ติ๊ด เมื่อกดวางสายโทรศัพท์ฉันก็หันไปมองหน้าตาเศร้าสร้อยของเจ้านายไม่ได้เรื่องคนนั้น ได้ยินสินะ
“แอบฟังคนอื่นคุยโทรศัพท์มันไร้มารยาทนะคะ”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงยโส แต่หน้าตาเขาคือไม่พร้อมที่จะตอบโต้อะไรฉันกลับมาทั้งนั้น สีหน้าเหมือนแมวป่วย อะไรกันละนั่น
“นี่ ทำไมทำหน้าเหมือนแมวรออาหารอย่างนั้นละคะ” ฉันเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ไหวแล้วถามเข้าขึ้นมาก่อน
“ผมไม่ยักรู้ว่าคุณมีแฟนตั้งโอ๋” เขาพูดด้วยน้ำเสียงบางเบาราวกับเจ็บปวด
“ไม่ใช่แฟนค่ะ แค่คุยๆ กันอยู่” ฉันบอกปัดคำพูดของเขาและอยากจบบทสนทนานี่แล้ว
เขาเสหลบตาฉันด้วยใบหน้าที่ไม่ค่อยพอใจนัก มาดนักธุรกิจหนุ่มรูปงามผู้ไม่หวั่นไหวกับสิ่งใดไม่เหลือให้เห็น
“นี่อย่าบอกนะว่าคิดมากเรื่องแค่นี้” ฉันถามออกไปโดยไม่คิดอะไร เพราะฉันไม่ได้รู้สึกอะไรกับคุณหมออยู่แล้วเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตอนนี้ฉันพอใจจุดนี้มากกว่า
“เรื่องแค่นี้อะไรกันล่ะ คุณใจร้ายเกินไปแล้วนะตั้งโอ๋ ช่วยรู้สึกรู้สาถึงความรักของผมบ้างเถอะ” เขาพูดและแสดงอาการน้อยอกน้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด ช่วงนี้ทำไมหมอนี่อ่อนไหวง่ายจังนะ
“แล้วคุณจะให้ฉันทำยังไงละคะ ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้มาตั้งนานแล้ว” ฉันบอกเขาไปแบบไม่รู้สึกรู้สา ก็อาจจะจริงของเขา แต่ก็ควรให้เวลาฉันปรับตัวหน่อยมั้ย อยู่ดีๆ ก็จะมาบังคับกันมันก็ไม่ไหวป่ะ
“มีแต่ผมที่คลั่งรักคุณอยู่ฝ่ายเดียว” เขามองมาด้วยแววตาและสีหน้าเจ็บปวด
“คุณก็รู้ว่าฉันมันเอาแต่ใจ คุณรักฉันที่ฉันเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรอคะ” ฉันเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้เขาแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
“ชาตินี้ผมคงไม่มีทางชนะคุณได้เลย ยัยตัวแสบ” เขาพูดแล้วตอบสนองด้วยการจูบแบบดูดดื่มกลับมา
.
.
วันต่อมา ที่ทำงาน
“ในที่สุดพี่เอกก็ไปตามเธอกลับมาจนได้นะตั้งโอ๋” น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ทะเล้นเอ่ยทักตั้งแต่ฉันหย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้ทำงานไม่ถึง 5 นาที
“ค่ะ แลดูคุณอนุชิตว่างนะคะ ถึงมาคอยเป็นห่วงสวัสดิภาพของเลขาต่ำต้อยอย่างฉัน” ฉันประชดด้วยน้ำเสียงยโส
“อ๊าวววซ์ เจ็บจี๊ดถึงทรวงอีกแล้ว ตั้งโอ๋ตัวจริงเสียงจริง สกิวปากไม่เคยทำให้ผิดหวัง” เขาทำท่าทะเล้นอยู่หน้าโต๊ะทำงานฉันไม่หยุด
ฉันเหลือบมองเขาอย่างเอือมระอาแล้วก้มหน้าทำงาน
“นี่ที่เธอหายไปเธอรู้มั้ยพี่เอกแทบจะเป็นบ้า เขาฟาดงวงฟาดงาใส่ทุกคนจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เลย” หมอนี่กระซิบกระซาบนินทาพี่ชายให้ฟังซะงั้น
“ก็คงจะหงุดหงิดเรื่องงานละมั้งคะ” ฉันเฉไฉตอบไปแบบนั้นทั้งที่ก็พอรู้ดีว่าเขาไม่ได้หงุดหงิดแค่เรื่องงาน
“ก็คงจะจริง เธอไม่อยู่บริษัทวุ่นวายมากต้องเลื่อนเจรจาออกไปตั้งหลายเจ้า จนคุณพ่อเรียกพี่เอกไปคุยว่าเกิดอะไรขึ้น” ก็คงจะจริงเพราะไม่มีใครเตรียมงานให้เขาสินะรู้สึกผิดหน่อยๆ แฮะ
“ค่ะ ขออภัยที่เลขาผู้ต่ำต้อยทำให้เดือดร้อนนะคะ ต่อไปนี้ดิฉันจะไม่หยุดงานหายไปโดยไร้ความรับผิดชอบอีกแล้วค่ะ” ฉันพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและทีท่าประชดประชัน
“ว่าแต่พี่เอกไปง้อเธอกลับมาได้ไงอ่ะ” เขาถามขึ้นมา อาจเพราะความสงสัยมั้ง
“ขึ้นเงินเดือน 3 เท่า โบนัสพิเศษ 9 เดือน สวัสดิการเมื่อซื้ออสังหาฯในเครือของบริษัทลด 50% ทันที” ฉันตอบนิ่งๆ ให้ผู้ชายที่ทำหน้าตากะลิ้มกะเหลี่ยที่อยากรู้เรื่องของฉันได้ฟัง
“โอ้โห พี่เอกนี่ตามใจเธอชะมัด สมกับเป็นเมียในที่ทำงานของเขา” ตรงนี้คือฉันเริ่มหน้าร้อนผ่าว เมื่อก่อนได้ฟังยังรู้สึกเฉยๆ แต่ตอนนี้ฟังแล้วหัวใจมันกลับเต้นตึกตัก อึก…
“อะแอ่ม ว่างมากหรอเจ้าชิต มายืนแทะโลมเลขาของคนอื่นเนี่ย” ร่างใหญ่เดินออกมาจากห้องทำงานพอดีเพื่อหยุดบทสนทนางี่เง่าไร้สาระนี่
“อ้อ อยู่กันพร้อมหน้าพอดีเลย” ฉันเริ่มทำเสียงเข้มแล้วมองหน้าเจ้านายทั้งสองคน พวกเขากลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นสีหน้าของฉัันที่ดูจริงจัง
“ฉันกำลังเตรียมเอกสารสำหรับเจรจากับคู่ค้าที่เลื่อนออกไปทั้งหมด และฉันจะเลื่อนกำหนดการเข้ามาเจรจาให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้นะคะ เหลือเวลาอีก 3 วัน พวกคุณเตรียมตัวไว้ด้วยนะคะ”
สองพี่น้องกลืนน้ำลายลงคอแล้วมองหน้ากันแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“ตะ แต่ว่า 3 วันมันไม่กระชั้นชิดไปหรอครับตั้งโอ๋” ผู้เป็นพี่ชายเริ่มท้วงติง
“ถ้าจัดตารางดีๆ แล้วแบ่งกันคุณสองคนพี่น้องก็ทำได้สบายค่ะ” ฉันยังคงยืนกรานเสียงเข้ม
“ตะ แต่ว่า คุณดุจดาวอาจเตรียมงานให้ไม่ทันเหมือนของคุณนะตั้งโอ๋” ผู้เป็นน้องชายเริ่มหาข้ออ้างเช่นกัน
“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้นไปค่ะ ตรงนี้ฉันจะรับผิดชอบเตรียมงานให้เอง เพราะเป็นความผิดที่ฉันลาหยุดไป” ฉันพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย และหวังว่าพวกเขาจะไม่มีข้ออ้าง
“โหดชะมัด” พวกเขามองหน้ากันแล้วหัวเราะร่วนออกมา
.
.
“บอสเรียกฉันมามีอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าเป็นเรื่องไร้สาระฉันขอตัวนะคะงานฉันเยอะบอสน่าจะทราบดี” ฉันปรายตามองร่างใหญ่ที่เรียกฉันเข้ามาในห้องทำงานตามใจชอบ หมอนี่ว่างงานเกินไปแล้ว
“ผมคิดถึงยอดดวงใจของผมครับอยากกอด”
“ขอตัวค่ะ”
ฉันได้ยินแล้วกำลังจะสะบัดตัวออกมาจากห้องทำงานของเจ้านายงี่เง่านี่ แต่เขาก็ไวมากรีบมาคว้าแขนฉันไว้อย่างไว
“นี่ คุณก็รู้ว่างานฉันเยอะแล้ว ว๊ายย…อื้ออ” สติถูกเป่ากระเจิงจากคำพูดสุดยโสกลายเป็นเสียงครางกระเส่าเมื่อคนตัวใหญ่ รุกล้ำพื้นที่ส่วนตัวน้อยๆ ใต้กระโปรง
“แค่แปีปเดียวเอง นะครับ” น้ำเสียงออดอ้อนกับเรียวนิ้วที่เขากำลังล้อเล่นอย่างมันมือก็ทำฉันอ่อนระทวยไปหมด
“อ๊าา อ๊าา อื้ออ∼”
เขาถอดกางเกงในตัวจิ๋วออกไปอย่างรวดเร็วและก้มหน้าลงไปซุกไซร้อยู่ตรงเนินอูม เขายกขาฉันหนึ่งข้างพาดบ่าแล้วเริ่มละเลงลิ้นอย่างเอาแต่ใจ ฉันต้องจับโต๊ะทำงานไว้แน่นเพื่อทรงตัว
“อ๊าา ซี๊ดดส์ เสียวค่ะ อื้ออ∼”
ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าลีลาลิ้นของเขามันชั่งหนักหน่วงและเร้าใจ ฉันเริ่มดิ้นเร่าๆ เมื่อเขาสอดนิ้วเข้ามาในทางรักคับแคบแค่ 1 นิ้วก็ทำเอาฉันแทบคลั่ง
“ตอดนิ้วดีจังตั้งโอ๋” เขาเงยหน้าขึ้นมาพูดแล้วกลับไปดูดเลียอย่างหนำใจจนฉันทนไม่ไหวต้องร้องขอเขา
“อื้ออ จะเสร็จค่ะ ได้โปรด…อ๊าาาส์∼” คนตัวโตรู้จังหวะดีมากและเร่งจังหวะจนฉันแตกกระตุกอยู่ตรงนั้น
บ้าชิบ เล่นตามเกมเขาอีกแล้วสินะ
.
.