รถหรูแล่นเข้าไปจอดในรั้วคฤหาสน์หลังงามของตระกูลเลิศเกียรติคุณ พริมามองไปรอบบริเวณคุ้นตาอย่างคนคุ้นเคยไม่ได้มีแววตาตื่นเต้นแต่อย่างใด เนื่องจากเธอมาที่บ้านของรพีพัฒน์บ่อย ๆ ใช่แล้วละ ทางครอบครัวของชายหนุ่มรับรู้ว่าบุตรชายคนเดียวของบ้านมีคนรัก เเละสั่งให้บุตรชายพาแฟนสาวมาเปิดตัวตั้งนานแล้ว
ครั้งแรกที่พริมาได้เจอกับครอบครัวของรพีพัฒน์คือวันที่ชายหนุ่มสำเร็จปริญญาโท ในวันเดียวกันเจ้าตัวได้แนะนำหญิงสาวกับครอบครัวให้รู้จักกันในฐานะคนรักทันที
ในตอนนั้นพริมาตื่นเต้นมากทั้งยังกังวล เกรงว่าจะถูกครอบครัวของชายหนุ่มตั้งแง่รังเกียจ แต่เมื่อได้รู้จักกันจริง ๆ แล้วถึงได้รู้ว่า เป็นเธอคิดมากเกินไป เพราะนอกจากครอบครัวของรพีพัฒน์จะไม่รังเกียจเธอแล้ว ยังให้ความรักความเอ็นดูต่อเธออย่างมาก หนำซ้ำยังหวงเธอกับบุตรชาย ราวกับว่าพริมาเป็นบุตรสาวอีกคนของครอบครัวเลิศเกียรติคุณเลยทีเดียว
“คิดอะไรอยู่ครับ” รพีพัฒน์ถามขึ้นหลังจอดรถหน้าประตูทางเข้าบ้าน
พริมาหันมาส่งยิ้มหวานพร้อมตอบว่า “คิดถึงตอนที่ได้รู้จักกับคุณพ่อคุณแม่พี่พีครั้งแรกค่ะ จากวันนั้นจนถึงวันนี้ พวกท่านน่ารักและดีกับพริมเสมอเลยค่ะ”
“ในเมื่อคุณพ่อคุณแม่พี่รักและเอ็นดูพริมขนาดนี้ พริมก็ต้องตอบแทนพวกท่านด้วยการรักพี่ให้มาก ๆ นะครับ รู้ไหม?” ชายหนุ่มกล่าวเย้าด้วยน้ำเสียงออดอ้อน ทว่าแววตากลับเจ้าเล่ห์ระยิบระยับสื่อความนัย จนหญิงสาวอดส่ายหน้าด้วยความระอาใจไม่ได้ และก่อนที่รพีพัฒน์จะพูดอะไรที่ทำให้หัวใจของเธอทำงานหนักไปมากกว่านี้ หญิงสาวก็ชิงเปิดประตูลงจากรถทันที ทิ้งให้ชายหนุ่มอ้าปากค้างก่อนเร่งรีบตามลงมา
“สวัสดีค่ะคุณพริม คุณพี ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะคะ คุณพริมหายหน้าไปนานจนคุณผู้หญิงบ่นหาอยู่บ่อย ๆ เเล้วค่ะ” แม่บ้านวัยกลางคนที่ออกมายืนรอรับกล่าวกับพริมาด้วยรอยยิ้มจริงใจ
“สวัสดีค่ะป้าอิ่ม ช่วงนี้พริมยุ่ง ๆ น่ะค่ะ ยังไงพริมขอตัวไปหาคุณแม่ก่อนนะคะ ฝากป้าอิ่มช่วยเอาของที่พริมนำมาไปเก็บให้
พริมหน่อยนะคะ”
“เชิญเลยค่ะคุณพริม คุณผู้หญิงรออยู่ในห้องรับแขกอยู่แล้วค่ะ ส่วนข้าวของเดี๋ยวป้ากับเด็ก ๆ จัดการเอง”
“ขอบคุณค่ะ” พริมาพยักหน้ารับก่อนเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่รอชายหนุ่มที่ยืนตาเขียวอยู่ด้านหลัง
“อ้าวคุณพี! ทำไมยังไม่ตามคุณพริมไปอีกล่ะคะ มัวรออะไรอยู่ เข้าไปในบ้านได้แล้วค่ะ”
“หึ! พริมมาทีไรผมกลายเป็นหมาหัวเน่าทุกที ไม่ว่าจะพ่อ แม่ หรือแม้แต่ป้าอิ่มก็ลืมผมกันหมด ใช่ซี้... ผมมันเก่าแล้วนี่” รพีพัฒน์แกล้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงน้อยใจ แต่แม่บ้านวัยกลางคนไม่ใส่ใจเพราะรู้ว่าเจ้านายหนุ่มแกล้งเล่นเท่านั้น ทั้งยังหัวเราะขำและผลักหลังให้ชายหนุ่มเดินเข้าบ้าน แล้วจึงหันมาจัดการข้าวของที่อยู่หลังรถที่สองหนุ่มสาวซื้อมาตามลำดับ