“หยุดเดี๋ยวนี้นะ คุณรุ่ง หยุด” สิโรจน์เข้าไปห้ามสุภัทราที่ทำร้ายหทัยชนก
“ไม่หยุด รุ่งจะตบมันให้หลาบจำ จะได้รู้ว่าใครกันแน่ที่จะต้องออกไปจากที่นี่” สุภัทราไม่หยุด ยังคงทำร้ายทหัยชนกต่อไป
สิโรจน์ใช้มือของตนแกะมือของภรรยาหลวงให้ออกจากเส้นผมของหทัยชนก ก่อนจะจับร่างของสุภัทราให้ออกห่าง แล้วทำในสิ่งที่ใครไม่คาดคิด
“เพี้ยะ!” ฝ่ามือแข็งแรงของสิโรจน์กระทบกับแก้มของสุภัทราอย่างแรง ใบหน้าของคนถูกตบหันไปตามแรงตบ หน้าซีกนั้นของสุภัทราชาดิก ความเจ็บปวดจากการถูกทำร้ายน้อยนิดเมื่อเทียบกับความรู้สึกที่ก่อเกิดในจิตใจของเธอ
สุภัทราหันมาทางสิโรจน์ช้าๆ มือของเธอกุมแก้มที่ถูกตบ ดวงตาเอ่อคลอด้วยน้ำตาก่อนที่มันจะหยดไหลเป็นทาง
“คุณพี่ตบรุ่ง” เธอเอ่ยทั้งน้ำตา ปากสั่นระริก
“ฉันทำได้มากกว่านี้หากเธอทำร้ายปิ่น” เขากล่าวเสียงเข้ม ดวงตาฉาบไปด้วยแรงโทสะ “ออกไปจากที่นี่ ก่อนที่ผมจะโทรแจ้งตำรวจมาจับคุณในข้อหาทำร้ายร่างกาย”
คนถูกขับไล่น้ำตายิ่งไหลมากกว่าเดิม แน่นอนที่ความเสียใจก็มากตาม ยิ่งเห็นใบหน้าของหทัยชนกที่ซุกอยู่แนบอกของสิโรจน์ด้วยแล้ว มันยิ่งตอกย้ำให้เธอรู้ว่า ไม่มีทางสู้ภรรยาน้อยได้เลย ใบหน้าของหทัยชนกที่เธอเห็นคือ ยิ้มเยาะอย่างผู้มีชัย อีกทั้งสายตาของคนที่อยู่บริเวณนั้นก็มองเธอด้วยสายตาตำหนิ บางคู่แสดงความรังเกียจอย่างเปิดเผย
“คุณพี่” สุภัทราเรียกสามีเสียงเบาและสั่นเครือ
“ออกไป ฉันบอกให้ออกไป” สิโรจน์ตวาดไล่อีกรอบดังลั่นบ้าน
“ฮือ” สุภัทราร้องไห้โฮ มองหน้าสิโรจน์สามีอันเป็นที่รักด้วยสายตาที่เจ็บปวด และเริ่มตระหนักว่า เธอคงไม่มีทางดึงเขามาอยู่ครองคู่ตามที่วาดหวังลมๆ แล้งๆ มาตลอด ก่อนจะกวาดตามองอีกหลายชีวิตที่มองมายังตน ทุกสายตาช่างประหัตประหารความรู้สึกของสุภัทราอย่างเหลือเกิน โดยเฉพาะสายตาของสิโรจน์ และเมื่อทนไม่ไหว สุภัทราจึงวิ่งออกไปจากบ้านหลังนี้ บ้านที่เธอมาเหยียบครั้งใดก็ต้องพกพาความเสียใจกลับไปด้วยทุกครั้ง
ชเนตตีที่ยืนนิ่งมองหน้าผู้เป็นพ่อสลับกับมองร่างของมารดาที่วิ่งไปทางประตู ทุกคำพูดและทุกการกระทำอยู่ในสายตาเด็กหญิง และนั่นทำให้เกิดคำถาม และเป็นคำถามที่ทำให้สิโรจน์ถึงกับสะอึก
“คุณพ่อตบแม่ทำไมคะ แม่ทำอะไรผิด แม่แค่มาทำบุญบ้านร่วมกับคุณพ่อแค่นั้นเอง ทีคนอื่นยังมาทำบุญบ้านของคุณพ่อได้เลย แล้วทำไมคุณพ่อถึงไม่ให้แม่ของเนยอยู่ทำบุญด้วย ทำไมคุณพ่อไม่พูดดีๆ ทำดีๆ กับแม่เหมือนกับที่ทำกับน้าปิ่นบ้างล่ะคะ คุณพ่อใจร้ายทำร้ายแม่ของเนย”
ชเนตตีพูดจบก็วิ่งตามร่างของสุภัทราไปทันที ทิ้งคำพูดที่ไม่เคยพูดมาก่อนให้ติดค้างในใจของผู้เป็นพ่อ ที่เธอไม่รู้ว่าจะซึมซับเข้าไปในจิตใจของอีกฝ่ายหรือไม่
สิโรจน์นิ่งงันไปกับคำพูดของชเนตตี จริงตามที่บุตรสาวคนโตของเขาพูด สุภัทราแค่มาร่วมทำบุญบ้านในวันนี้เท่านั้น ไม่ได้มาทวงสิทธิ์ของความเป็นภรรยาแต่อย่างใด และมันก็ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไรด้วย แต่ทำไมเขาถึงไม่ให้สุภัทราอยู่ร่วมงาน แถมขับไล่อีกต่างหาก ความรู้สึกผิดจึงอัดแน่นขึ้นมาในใจ เป็นความรู้สึกผิดครั้งแรกที่เกิดขึ้นในรอบหลายปี
โดยเฉพาะการแสดงออกซึ่งความเย็นชาต่อชเนตตี ที่เขาหมางเมิน ไม่สนใจไยดีตั้งแต่เธอเกิดมา น้อยครั้งนักที่เขาจะอุ้มหรือกอดให้ความอบอุ่น เขาเองก็รู้สึกผิดแต่คล้ายมีเส้นบางๆ ที่กั้นกลางระหว่างเขากับชเนตตี ทำให้ความรู้สึกที่สมควรจะเกิดขึ้นระหว่างพ่อลูกกว้างขึ้นทุกขณะ
“คุณพี่ขา ปิ่นเจ็บจังเลยค่ะ โอ๊ย!” หทัยชนกรีบพูดเมื่อเห็นทีท่าของสามี แถมยังดูจะออดอ้อนมากอีกด้วย
“คุณสินคะ พี่ว่าพาปิ่นไปพักก่อนดีกว่านะคะ อีกตั้งชั่วโมงกว่าพระจะมา” วิมลเอ่ยบอกสิโรจน์
“ครับคุณพี่” สิโรจน์ที่เคารพรักวิมลไม่ต่างกับพี่สาวรับคำ ก่อนจะพยุงร่างของภรรยาสาวไปยังชั้นบนของบ้าน ละทิ้งเรื่องสุภัทรากับชเนตตีไปในทันที
“คุณหนุ่มดูรุ่งทำสิคะ มารยาททรามมากๆ ต่ำ”
การกระทำของสุภัทราที่วิมลมองเห็น มันเป็นเรื่องที่ต่ำสำหรับผู้ลากมากดีอย่างนาง แต่วิมลไม่ทันได้ไตร่ตรองว่า การที่นางเข้าข้างหทัยชนกภรรยาน้อยของสิโรจน์ออกนอกหน้า เป็นการสมควรหรือไม่ ทั้งที่นางน่าจะให้ความเห็นใจและสงสารสุภัทราบ้างในฐานะผู้ที่ถูกแย่งสามี
“อย่าไปว่ารุ่งอย่างนั้นสิคุณ ถ้าจะมีใครผิดผมว่าคุณสินนั่นแหละผิด ผิดที่มีสองเมีย” พิสุทธิ์ปรามภรรยา ความคิดของเขากลับคิดว่า คนที่ผิดคือสิโรจน์เพราะถ้าหากอีกฝ่ายไม่คิดมีภรรยาสองคน เรื่องเช่นนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ซึ่งผลจากการกระทำของผู้ใหญ่ก็ส่งผลตรงถึงชเนตตีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “เราเป็นคนนอกอย่าไปยุ่งเรื่องของเขาเลยนะ อยู่ห่างๆ อย่างเป็นห่วงดีกว่า”
“คุณพี่กำลังจะบอกน้องว่า อย่ายุ่งเรื่องของชาวบ้านใช่ไหมคะ” วิมลพูดจบก็ค้อนสามี
“ใครจะกล้าว่าคุณล่ะ ผมแค่เตือนเฉยๆ ไม่อยากให้คุณถูกถอนหงอกต่างหาก” พิสุทธิ์แก้ตัว
“เชอะ น้องไม่พูดกับคุณพี่แล้ว ไปดูแลงานแทนเจ้าของงานดีกว่า”
วิมลเดินเข้าดูความเรียบร้อยในการจัดเตรียมอาหารคาวหวานให้พระภิกษุสงฆ์แทนเจ้าของงานที่เวลานี้ไม่สะดวกทำหน้าที่นี้