ตืดดดดดดดดดดดด...
เสียงโทรศัพท์ส่วนตัวกรีดร้องเสียงดัง กันจิราสะดุ้ง เธอควานมือหาโทรศัพท์เครื่องบางเฉียบในกระเป๋ากระโปรงแบบลุกลน
(กว่าจะรับได้ ฝันหวานอะไรอยู่ยะกระรอก) สิตาสัพยอกผ่านสายโทรศัพท์
(เปล่าสักหน่อย ฉันเพิ่งมาถึง กำลังนอนพักตาเฉยๆ บนเตียง) กันจิราตอบพร้อมกับอมยิ้มมุมปาก เพื่อนของเธอเดาถูก เหมือนมานั่งอยู่ใกล้ๆ เธอเวลานี้
(เธอคงชอบที่นั่น แต่สำหรับฉัน ไม่ไหว) สิตาบ่นต่อ บ้านป่าที่มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้ แค่คิดก็สยองแล้ว
(อืม...ที่นี่สวยน่าอยู่มากเลย) กันจิรายอมรับ ก้าวแรกที่สัมผัสดินบนพื้นดินแห่งนี้ เธอยอมรับ เธอหลงรักบ้านสวนแห่งนี้เสียแล้ว
(อย่าลืมเสียล่ะ เธอไปที่นั่นเพื่ออะไร!) สิตาปราม
(ฉันไม่ลืมหรอก ฉันกำลังหาทางอยู่ หมอนั่นก็ดูเหมือนจะไม่ชอบหน้าเธอเท่าไหร่หรอก มีอย่างที่ไหน ปล่อยให้ฉันนั่งหน้าหม้านอยู่คนเดียวตั้งนาน) สิตาตัวปลอมอดไม่ได้ที่จะบ่นให้สิตาตัวจริงฟัง
(แบบนั้นก็ดี...หากฉันต้องแต่งงานกับหมอนั่น ชีวิตของฉันคงไม่ต่างอะไรกับการถูกจองจำ) สิตาบ่นต่อ
(เรื่องง่ายๆ แค่นี้ ความจริงแกจัดการเองก็ได้นะ) กันจิราแย้ง ในเมื่อคนสองคนไม่ได้รู้สึกชอบพอกัน มันน่าจะตกลงกันได้ง่ายๆ
(ฉันไม่มีเวลา ฉันกำลังจะบินไปหาไทม์) สิตาตอบเสียงระรื่น อีกฟากหนึ่งของฟ้า ผู้ชายที่ตนเองแน่ใจว่ามีความรู้สึกพิเศษเหนือใครรออยู่ที่นั่น
กันจิราอยากจะแย้ง ไทม์ หรือทัดชาติ โปรไฟล์ดีก็จริง แต่เขาดูเหมือนจะฉาบด้วยเปลือก ซึ่งหากลอกคราบออกมาแล้ว คงไม่ได้ดีเด่นักหรอก แต่นั่นคือรสนิยมของสิตา ซึ่งเธอทำให้เพื่อนเปลี่ยนใจไม่ได้
(แกไม่กลัวพ่อแกจับได้เหรอวะสิตา?) กันจิราถาม
(ไม่! กว่าพ่อจะรู้ หมอนั่นก็คงยกเลิกเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไปแล้ว ฉันก็สบาย ลอยลำ) สาวไฮโซไหวไหล่
(เอาเป็นว่า...ฉันจะพยายาม) กันจิราเปรยเสียงอ่อย ขั้นแรกที่เธอต้องทำคือการเก็บหัวใจตนเองใส่กล่องแล้วล็อคให้แน่นหนา ไม่อย่างนั้น...งานนี้คนที่เจ็บอาจจะเป็นตนเอง เมื่อผู้ชายคนนั้นเป็นอันตรายกับความรู้สึกของเธอ
“ตายแน่ กระรอกเอ๋ย!” หลังวางสายโทรศัพท์ของเพื่อน กันจิราหยิบหมอนใบใหญ่มาปิดหน้า พร้อมกับบ่นเสียงขรม
ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เธอจะต้องเริ่มต้นปฏิบัติตัวป่วนปัทม์ ทำทุกทางให้เขาระอา และยกเลิกเรื่องการหมั้นหมาย
ซึ่งมันไม่ง่ายเลย...หากหัวใจตนเองจ้องแต่จะทรยศ
ปัทม์ยกมือคลึงเหนือขมับด้านข้าง เขานั่งเพ่งเอกสารจนปวดตานานกว่า3ชั่วโมง งานในสวนมีเป็นกระบุง งานเอกสารก็มีไม่น้อย เขาไม่อยากให้บิดาทำงานหนัก ปัทม์จึงรับงานจุกจิกมาทำเสียเอง...ชายหนุ่มเหลือบมองนาฬิกาที่ข้อมือ เวลาเดินเร็วมาก ชั่วแปบเดียว ก็เกือบจะถึงเวลาอาหารมื้อค่ำ ปัทม์ทรงตัวลุกขึ้นยืน เขาเอี้ยวตัวบิดไปมา เพื่อบรรเทาอาการเมื่อยล้าเหนือหัวไหล่ ที่เกิดขึ้นบ่อยๆ หากเขานั่งอยู่หลังจอตอมพิวเตอร์นานๆ
ตูม!
ปัทม์ได้ยินเสียงน้ำแตกกระจาย เขาขมวดคิ้ว เปลี่ยนใจเดินไปที่ระเบียงหลังห้อง บริเวณที่มองเห็นสระน้ำขนาดใหญ่ที่บิดาลงทุนสร้างไว้สำหรับใช้ออกกำลังกาย ซึ่งนานๆ เขาจะลงไปใช้สักที
ชายหนุ่มยืนอึ้ง เงือกน้อยผิวขาวลอยคอกลางสระกว้าง ชุดว่ายน้ำสีเหลืองมะนาวตัดกับผิวขาวปานหยวก ทำให้เขาแทบลืมหายใจไปเหมือนกัน สัดส่วนหล่อนจากการคะเนที่เห็นคร่าวๆ ในระยะไกล
34-24-35 ไม่น่าจะพลาด
ปัทม์ยอมเสียมารยาทยืนมอง เมื่อคนในสระตั้งใจอวด...เขาแน่ใจว่าคิดไม่ผิด เพราะข่าวคราวของสิตาที่เคยได้ยิน หล่อนชอบเป็นจุดสนใจ และไม่เคยหวงตัว
น้ำใสใส เย็นกำลังดีช่วยให้กันจิราหายหงุดหงิดลงไปบ้าง เธอไม่อยากใส่ชุดว่ายน้ำรสนิยมยัยเพื่อนตัวแสบนี่ลงมาสักนิด เมื่อชุดนั่นค่อนไปทางเปิด มากกว่าปิดบัง แต่...เธอมาในคราบของสิตา บุตรีของเศรษฐีพันล้าน จะทำตัวเหนียมอาย ความลับจะพาลแตกเปล่าๆ กันจิราจึงจำใจ สวมชุดว่ายน้ำที่สิตายัดใส่กระเป๋ามาให้ เมื่อมองเห็นสระว่ายน้ำหลังห้อง มันคงดีกว่าการนอนจุมปุกอุดอู้อยู่ในห้อง แถม...คนงานและเจ้าของบ้านก็ไม่ใคร่สอดรู้สอดเห็น เธอเห็นว่าปลอดคน เลยโผไป โผมาด้วยความสนุก ไมคิดว่าจะมีใครแอบมอง
แต่...เมื่อลืมตาขึ้นมองฟ้า ในท่าว่ายน้ำแบบกรรเชียง
กันจิราเกือบมุดน้ำหนี ดีทว่าเธอยั้งตัวทัน....
หากเธอทำท่าเหมือนเอียงอายสายตาผู้ชายคนนั้น เขาต้องจับไต๋เธอได้แน่ เพราะชื่อเสียของเพื่อน คือเป็นคนกล้า ไม่ใช่สาวๆ ที่เก็บเนื้อเก็บตัวเช่นตนเอง
กันจิราเชิดปลายคางขึ้น มองสบนัยน์ตาคมดุที่ทอดมอง จนปัทม์ต้องชักสายตากลับและเบือนหน้าหลบ
สิตาตัวปลอมฉวยโอกาสนั้น พลิกตัวกลับเช่นกัน เธอใช้ม่านน้ำอำพรางความสดสะพรั่งของตนเอง แม้จะสายไปเกินแล้ว เพราะปัทม์เห็นเกือบทุกส่วนบนร่างกายเธอ นานเท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจ
“ตาบ้า โผล่มาเงียบๆ ไม่ให้ฉันตั้งตัวเลยนะ!” กันจิราบ่นขรม ฝืนว่ายน้ำต่อ แม้จะรู้สึกเห่อร้อนวูบวาบไปทั้งหน้า
ปัทม์ถอยหลังกลับเขาไปด้านใน...หัวใจเขาเต้นระส่ำ เมื่อเผลอตัว ประสานสายตากับสาวไฮโซที่ตนเองลงความเห็นว่าเหยียบขี้ไก่ไม่ฟ่อแน่ๆ ตั้งแต่วินาทีแรกที่พบเจอกัน วิสัยลูกผู้ชายที่เลือดเนื้อปกติดี ปัทม์ยอมรับ ทรวดทรงของสิตา สามารถทำให้ผู้ชายยอมตายได้เลย หุ่นของหล่อน สวยสดจนเขาอยากสัมผัสด้วยมือตนเอง อยากพิสูจน์ความเนียนนุ่มนั่น อยากรู้ว่ามันจะเนียนมือได้สักแค่ไหน
ชายหนุ่มโครงศีรษะ สลัดความคิดฟุ้งซ่านทิ้ง หากเขาต้องการผู้หญิง เขาหาที่ระบายได้ไม่อยาก แต่หากความอยากนั่น ทำให้ตนเองต้องผูกติดกับใครสักคนไปชั่วชีวิต ผู้หญิงคนนั้น ต้องแกร่งกว่านี้ และรู้จักทำมาหากิน ไม่ใช่การเฉิดฉายในสังคม โดยแบมือขอสตางค์จากบิดาไปวันๆ เขาต้องการแม่ของลูก ไม่ใช่สาวนั่งดริ้ง ชอบการพะเน้าพะนอจากผู้ชาย คลอเคลียเหมือนลูกแมวอ้วนที่หาได้ตามผับทั่วไป
ปัทม์ไม่ได้ดูถูกสิตา...แต่เขามองหล่อนเป็นอย่างอื่นไม่ได้เลย ข่าวของหล่อนเท่าที่ค้นได้ เป็นเช่นนั้นจริงๆ
ปัทม์ถอยหลังกลับเข้ามาด้านในเงียบๆ เขาสงบใจ ข่มความพลุ่งพล่านให้กลับเป็นปกติ
แต่กลับสลัดทรวดทรงองเอวของว่าที่คู่หมายให้หลุดไปจากความทรงจำไม่ได้เลย
เขาจำได้กระทั่งไฝที่เนินหัวไหล่...สิ่งสะดุดตาสิ่งแรกที่เขามองเห็นบนผิวขาวราวน้ำนมนั่น
“เห้อ!” ชายหนุ่มระบายลมหายใจแรงๆ ควานมือหาโทรศัพท์ส่วนตัว เขาต้องคุยกับใครสักคน ก่อนที่ความคิดจะเตลิดเปิดเปิง
(เอก...มึงว่างป่ะ?) เอกชัย เนียมทัน ข้าราชการหนุ่มเพื่อนสนิทที่ปัทม์สนิทด้วย เขาคือคนที่ปัทม์วางใจจนยอมเปิดปากพูดความลับคับใจให้ฟังทุกเรื่อง
(ถามได้...กูทำงานอยู่ เลิกงานโน้นแหละถึงว่าง) เพื่อนหนุ่มตอบกลับเสียงขุ่น ปัทม์ต่อสายหาเขาช่วงเวลาทำงาน หากตอบว่าว่าง คงไม่แคล้วถูกว่ากระทบอีก
(เออ...ไปกินเหล้ากัน) ปัทม์กระแทกเสียงตอบ
(หือ...กูหูฝาดหรือไงวะ ฤาษีอย่างคุณปัทม์ชวนกูไปแดกเหล้า!) ชายหนุ่มกระแซะต่อ
(มึงจะไปไหมไอ้เอก!) ปัทม์ถามกลับเสียงเข้มขึ้น
(ถ้ามึงเลี้ยง กูก็ไม่ปฏิเสธ) เอกหัวเราะลงลูกคอตอนตอบ
(เออ...กูเลี้ยงเอง) ปัทม์ตอบเสียงกระแทก เขาจำเป็นต้องมีที่ปรึกษา ไม่อย่างนั้น ครั้งนี้... คงเลี่ยงมารดาอีกไม่ได้
ปัทม์ระบายลมหายใจซ้ำอีกครั้ง หลังวางสายเอกชัย เขาทิ้งตัวลงนั่ง ยกมือกุมขมับ พร้อมกับนวดคลึงเบาๆ ชายหนุ่มสงสัยตนเอง เขาคงห่างผู้หญิงนานเกินไปจนถึงกับตะลึงจังงังกับเสน่ห์แห่งสัตรีเพศของสิตา มันตราตรึงเสียจนเขาเกิดความปั่นป่วน
ความจริงผู้หญิงหุ่นนาฬิกาทรายเขาเห็นและสัมผัสมาไม่น้อย ชายหนุ่มจึงแปลกใจ แค่มอง...ทำให้เขาสั่นได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
การควบคุมอารมณ์ดิบของตนเองบกพร่องตอนไหน?
หลายคำถามวนเวียนอยู่ในหัว และไม่พ้นเรื่องของสิตาสักเรื่อง...