๋อนำไปก่อนแล้ว
มณีมาลาทำหน้าที่ดูแลเหม่ยเอินภรรยาวัยห้าสิบที่มีผิวขาวสาวและสวย มีวิวรรญาเดินขนาบข้างเข้าบ้านไป ส่วนหลันเอ๋อร์ลูกสาวท่าทีเรียบร้อยและเหนียมอายนั้นมีปาริฉัตรดูแล เพราะพูดภาษาจีนได้
แต่ทั้งคู่จะคุยกันด้วยภาษาอังกฤษมากกว่า อนัญญาประคบอีกข้างของลูกสาวแขก วิวรรญาอดผิดหวังน้อยๆ ไม่ได้ที่พ่อสามีไม่ได้หันมาชวนคุยร่วมกับแขกสักเท่าไหร่นอกจากแนะนำตัวในตอนแรกเท่านั้น
ยิ่งตอนพาแขกเข้าไปในห้องอาหารขนาดกลางตกแต่งในบรรยากาศแบบจีน ใช้สีน้ำตาลทองนำทั้งห้อง มีเครื่องตกแต่งพวกหยก แจกันโบราณจัดวางไว้อย่างลงตัวที่วิวรรญาจำต้องไปนั่งโต๊ะกลมอีกตัวที่มีสาวๆ เป็นส่วนใหญ่
ส่วนผู้ชายจะอยู่โต๊ะอีกตัว และคุยกันด้วยเรื่องธุรกิจล้วนๆ เพราะประมุขพ่วงผู้บริหารจากบริษัทมาร่วมโต๊ะด้วยถึงสี่คน และล้วนแต่คุยภาษาจีนกันคล่องทุกคน
แต่วิวรรญาต้องหันไปหาปาริฉัตรทุกครั้งเมื่อเหม่ยเอินหันมาถาม แม้จะไม่บ่อยก็ตามที หัวข้อที่สาวๆ หยิบยกมาคุยกันนั้นเป็นไปด้วยเรื่องเก่าๆ เมื่อครั้งที่แขกมาพัก วิวรรญาจึงไม่รู้จะคุยอะไรด้วย
หรือจะพูดให้ถูกคือไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทุกคนคุยเรื่องอะไรกัน อนัญญาที่เดาว่าภาษาจีนก็ไม่ได้เก่งนัก แต่ก็พยายามพยักหน้าไปด้วยเหมือนรู้เรื่องทุกอย่าง
ดวงตาคู่สวยแอบมองไปยังกระจกผนังห้องที่สามารถเห็นสามีกำลังคุยอย่างออกรสกับแขกโดยไม่ได้สนใจจะหันมามองเมียที่ดูเหมือนจะเป็นส่วนเกินในโต๊ะอาหารไปโดยปริยาย
เมื่อพูดภาษาจีนไม่ได้เลย ภาษาอังกฤษก็ยังไม่คล่องมาก และยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเป็นเพียงอากาศเท่านั้น เมื่อทุกคนย้ายไปดื่มน้ำชากาแฟและผลไม้ที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งตกแต่งให้ดูดีมีระดับด้วยสีขาวเห็นหลักผสมผสานโซฟาลวดลายจีน
รวมทั้งผนังเพดานหรือแม้กระทั่งพื้น ดูเหมือนคราวนี้บรรยากาศจะเป็นแบบครอบครัวมากขึ้น เมื่อประมุขดึงเอาเมียตัวกับเมียแขกไปร่วมนั่งโต๊ะเดียวกันด้วย
ปาลินยังคงคุยกับลูกชายแขกอย่างออกรส และมีน้องสาวตัวเองพ่วงไปด้วย ส่วนลูกสาวแขกที่แม้จะเหนียมอายนั้น วิวรรญาก็เดาได้ไม่ยากว่าคงจะเก่งเรื่องงานไม่น้อยขณะคุยกับบอร์ดถึงสี่คนที่ประมุขพ่วงมาด้วย
เคราะห์ยังดีที่มีอนัญญานั่งคู่เป็นเพื่อน แม้จะไม่ได้คุยอะไรกัน แต่วิวรรญาก็อุ่นใจที่ไม่ได้ถูกทิ้งมากนักทว่าความโชคดีก็อยู่ด้วยไม่นานเมื่อคนตรงหน้าขอตัวขึ้นห้อง เพราะมีงานต้องทำส่งอาจารย์
นี่คือช่วงเวลาที่วิวรรญารู้สึกว่าไร้ซึ่งตัวตนอย่างแท้จริง มองไปยังโต๊ะอื่นๆ ที่ต่างคนต่างคุยกันสนุกสนาน โดยไม่มีใครคิดจะหันมาหาด้วยซ้ำ จึงไม่เห็นความจำเป็นอะไรจะนั่งอยู่เงียบๆ คนเดียว
เพราะรู้ดีว่าตัวเองมาอยู่ในบ้านนี้ก็เพียงแค่เจ้าของบ้านอยากจะได้บริษัทของพ่อไปเป็นของตัวเองเท่านั้น จะแปลกอะไรที่เธอจะกลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่เดินเหินได้โดยปราศจากคุณค่าใดๆ
นอกจากตัวประกันเท่านั้น ที่เขายอมให้มาร่วมโต๊ะด้วยก็คือว่าได้รับเกียรติมากมายพอแล้ว ร่างที่มีกี่เพ้าสีขาวหุ้มอยู่จึงค่อยๆ ลุกเดินออกจากห้องโดยไม่มีเห็นจะมีใครสนใจหันไปมองด้วยซ้ำ
ดวงตาคู่สวยอดชื่นชมความงามในบ้านไม่ได้ แม้จะรู้สึกอึดอัดสำหรับตัวเอง แต่ก็เถียงไม่ได้ว่ามันดูดีมีระดับสำหรับเก็บไว้ต้อนรับแขกสำคัญอย่างนี้ จนอยากจะมีเงินบ้าง จะได้ตกแต่งบ้านพ่อให้ดีๆ ไว้ใช้บ้าง
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพ่อสามีถึงได้ร่ำรวยจากการค้าขายมากมายขนาดนี้ เพราะดูแลเอาอกเอาใจลูกค้าอย่างดีเยี่ยม อาหารก็ล้วนแล้วแต่เอาของดีๆ ราคาแพงๆ มารับรองอย่างไม่หวงแหนเลย ทำให้ได้คิดว่าการทำให้ลูกค้าพอใจก็จะย่อมส่งผลดีในวันข้างหน้าอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“คุณแจมคะ คุณซีให้มาบอกว่าต้องขึ้นไปส่งแขกเข้าห้องค่ะ”
เจียเดินมาบอกได้ทันก่อนที่เจ้านายสาวจะหันหน้าออกประตูตึกไป จึงจำต้องเดินกลับไปตามเดิม ยังไม่ถึงห้องด้วยซ้ำ พ่อสามีกับแขกก็เดินออกมาเจอกันตรงหน้าลิฟต์พอดี
วิวรรญาจึงเดินเข้าไปยืนอยู่ท้ายๆ ขบวนโดยไม่ได้เอ่ยปากคุยกับใคร หรืออีกนัยก็ไม่มีใครหันมาคุยด้วย ชั้นที่จัดไว้เป็นที่พักรับรองแขกนั้น ถ้าไม่บอกวิวรรญาก็หลงคิดไปว่ามันคือโรงแรมระดับห้าดาวไปแล้ว
เพราะตกแต่งอย่างหรูหราไม่แพ้ด้านล่าง ประมุขเดินไปส่งหย่งเจิ้งกับภรรยาถึงห้องพัก วิวรรญาเพียงยืนมองอยู่หน้าห้อง ก็เห็นว่าตกแต่งแบบจีนและหรูหรามีระดับไม่แพ้กัน
“พรุ่งนี้อย่าลืมมาร่วมโต๊ะกับแขกด้วยนะหนูแจม”
ประมุขหันมาสั่งหลังจากไปส่งแขกสองพี่น้องที่อยู่ห้องติดกันเรียบร้อยแล้ว วิวรรญาอดคิดไม่ได้ว่ากำลังถูกตำหนิกลายๆ
“ค่ะ”
จึงรับคำสั้นๆ แล้วเดินตามหลังพ่อสามีตรงไปหาลิฟต์ ซึ่งจะต้องขึ้นไปชั้นบนก่อนถึงจะลงไปชั้นล่างทีหลัง อีกครั้งที่รู้สึกอึดอัดขึ้นมาเมื่อต้องอยู่ด้วยกันกับเขาตามลำพังในลิฟต์ จนต้องขยับไปยืนอยู่อีกมุมห่างเขาออกไป รวมทั้งตอนเดินกลับบ้านก็รอให้เขาเดินนำไปก่อนหลายก้าว
“ผมให้คนขับรถคุณมาจอด...”
พอเข้าไปในบ้านได้ปาลินก็หันมาหา
“ดึกแล้วฉันเหนื่อยขอตัวขึ้นห้องนะคะ”
แต่ยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ วิวรรญาก็ชิงออกตัวก่อนและรีบวิ่งขึ้นบันไดแทนการขึ้นลิฟต์ไป แม้จะเหนื่อยสักแค่ไหนก็ตามที เพราะยิ่งเห็นความร่ำรวยของเขา
ก็ยิ่งเสียใจในความพยายามอย่างที่สุดเพื่อให้ตัวเองกับพ่อได้ฮุบวีทีเค มิลลิ่งไป ด้วยการทนลำบากลำบนไปทำสวนอยู่นานนม