"ครูเจ้าเอย หายดีแล้วหรือคะ" นารีทักทายเมื่อเห็นจันทร์เจ้าเอยกลับมาสอนตามปกติแล้ว
"ดีขึ้นแล้วค่ะ เด็กๆเป็นยังไงบ้างคะ" สิ่งแรกที่เธอเป็นห่วงคือลูกศิษย์ตัวเล็กตัวน้อย
"เด็กๆถามกันใหญ่เลยคุณครูเจ้าเอยไปไหน ดีที่ว่าครูกิ่งแก้วกับครูนิจรีย์ผลัดกันมาช่วยดูช่วยสอนเด็กๆคุ้นเคยกันอยู่ก็เลยเรียบร้อยดีค่ะ"
"เอ๊ะ! ขาครูเจ้าเอยเป็นอะไรคะทำไมเดินกระเผลก" นารีทักขึ้นเมื่อเห็นการเดินของจันทร์เจ้าเอย
"อ๋อ เท้าแพลงน่ะค่ะก่อนเข้าโรงพยาบาลเดินตกร่องฟุตบาท ความจริงมันหายไปแล้วแต่ไม่รู้เป็นอะไรกลับมาเจ็บแปลบๆอีก"
"ไหวแน่นะคะ" นารีย้ำสีหน้ากังวล
"ไหวค่ะ" เธอตอบทั้งที่ฝืนความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
วันนี้ทั้งวันจันทร์เจ้าเอยสอนหนังสือเด็กด้วยความฝืนร่างกายอยู่ไม่น้อย เธอฝืนตัวเองอยู่แบบนี้ร่วมสมสัปดาห์โดยไม่บอกให้พ่อและแม่ทราบเพราะกลัวว่าจะวิตกกันไปอีก แต่อาการทางกายบางครั้งก็มิอาจเล็ดลอดสายตาของผู้เป็นแม่ได้
"เจ้าเอย หนูยังเจ็บเท้าอยู่อีกหรือ เห็นเดินกระเผลกอีกแล้ว" เมื่อเห็นหลายครั้งเข้าจิตตราจึงเอ่ยถาม
"ก็...นิดหน่อยค่ะคุณแม่" เธอไม่ยอมพูดความจริง
"เจ้าเอยไม่ไหวก็อย่าฝืนนะลูกแม่สังเกตุหนูมาเป็นอาทิตย์แล้ว"
"ตอนนี้เจ้าเอยยังไหวค่ะ เห็นไหมคะมันไม่บวมขึ้นมาอีกเลย เอาไว้ถ้าเจ้าเอยไม่ไหวจริงๆจะรีบไปหาหมอทันทีเลยค่ะไม่ต้องห่วงนะคะ" เธอกอดประจบแม่
"เอาสุขภาพเราไว้ก่อนนะลูก" จิตตราลูบหัวลูกสาว
ในคืนนี้จันทร์เจ้าเอยยังคงนอนหลับได้ตามปกติแต่สิ่งที่ไม่ค่อยปกติคือความฝัน ครั้งนี้เธอไม่ได้ฝันเห็นใครแต่เธอได้ยินแค่เสียงที่เถียงกันไปมาในความมืดมิด
"เอ็งออกไปข้าไม่อยากทำร้ายผู้หญิงเยี่ยงเอ็ง" เสียงชายตวาดขึ้นจนก้องสะท้านไปทั่วบริเวณซึ่งเสียงนั้นฟังดูมีอำนาจยิ่งนัก
"มึงอย่าแส่!" นี่คือเสียงตอบกลับอย่างไม่เป็นมิตรของฝ่ายตรงข้าม
"หาไม่แล้วอย่าหาว่าข้าไม่ปราณี"เขาผู้นั้นตอบกลับด้วยความสุขุมถึงแม้ว่าจะโกรธอยู่ในที
"หึๆๆๆๆฮ่าๆๆๆๆ ปราณีคนอย่างกูงั้นรึ พวกมึงรู้จักคำว่าปราณีอย่างนั้นรึ" เสียงตอบกลับแค่นหัวเราะด้วยความรู้สึกเย้ยหยันเหมือนประชดว่าสิ่งที่ตนเคยเจอมามันหาได้เป็นอย่างคำพูดนั้นไม่
"ไพร่ อย่างไรก็คือไพร่หาได้มีความคิดเหนือชาติกำเนิดตนเอง" เสียงเข้มกำราบด้วยวาจาที่เชือดเฉือน
"เกิดเป็นกูแล้วมันผิดตรงไหนรึ พวกที่เกิดฐานันดรสูงศักดิ์แต่จิตใจต่ำทรามกว่าชาติกำเนิดก็หาได้ควรเรียกตนว่าผู้ประเสริฐไม่ ช่างน่าขันนัก" ฝ่ายตรงข้ามมิได้เจ็บปวดกับคำดูแคลนแต่เสียดสีกลับด้วยความรู้สึกสมเพชด้วยซ้ำ
"มึงอย่าเสียเวลามาถ่วงกู ไม่ว่าวันใดมันต้องไปกับกู"
"ตราบที่มีข้าเห็นทีเอ็งคงจะไม่สมหวัง"
"ฮ่าๆๆๆๆ" เสียงหัวเราะแทนคำตอบกลับ
"กรุ๊งกริ๊ง กรุ๊งกริ๊ง" เสียงกระพรวนดังขึ้นและค่อยๆดังแบบห่างออกไป
"เฮือก แฮ่กๆๆๆ" จันทร์เจ้าเอยกระสับกระส่ายไปมาเพราะในความฝันเธอยืนอยู่ตรงกลางท่ามกลางความมืดและเสียงด่าทอโต้เถียงกันไปมาจนเธอแสบแก้วหูแต่หาที่มาของเสียงเหล่านั้นไม่ได้ เธอทำได้เพียงเอามือปิดหูทั้งสองข้างไว้และหลับตาไม่สามารถทนฟังต่อได้จนเธอสะดุ้งตื่นพร้อมเหงื่อท่วมร่าง
"แม่บุหลัน นอนเสียมิต้องเป็นห่วงดอก" เสียงนุ่มนวลดังลอยขึ้นมาเบาๆ
"หะ! ใคร" จันทร์เจ้าเอยหันไปมองหาเจ้าของเสียงโดยไว
"ฉันถามว่าใคร" เธอตะโกนถามพร้อมลุกขึ้นไปกดสวิตช์ไฟ หวังจะให้แสงสว่างช่วยเธอให้เห็นได้ชัดเจน
"นี่มันอะไรกัน ฉันฝันอีกแล้วหรือ" เธอต้องแปลกใจอีกครั้งเมื่อสิ่งที่เห็นมีเพียงความว่างเปล่า
..............
จันทร์เจ้าเอยไม่ได้มีเจตนาจะซ่อนเร้นอาการเจ็บปวด เธอคิดแค่เพียงว่าคงไม่เป็นอะไรมากจึงไม่อยากให้คนรอบข้างพลอยเป็นห่วงไปด้วย แต่แล้วในที่สุดเธอก็จำต้องกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง
"เห็นไหมแม่ว่าแล้วเชียว ไม่น่าดื้อเลยลูกคนนี้" จิตตราบ่นลูกสาว
"คุณแม่ขาเจ้าเอยไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาลเสียหน่อย" จันทร์เจ้าเอยยังหาเหตุผลสนับสนุนตัวเอง
"เอ่อ คุณแม่คะคุณแม่เคยได้ยินเสียงเด็กมาร้องเล่นกันแถวบ้านเราบ้างหรือเปล่าคะ หรือเสียงเหมือนคนทะเลาะกัน ข้างบ้านเราเขามีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าคะแม่" เจ้าเอยไม่ใช่คนสอดรู้กับเพื่อข้างบ้านเพียงแต่เธอนึกสงสัยถึงที่มาของเสียง
"ไม่มีนี่จ๊ะ เอ...หรือว่าแม่อาจจะหลับลึกก็เป็นได้นะ"
"แล้วตอนกลางวันล่ะคะได้ยินบ้างหรือเปล่า"
"ก็ไม่มีนะลูก มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ" จิตตราสงสัยธรรมดาแล้วลูกสาวไม่ค่อยสนใจเพื่อนบ้านรอบข้างเท่าไรนัก
"ไม่มีอะไรค่ะ เจ้าเอยน่าจะแค่หูแว่วค่ะ"
"คุณจันทร์เจ้าเอยเชิญที่ห้องตรวจค่ะ" เสียงพยาบาลขานเรียกชื่อเธอให้เข้าพบแพทย์
"ไปลูกคุณหมอเรียกคิวเราแล้ว" จิตตราสะกิดเรียกลูกสาว
"เป็นยังไงบ้างคะคุณหมอ" ด้วยความเป็นห่วงจิตตราขอเข้าไปในห้องตรวจด้วย
"แปลกนิดหน่อยครับ" คุณหมอตอบแบบชวนให้สงสัย
"แปลกยังไงคะ" ได้ยินอย่างนี้จิตตรายิ่งอยากรู้มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
"คือมันไม่มีส่วนไหนตรงไหนที่จะบ่งบอกว่ามีอาการบาดเจ็บหรืออักเสบเลยครับเพราะข้อเท้าไม่ได้บิดผิดรูป ไม่บวม แต่หมอก็ฉีดยาระงับปวดไปให้นะครับบางทีอาจจะเกิดจากเอ็นอักเสบ"
"เอ่อ คุณหมอคะขอปรึกษาหน่อยได้ไหมคะ คือบางทีดิฉันมีอาการหูแว่ว มักจะได้ยินเสียงบางอย่างถี่ๆติดต่อกันแต่หาที่มาของเสียงนั้นไม่ได้ แล้วคนอื่นก็ไม่น่าจะได้ยินเหมือนที่ดิฉันได้ยิน" เธออธิบายอาการให้หมอฟังหวังว่าจะได้คำตอบที่อธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์
"เป็นมานานหรือยังครับ ยังไงเบื้องต้นหมอขอส่องดูในช่องหูก่อนะครับ" หมอพูดพร้อมหยิบเครื่องมือมาส่องเข้าไปที่ในหูของเธอ
"ไม่มีอะไรนะครับปกติ การสะสมหรืออุดตันของขี้หูก็ไม่มี บางทีมันอาจจะแค่หูแว่วแบบโดยทั่วๆไป แต่ลองสังเกตุอาการดูนะครับถ้ารู้สึกมีอาการเสียงดังในหูมากขึ้นกว่าเดิมหรือมีอาการมึนหัว เซเดินทรงตัวไม่ได้อันนี้ให้รีบกลับมาให้หมอตรวจโดยเร็วนะครับ เพราะมันอาจเป็นได้ทั้งน้ำในหูไม่เท่ากันหรือหินปูนในหูหลุด" คุณหมออธิบายเพื่อทำความเข้าใจก่อนและให้สังเกตุอาการต่อไปเพราะดูไม่ค่อยน่าเป็นห่วงเท่าไร
"ค่ะ คุณหมอ" เธอรับฟังและใจชื้นขึ้นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเธอ
"ก็น่าจะแค่หูฝาด คิดมากนะเจ้าเอย" เธอรำพึงรำพันกับตัวเอง
............