เกือบเที่ยงคืน พาขวัญที่นั่งหลับอยู่ที่หน้าประตูบ้านสะดุ้งตื่น เมื่อได้ยินเสียงทะเลาะเบาะแว้งของหญิงชายคู่หนึ่ง หล่อนงัวเงีย พยายามมองฝ่าความมืดไปยังต้นตอของเสียง และท่ามกลางแสงจันทร์ในคืนเดือนแรมทำให้หล่อนพอจะเดาได้ว่าผู้หญิงที่กำลังอาละวาดทุบตีผู้ชายตัวสูงใหญ่ที่ยืนนิ่งราวกับไม่มีชีวิตคนนั้นเป็นใคร
“คุณสุ!”
พาขวัญตื่นตกใจรีบก้าวลงจากบันได และวิ่งไปยังจุดเกิดเหตุด้วยความเร็วที่สุดในชีวิต
“คุณสุ...คุณสุพอเถอะค่ะ อย่าตีคุณลาซเลยค่ะ”
พาขวัญรีบดึงแขนของสุพรรษาเอาไว้ แต่เจ้าของมือก็สะบัดแรงๆ จนหลุดอีกรอบ
“แกอย่ามาเสือก มันเรื่องของฉัน”
ใบหน้าของพาขวัญสะบัดไปตามแรงตบ เมื่อสุพรรษาหันมาเล่นงานหล่อนแทน
“แกคงดีใจใช่ไหมที่ฉันทะเลาะกับคนรักของตัวเองน่ะ”
“ไม่...ไม่ใช่นะคะ พาย...” หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ แต่สุพรรษาไม่เปิดโอกาสให้เลย
“อย่ามาตอแหล ฉันเห็นแกให้ท่าคุณลาซของฉันมาไม่รู้กี่รอบแล้ว”
เพราะโทสะทำให้สุพรรษาสติแตก หล่อนด่าทอพาขวัญจนอีกฝ่ายร้องไห้น้ำตารินเสร็จก็หันกลับมาหาเรื่องลาซาลอสที่ยืนนิ่งอยู่อีกครั้ง
“คุณเองก็คงชอบที่มันให้ท่าสินะคะ คุณลาซ!”
คราวนี้ลาซาลอสไม่ปล่อยให้มือเล็กของสุพรรษาทุบตีอีก เขาจับแขนเรียวเอาไว้ และบีบเต็มแรง
“อย่ามาใส่ร้ายคนอื่นเพื่อกลบเกลื่อนความเลวของตัวเองเลยดีกว่า สุพรรษา เข้าไปนอนได้แล้ว ผมจะกลับ!”
“ไม่ค่ะ จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”
“แต่ผมไม่มีอะไรจะคุยกับคุณอีก เพราะเรื่องของเรามันจบลงแล้ว”
ท่าทางไม่มีเยื่อใยของลาซาลอสทำให้สุพรรษากรีดร้องด้วยความโมโห “นี่คุณ...คุณไม่ได้รักสุจริงๆ อย่างที่เคยบอกใช่ไหมคะ คุณลาซ! ใช่ไหมคะ”
“พาย พาพี่สาวของเธอไปนอนได้แล้ว”
ลาซาลอสหันไปสั่งพาขวัญที่ยืนน้ำตาร่วงด้วยน้ำเสียงสิ้นความอดทน แต่พาขวัญยังไม่ทันได้เอ่ยปากตอบ เสียงตวาดแว้ดของสุพรรษาก็แทรกขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดเสียก่อน
“สุไม่ใช่พี่สาวของมัน อีพายมันก็แค่ขี้ข้าเท่านั้น ไม่ใช่ญาติของสุ เข้าใจเสียใหม่ด้วยค่ะ”
ลาซาลอสกระแทกลมหายใจออกมาเต็มแรง ดวงตาคมกล้าเต็มไปด้วยความไม่ไยดี “ผมกลับละ และจะไม่มีวันมาเหยียบที่นี่อีก ขอให้คุณมีความสุขกับผู้ชายในสต๊อกนะสุพรรษา...”
แล้วลาซาลอสก็หมุนตัวก้าวขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว สุพรรษาที่เมามากจะวิ่งตาม แต่พาขวัญกลับดึงรั้งแขนเอาไว้
“คุณสุ...เข้าบ้านเถอะค่ะ”
“ไม่ ฉันจะไปตามคุณลาซ ฉันจะไปตามคนรักของฉัน”
“พรุ่งนี้ค่อยไปนะคะ วันนี้คุณลาซกำลังโกรธ...”
สุพรรษาหันมาจ้องหน้าพาขวัญ ก่อนจะผลักร่างของพาขวัญให้ออกห่างด้วยความรังเกียจ
“แกไม่ต้องมาทำเป็นหวังดี ฉันรู้ว่าแกจ้องจะงาบคุณลาซอยู่ทุกลมหายใจ นังพาย!”
พาขวัญร่ำไห้ ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมสุพรรษาถึงได้มองหล่อนในแง่ร้ายเช่นนี้ ทั้งๆ ที่หล่อนไม่เคยแสดงกิริยาให้ท่าใดๆ กับลาซาลอสเลย แม้ว่าจะแอบหลงรักชายหนุ่มอยู่ก็ตาม
“พายไม่ได้...”
“ไม่ต้องมาตอแหล นึกว่าฉันไม่รู้หรือไงว่าแกคิดยังไงกับคุณลาซ”
แม้อยากเดินหนีแค่ไหน แต่พาขวัญก็จำต้องกัดฟันทนอยู่ และฉุดกระชากลากถูให้สุพรรษาที่กำลังเมามายเข้าบ้านให้ได้
หล่อนมันเป็นแค่คนใช้ ก็ต้องอดทนต่อคำด่าทอของเจ้านาย และต้องทำให้เจ้านายสะดวกสบายที่สุด
พาขวัญป้ายน้ำตาทิ้ง ขณะพาสุพรรษาเข้าไปในห้องนอน
เช้าวันต่อมา สุพรรษาออกไปหาลาซาลอสตั้งแต่เช้า ก่อนจะกลับมาบ้านในชั่วโมงต่อมาด้วยอารมณ์ที่บูดบึ้งมากขึ้นกว่าเดิม
“โธ่เว้ย! จะเล่นตัวอะไรนักหนาเนี่ย” สุพรรษากระแทกตัวลงนั่งบนโซฟา
พาขวัญที่ยกน้ำมาให้สะดุ้ง เมื่อสุพรรษาตวัดสายตามองมา “แกพอจะมีวิธีง้อผู้ชายบ้างหรือเปล่านังพาย”
“เอ่อ...”
“จริงสินะ ผู้หญิงจืดชืดแบบแก คงไม่เคยได้ลิ้มรสผู้ชายมาก่อน ฉันไม่น่าถามคนโง่ๆ แบบแกให้เปลืองน้ำลายเลย”
พาขวัญนั่งคุกเข่ากับพื้น ก้มหน้าซ่อนความปวดร้าวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
สุพรรษานั่งครุ่นคิดเพื่อหาทางออก ก่อนจะดีดนิ้วขึ้นเมื่อคิดหาทางออกได้
“ฉันนึกออกแล้ว”
พาขวัญรู้สึกไม่สบายใจเลย เมื่อสุพรรษาจ้องมองมาด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ร้ายแบบนั้น
“คุณสุ...”
“ฉันมีอะไรให้แกทำ นังพาย...”
“ให้...ให้พายทำอะไรเหรอคะ”
ริมฝีปากของสุพรรษายกขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน “เอียงหูมาสิ เดี๋ยวฉันจะกระซิบบอก”
พาขวัญต้องการปฏิเสธ ต้องการที่จะหลีกหนีไปให้ไกล แต่หล่อน...หล่อนไม่มีสิทธิ์ใดๆ เลย นอกจากก้มหน้ารับฟังคำสั่งจากสุพรรษา ลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของคนที่อุปการะตนเองอย่างไร้ทางเลือก