“เที่ยงนี้ออกมาทานข้าวด้วยกันหน่อยมั้ยครับ หมออยากเห็นหน้าคุณ”
ปลายสายที่โทรมาหาฉันและชวนด้วยน้ำเสียงแสนสุภาพอ่อนโยน
“ได้ค่ะ แต่ต้องไม่ไกลที่ทำงานฉันมากนะคะ พอดีงานค่อนข้างเยอะค่ะ”
ฉันตอบปลายสายไปแบบนิ่งๆ ว่าแต่งานก็เยอะจริงๆ ช่วงนี้
“ได้ครับเอาเป็นร้านอาหาร ใกล้ๆ ที่ทำงานตั้งโอ๋ก็ได้ เลือกได้เลยนะครับแล้วส่งโลเคชั่นมา ไม่เกินเที่ยงหมอถึง”
น้ำเสียงดีใจปนความกระตือรือร้นนั่นถ้าอยู่ต่อหน้าใบหน้าของเขาคงจะกำลังยิ้มแป้นละลายใจอยู่
“ได้ค่ะแล้วเจอกันค่ะ”
ฉันพูดแล้วเหลือบมองนาฬิกา 11.30 น. เดี๋ยวบอสงี่เง่านั่นต้องออกจากห้องประชุมมาแล้วสินะ เดี๋ยวนี้ฉันเริ่มสนอกสนใจเรื่องของเขามากขึ้น และหัวใจก็เริ่มเต้นแรงกับเขามากขึ้นแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
สำหรับคุณหมอเราเจอกันบ่อยๆ และคุยกันทุกวัน ผ่านไลน์หรือโทรเขาให้อารมณ์พี่ชาย ให้ความรู้สึกเป็น เซฟโซน ที่ดีสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวอย่างฉัน เขาเข้าหาฉันด้วยความประสงค์อะไรทำไมฉันจะดูไม่ออก แต่ถามว่าใจเต้นตึกตักเหมือนเป็นกับเจ้าหมอนี่มั้ยมันก็ไม่ใช่
ถ้าคุณหมอเขาไม่ได้พยายามจะปีนกำแพงข้ามคำว่าเพื่อนมาฉันก็คิดว่าจะยังโอเคแบบนี้อยู่ และคอยอาศัยความอบอุ่นของเขาไปเรื่อยๆ แบ่งปันความอบอุ่นของตัวเองให้เขาแบบนี้ไป แล้วมันจะเป็นแบบนี้กันไปอีกนานแค่ไหนนะ ฟู่ ฉันคิดแล้วอดเป่าลมออกจากปากไม่ได้
.
“มาแล้วหรอครับ คุณเลขาแสนสวย” เขายิ้มและทักฉันตั้งแต่ฉันยังไม่ถึงเก้าอี้ดีเขามารอก่อนแล้วสินะ
“วันนี้ก็ดูดีออร่าเปล่งประกายจนตาพร่าเหมือนเดิมเลยนะคะ คุณหมอศรุตย์” ฉันชมเขากลับไป
การทานกลางวันไม่ได้เร่งรีบมากพวกเราทานไปคุยไปอย่างอารมณ์ดี
“นี่ไงที่หมอบอกว่าโดนคนไข้เด็กกัด” เขาพูดพร้อมกับเลิกแขนเสื้อเชิดสีฟ้าตัวแพงขึ้นให้ดู
“โห โหดจัง เป็นหมอนี่ก็ลำบากเหมือนกันเนาะ” ฉันมองอย่างหดหู่และอดสงสารไม่ได้หมอนี่ก็คงไม่มีทางดุคนไข้แน่นอน สภาพก็คือน่าจะยิ้มอ่อนโยนกลับไปทั้งอย่างนั้น คิดๆ อดขำไม่ได้
“นี่ ไม่ตลกนะครับ ผมเจ็บนะครับ” เขาทำหน้ามู่ทู่เมื่อฉันแอบขำ
“ขะ ขอโทษค่ะ พอดีคิดว่าหมอจะทำหน้ายังไงตอนที่โดนกันแล้วก็เกิดขำออกมา”
“ทำยังไงได้ละครับ เจ็บก็ต้องทน เพราะเลือกอาชีพนี้แล้ว” เขายังทำหน้ามู่ทู่ไม่หาย
“โอ๋ๆๆ ไม่เอาน้า ไม่ขำแล้วก็ได้ค่ะ”
ฉันสบตาเขาแล้วจ้องมองลึกลงไปภายใต้ดวงตาสีนิล ฉันค่อยๆ เอาฝ่ามือน้อยๆ ยื่นไปทาบแก้มของเขาที่มองตรงมาอย่างโหยหา ใช่สายตาของเขาคือแค่โหยหาใครสักคน
“หายงอนหรือยังคะ”
ฉันยิ้มให้เขาที่กำลังหน้าแดงแปร๊ด แล้วยื่นหน้าเข้าไปมองหน้าใกล้ๆ แบบไม่เกรงกลัวสายตา เขายกมือขึ้นมาซ้อนทับมือของฉันรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและเหงื่อที่ชุ่มมือออกมาแสดงถึงความตื่นเต้นของเขา
“ตั้งโอ๋ เมื่อก่อนคุณเป็นเหตุผลเล็กๆ ที่ผมอยากจะลืมตาตื่นขึ้นมาเพื่อใช้ชีวิต แต่ตอนนี้คุณรู้ตัวบ้างหรือเปล่า ว่าคุณกำลังเป็นเหตุผลหลักใหญ่ที่ทำให้ผมสามารถก้าวออกจากบ้านเพื่อมาทำงาน”
พระเจ้า หมอนี่เล่นใหญ่เกินไปหรือเปล่าละนั่น แต่ไม่ได้สิถ้าไปด้อยค่าความรู้สึกที่คนอื่นอุตส่าห์มีให้แบบนี้จะเป็นการเสียมารยาทนะ อีกทั้งแววตาของเขาไม่ได้โกหกเลยสักนิด
“ขอบคุณนะคะที่โอ๋สำคัญกับหมอ” ฉันยิ้มให้เขา
.
“กลางคืนอยู่กับอีกคน กลางวันก็มาอ่อยอีกคน เป็นคนสวยนี่มันก็ลำบากหน่อยนะ”
บรรยากาศละมุนกำลังถูกกลบด้วยน้ำเสียงแสนเย็นชากับใบหน้าที่ถูกดึงให้ตึงในชุดสูท และยืนมองฉากสวีทนี้อย่างใจเย็น
“บอส มาได้ไงคะ” ฉันดึงมือออกจากแก้มคุณหมอเบาๆ
“ร้านอาหารนี่ก็เครือบริษัทของผม ที่นั่งอยู่กับผู้ชายคนอื่นนั่นก็เลขาผม อ้อแล้วกลางคืนก็ควบตำแหน่งเมียผมด้วย” เขาพูดใส่หน้าหมอศรุตย์อย่างก้าวร้าวและน้ำเสียงเจือไปด้วยความหึงหวง กรามถูกขบแน่นจนเห็นเส้นเลือดปูดโปน
“บอส” ฉันเค้นเสียงดุใส่เขาแต่เขาไม่สะทกสะท้านและยังมองหน้าหมอศรุตย์อย่างเอาเป็นเอาตาย
หึ หมอศรุตย์แค่นขำมาจากลำคอ แล้วเดินจากโต๊ะอาหารเข้าไปหาเขา
“ผมจะบอกอะไรคุณให้นะ บางคนอาจเป็นได้แค่คู่นอนไปตลอดชีวิต รอเธอเอ่ยปากก่อนเถอะว่าอยากเป็นเมียคุณ เท่าที่ผมทราบตอนนี้ไม่มีทีท่าว่าเธอจะอยากเป็นเมียคุณ” หมอศรุตย์ตอกกลับไปแบบร้ายๆ
“ไอ้เวรนี่ ปากแบบนี้มันน่าโดนสักหมัด” เจ้านายขี้โมโหกำลังจะปรี่เข้าไปหาหมอศรุตย์ที่พร้อมปะทะมากๆ
“บอส” ฉันแอบดุเขาจนเขาสะดุ้งเล็กน้อย
“แยกย้ายกันเถอะค่ะ ไว้ฉันไลน์หานะคะ” ฉันบอกคุณหมอด้วยท่าทีเรียบเฉย
พวกเขาคลายท่าทีลงแล้วคุณหมอก็เดินเข้ามาหาฉันแล้วจุ๊บมาที่หน้าผากต่อหน้าเจ้าบอสงี่เง่านี่ พระเจ้าสงครามประสาทกันหรือไง
“บายครับแล้วคุยกัน” เขาเดินออกไปแบบไม่พอใจนัก แต่ตอนนี้ฉันนะสิกำลังโดนจ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเข้าไปให้ได้เลยค่ะทุกคน งื้ออ
.
.
หมอนี่ปิดห้องงอนฉันเหมือนเด็กและไม่ยอมคุยกับฉันเลยตั้งแต่ลากฉันกลับมาจากร้านอาหาร
ก๊อก ก๊อก ก๊อก เข้าไปหยั่งเชิงหน่อยดีกว่า
“บอสคะ”
“มีอะไร”
นั่นไงกำลังงอนสุดๆ เลย ฉันเปิดประตูเข้าไปแบบถือวิสาสะ “นี่แฟ้มสรุปการประชุมค่ะ” ฉันเหลือบมองเขานิดหน่อยเขาทำหน้าบึ้งตึงโมโหคิกๆ มองแล้วก็น่าแกล้งจัง
“นี่ คุณจะงอนก็งอนไปนะคะฉันไม่ง้อ” ฉันแอบลอบมองเขาที่กำลังหน้าตึงมากๆ อยู่
“ใช่สิ ผมมันไม่ได้อ่อนโยนเหมือนไอ้หมอหน้าตี๋นั่นแถมยังหนุ่มยังแน่นแบบนั้นคงคุยกันรู้เรื่องมากกว่าคุยกับคนแบบผมสินะ” พระเจ้าหมอนี่กำลังประชดเหมือนเด็กอายุ 15 งอนแฟนเลย งื้อน่ารักจัง แกล้งต่ออีกหน่อยดีมั้ย
“ยังหนุ่มนี่ไม่เถียง แต่แน่นมั้ยนี่ต้องไปลองก่อนนะคะ ไว้ไปลองมาแล้ว ว้าย…” พูดยังไม่จบเขาก็เดินออกมาจากโต๊ะทำงานแล้วอุ้มฉันขึ้นไปวางบนโต๊ะ
“สนุกใช่มั้ย ปั่นหัวคนอื่นให้เป็นบ้าแบบนี้” เขาแทรกตัวมาอยู่ตรงกลางระหว่างขาแล้วก็มองฉันตอนนี้หน้าเราอยู่ในระดับเดียวกัน
“รู้ว่ารักมากก็เลยแกล้งมากไง” ฉันจูบลงไปที่ริมฝีปากเขาเบาๆ
“ขี้โกง” เขาพูดแล้วจูบตอบกลับมาอย่างร้อนแรง
.
.
ตั้งโอ๋ถ้าหนูแกล้งพี่เอกมากๆ พี่เอกอาจจะคลั่งตายนะคะ
คุณหมอก็งานดีไม่ไหวนะคะ
.