ตอนที่ : 7

2178 คำ
ยูถกาตัดสินใจว่า อาจจะรับงานเดินแบบอีกครั้ง หลังจากครั้งก่อนนั้นรับเชิญเป็นนางแบบงานการกุศล จนกระทั่งเจ้าของห้องเสื้อชื่อดังสนใจในตัวเธอทั้งๆ ที่ตัวเธอเองนั้นไม่ใครมั่นใจในความสามารถด้านนี้สักเท่าไหร่ แต่ในเมื่อเจ้าของห้องเสื้อให้ความกรุณา ทำให้ยูถการู้สึกว่า น่าจะลองดู “อย่าคิดนาน รับรองได้ ถ้าไม่ดังเปรี้ยงปร้าง พี่จะออกแบบเสื้อให้ใส่ฟรีตลอดชีพเลยนะ” เจ้าของห้องเสื้อภัทรายิ้มๆ อยู่ปลายสาย “คุณพี่ภัทคะ ยูว์น่ะ เพิ่งเดินไปได้งานเดียว จะไหวหรือคะ” ยูถการู้สึกไม่ใคร่มั่นใจนัก เกรงว่าจะไปสร้างความเสียหายให้กับห้องเสื้อชื่อดังเข้า “ก็ไอ้งานเดียวนี่แหละ เห็นแววชัดเชียว มาถ่ายแบบให้พี่ก่อนกับคอลเลคชั่นใหม่ ลุคสาวเท่ห์ ออกแนวอาร์ตติส รับรองได้จะช่วยยูว์เรื่องอื่นได้ด้วย โดยเฉพาะงานเขียน” ภัทรายิ้มๆ นึกถึงคนที่อยู่ปลายสาย ซึ่งยังไม่ค่อยรู้จักมักคุ้นกันมากนัก เคยเจอกันบ้าง และได้ยิน เรื่องความฉลาดหลักแหลมรวมถึงเสียงร่ำลือกับความเก่งกาจในหลายๆ ด้านของสาวคนนี้ “อันที่จริง ให้ออกแบบเสื้อผ้าน่าจะง่ายกว่า ไปเป็นแบบนะคะ คุณพี่ภัท” ยูถกาพูดเสียงอ่อยๆ “เออ น่าสนใจนะ แต่ตอนนี้ชุดเสร็จเรียบร้อยแล้ว รอยูว์ตอบตกลงอย่างเดียวเลย ส่วนเรื่องออกแบบ เดี๋ยวคุยกันอีกที นะคะ นะ คุณยูถกา” ภัทรายิ้ม ค่อนข้างมั่นใจว่า ยูถกาคงตอบตกลง เพียงแค่ต้องพูดเพิ่มความมั่นใจให้มากขึ้นเท่านั้นเอง “นางแบบดังๆ ของพี่ คู่น่ารักสองคนนั้นเหมาะกว่าไหมคะ ใบพลูกับ สู่ขวัญน่ะคะ” ยูถกาถอนใจเบาๆ หลังจากหาทางออกให้กับตัวเองได้ ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้ผลก็ตามที “สองคนนั้นมีคอลเลคชั่นต่อจากนี้ อย่าเบี่ยงประเด็น พี่ไม่ไขว้เขวนะ จะบอกให้ เอาเป็นว่า รอคำตอบได้นะคะ ให้เวลาหนึ่งสัปดาห์แจ้งกลับพี่ด้วย ทิ้งท้าย อยากร่วมงานด้วยจริงๆ นะ รอนะคะ นางแบบหน้าใหม่” ภัทราพูดสรุปก่อนจะวางสายพร้อมด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวค่ะ คุณพี่ภัท” ยูถกาถอนใจ เพราะบทสรุปที่ได้ยิน ภัทราพูดไปเมื่อสักครู่ เหมือนเป็นการถูกบังคับให้ตอบรับแบบกลายๆ แล้ว พุทธชาดหัวเราะ เมื่อเห็นยูถกานั่งหน้ามุ่ย ไม่สนใจอาหารที่ตัวเองชอบเลยสักนิด ทั้งๆ ที่รักษานำไปวางให้ตรงหน้า ซึ่งปกติแล้วจะต้องทำตาลุกวาวและยิ้มสวยๆ พูดขอบคุณรักษายกใหญ่ แต่ครั้งนี้กลับนั่งเงียบพูดขอบคุณและยิ้มน้อยๆ ให้เจ้าของร้านที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ พุทธชาด ยิ้มแล้วมองดูเพื่อนรักของคนรักที่ดูท่าทางมีกังวล “นางแบบหน้าใหม่ของเรา ท่าจะแย่นะ ว่าไหมคุณพุด” รักษายิ้มหันมามองสบตากับพุทธชาดที่ยิ้มกว้างขึ้น “ธรรมดาค่ะ อะไรใหม่ๆ ในชีวิต มักจะทำให้คนเราวิตกกังวลเสมอ แต่พุดเชื่อนะคะ ว่า คุณภัทราต้องเห็นแววในตัวเพื่อนของพุด ถึงกับโทรศัพท์มาด้วยตัวเองขนาดนี้ ถือว่าไม่ธรรมดาเหมือนกันนะคะ” พุทธชาดยิ้ม “ทำอย่างไรดีล่ะ คุณพุด” ยูถกายิ้มจ๋อยๆ หันมาทางพุทธชาดกับรักษา “ทำอะไร” พุทธชาด ถามยิ้มๆ “ปฏิเสธ คุณภัทรา น่ะสิ” ยูถกาพูดเสียงอ่อยๆ “คิดให้ดีนะ ยูว์ ถ้าเกิดฮอทขึ้นมาล่ะก็ แกเอ๊ย งานอื่นๆ จะง่ายขึ้นอีกเยอะเลยนะ ดูอย่างพวกดาราที่เขียนหนังสือสิ ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่าไม่ ใช่เพราะความมีชื่อเสียงหรอก หรือ” พุทธชาดยิ้ม มองสบตากับยูถกา “บ้า เขียนไม่ดี ใครจะซื้อ” ยูถกายังคงนั่งทำหน้ายุ่งๆ อยู่ “เชื่อสายตา คุณภัท เถอะ มีหรือปั้นใครแล้วไม่ดัง เคยเห็นปะ” “นั่นสิ รัก เห็นด้วยนะ ยูว์” รักษาพูดเสริมขึ้น “จะพา ห้องเสื้อคุณพี่ภัท เสียหายล่ะสิ ไม่ว่า” ยูถกาบ่นงึมงำ “คิดมาก ยูว์ก็แค่รับงาน แล้วทำให้เต็มความสามารถ เรื่องอื่นๆ ทางห้องเสื้อคงจัดการเรียบร้อย อีกอย่างเสื้อผ้าที่เจ้าของห้องเสื้อ ออกแบบเอง คนอื่นเขาอยากจะใส่กันจะแย่ รับเถอะ พุดเชียร์เลยนะ ให้รับ” พุทธชาดยิ้มด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ ยูถกาสัมผัสได้ “รัก อีกแรง เชียร์แน่นอน กำลังใจเต็มร้อย รวมกับคุณพุดเป็นสองร้อยแล้วนะ ยูว์” รักษายิ้มกว้างมองสบตากับยูถกา “ขอคิดสักนิดนะ” ยูถกาพูดเสียงอ่อยๆ เริ่มหันมาสนใจอาหารที่วางอยู่ตรงหน้า เพราะเริ่มรู้สึกหิว หลังจากออกมาจากร้านของรักษา ยูถกาขับรถเรื่อยเปื่อย คิดโน่นคิดนี่ โดยเฉพาะเรื่องงานใหม่ที่กำลังเข้ามาในชีวิต ภาพของวัดพระแก้วซึ่งมองเห็นอยู่ตรงหน้านั้นได้สร้างรอยยิ้มให้ ยูถกายิ้ม เมื่อเห็นเด็กผู้ชายแต่งตัวมอมแมมวิ่งข้ามทางม้าลาย จากศาลหลักเมือง ไปยังบริเวณท้องสนามหลวง นั่นทำให้รอยยิ้มกว้างขึ้นในทันที แล้วภาพของผู้ใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ จนเกือบจะมอม แมมก็ผ่านเข้ามาในความคิด ยูถกายิ้มๆ เมื่อนึกถึงเม็ดขนุน เม็ดขนุนยิ้มกว้างขึ้น เมื่อเห็นเด็กๆ เริ่มมานั่งล้อมวง กระดาษถูกแจกยื่นให้คนละแผ่น พร้อมกับเด็กๆ เหล่านั้นเริ่มมาหยิบดินสอจากกล่องที่วางไว้คนละหนึ่งแท่ง บางคนหยิบขึ้นมาดูก่อนว่าปลายแหลมหรือไม่ บางคนก็ไม่ได้สนใจหยิบขึ้นมาแล้วเริ่มนำไปวาดรูปตาม ที่เม็ดขนุนได้บอกกับเด็กๆ ไปว่า ให้วาดรูปสิ่งที่ตัวเองกำลังนึกถึงอยู่ในเวลานี้ เด็กๆ ที่นั่งล้อมวงกันอยู่ มีบางคนที่มากับบิดามารดา เดินมาด้อมๆ มองๆ ยิ้มๆ และหันไปมองทางผู้ใหญ่ที่มาด้วย หลังจากผู้ใหญ่พยักหน้าแทนการอนุญาตรอยยิ้มก็เกิดขึ้น เด็กเข้ากันได้ดีไม่ได้สนใจสิ่งภายนอก ถึงแม้บางคนจะเนื้อตัวมอมแมม แค่เพียงครู่เดียวการกอดรัดฟัดเหวี่ยงก็เกิดขึ้น เม็ดขนุนยิ้มๆ หยิบกล้องตัวเล็กออกจากกระเป๋า บันทึกแรกพบของเด็กที่ไม่รู้จักกัน เม็ดขนุนนึกชื่อของภาพที่ได้กดชัดเตอร์บัน ทึกเอาไว้ ยูถกายืนยิ้มมองดูอยู่ห่างๆ ได้สักพักใหญ่ ก่อนที่จะหอบหิ้วถุงขนม นมและน้ำไปวางลงข้างๆ เม็ดขนุนที่ดูจะไม่สนใจเลยว่า คนที่มานั่งลงข้างๆ นั้นเป็นใคร หลังจากก้มหน้าก้มตา สาละวนพูดคุยและดูเด็กๆ วาดรูปกันอย่าง ขะมักเขม้น ด้วยความอยากแกล้งยูถกาจึงนำขวดน้ำทาบไปที่แก้มของเม็ดขนุน “โอ๊ย” เสียงร้องโวยวายของเม็ดขนุนทำให้เด็กๆ หัวเราะลั่น “โห แค่นี้ทำเป็นร้องโวยวาย” ยูถกาอมยิ้ม กลุ่มเด็กที่นั่งวาดรูปกันอยู่นับสิบ พูดทักทายยูถกา “สวัสดีครับ” พูดขึ้นเกือบจะพร้อมกัน “สวัสดีค่ะ” มีเสียงเด็กผู้หญิงที่ยิ้มอายๆ กำลังขยับมานั่งใกล้ๆ ยูถกา “สวัสดีค่ะ” ยูถกาพูดทักทายทุกคน หันไปทางเม็ดขนุนที่กำลังยิ้มแป้นทำหน้าเป็นให้อยู่ ก่อนจะพูดทักทายออกมา “สวัสดี ยูววววว” เม็ดขนุนทักทายเบาๆ แล้วยิ้มๆ “หวัดดี ไอ้เม็ดหนุน” ยูถกาทำปากขมุบขมิบพูดทักทาย บรรยากาศในยามเย็น แสงแดดเริ่มอ่อนแรงลง ลมพัดเย็นสบายว่าวบนท้องฟ้าหลากสีสันสวยงาม ภาพของครอบครัวได้สร้างรอยยิ้มให้กับยูถกาซึ่งมองออกไปรอบๆ บริเวณอันกว้างใหญ่ มองไปได้ไกลสุดลูกหูลูกตา เด็ก ผู้หญิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ยูถกาสะกิดคนที่เหม่อมองไปรอบๆ บริเวณ “พี่คนสวยคะ” “ว่าไงคะ สาวน้อยคนสวย” ยูถกายิ้มๆ กับเด็กผู้หญิงที่ยิ้มจนตาหยีจมูกย่น “รูปเสร็จแล้วค่ะ” สาวน้อยยื่นกระดาษให้กับยูถกา “สวยนี่นา บอกพี่หน่อยค่ะ ว่าใครเป็นใครบ้างมีคนหลายคนเลยนะคะ ในรูปนี้” ยูถกาถาม เม็ดขนุนมองยิ้มๆ เมื่อได้ยินการสนทนาของทั้งสองสาวต่างวัย “คนนี้ คือ คนนี้ค่ะ” สาวน้อยบอกกับยูถกาที่เริ่มมองไล่ไปทีละคน “ถ้าอย่างนั้น คนนี้ ก็พี่สิคะ” ยูถกายิ้มกว้างขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มอายๆ ของสาวน้อย “ถูกต้องแล้วค่ะ สวยไหมคะ” สาวน้อยถาม “สวยมากค่ะ สวยกว่าตัวจริงอีกนะ ชื่ออะไรคะ” ยูถกาถามสาวน้อยที่ยังยิ้มอายๆ ก่อนหน้าที่มองดูอยู่ เด็กผู้หญิงคนนี้ไม่ค่อยจะพูดคุยนักเพราะเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม เลยจะยิ้มๆ มองดูเด็กคนอื่นเสียเป็นส่วนใหญ่ “มิ้นค่ะ” “สวัสดีค่ะ มิ้น พี่ยูว์ คะ” ยูถกาแนะนำตัวเอง สาวน้อยพนมมือไหว้ยูถกาที่หยิบนมกล่อง และขนมคุกกี้ยื่นให้สาวน้อยที่หันไปมองทางมารดา ซึ่งกำลังยิ้มให้อยู่และพยักหน้า “ขอบคุณค่ะ หนูเอาไปแบ่งให้แม่ก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับมาใหม่” ยูถกามองตามสาวน้อยที่กำลังลุกขึ้น ยูถการั้งตัวเอาไว้ ยื่นขนมคุกกี้ให้อีกชิ้นและน้ำหนึ่งขวด สาวน้อยรับไว้และยิ้มสวยๆ ให้อีกครั้ง เด็กผู้หญิงที่ชื่อ มิ้น วิ่งไปนั่งลงบนตักของมารดา ขนมคุกกี้ นมกล่องและขวดน้ำ สาวน้อยยังคงประคับประคองอยู่ ภาพที่เห็นคือ สาวน้อยที่วิ่งกลับ ไปหามารดาเมื่อสักครู่กำลังค่อยๆ แกะพลาสติกออกจากขนมคุกกี้ ซึ่งชิ้นพอ ประมาณที่เด็กตัวน้อยทานได้พออิ่ม ยูกถามองยิ้มๆ เอื้อมไปหยิบกล้องที่อยู่ในกระเป๋า แต่เสียงกดชัดเตอร์ดังขึ้นข้างๆ ยูถกาหันไปเห็นเม็ดขนุนกำลังถ่าย รูปสาวน้อย ซึ่งกำลังนำขนมนั้นป้อนให้มารดา มารดาของสาวน้อยยิ้มๆ เมื่อลูกสาวป้อนขนมให้ พร้อมกับยื่นนมกล่องที่เธอค่อยๆ เสียบหลอดเข้าไปด้วยตัวเองให้มารดาดื่มก่อน ภาพที่เห็นทำให้ยูถกายิ้มกว้างขึ้นมากกว่าเดิม ขนมคุกกี้สองชิ้น นมหนึ่งกล่องกับน้ำหนึ่งขวดทำให้ได้เห็นความน่ารักของความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูก ซึ่งน่าประทับใจเป็นที่สุด หลังจากถ่ายรูปเอาไว้แล้ว ยูถกาจึงหันมายิ้มให้เม็ดขนุน ซึ่งกำลังจ้องมองเธออยู่พอดี “มองอะไร” ยูถกากระซิบถาม “รู้หรือยังว่า ทำไมเราถึงมาที่นี่” เม็ดขนุนพูดขึ้น “คิดว่านะ ยูว์เห็นความสุข” ยูถกายื่นกล้องถ่ายรูป ซึ่งเธอกดถ่ายภาพเอาไว้ให้กับเม็ดขนุนที่รับไปกดไล่ดูที่ละภาพ “เราดีใจนะ ที่รู้ว่า ยูว์มีความสุข” เม็ดขนุนยิ้มน้อยๆ สายตาแปลกๆที่มองมานั้น ทำให้ยูถกาต้องรีบหันไปมองทางอื่น “ขอบใจ” ยูถการำพึงออกมาเบาๆ รู้สึกตัวเอง เก้ๆ กังๆ เหมือนทำอะไรไม่ค่อยถูก เมื่อมองสบตากับเม็ดขนุนไปเมื่อสักครู่ ต้องรีบหาเรื่องคุยกับเด็กๆ คนอื่นที่ยังคงนั่งวาดรูปกันอยู่ หลังจากวาดรูปกันเรียบร้อย เม็ดขนุนเก็บกระดาษที่เด็กๆ วาดรวมใส่กล่องเอาไว้ กีตาร์ที่วางอยู่ข้างๆ ถูกนำมาทดสอบเสียง เด็กๆ อมยิ้มมองดูเม็ดขนุนด้วยแววตาที่แสดงออกถึงความชื่นชม จะว่าไปสิ่งที่ผู้หญิงคนนี้ทำอยู่ถือเป็นเรื่องน่าชื่นชมอยู่มาก “พี่เม็ดหนุน เรียนหนังสือที่ไหนครับ” เด็กผู้ชายที่ยูถกาพบครั้งก่อนเริ่มถามคำถาม โดยที่เม็ดขนุนเริ่มเล่นกีตาร์เป็นทำนองเพลงเบาๆ “ประถม และมัธยมเรียนโรงเรียนวัดครับ” เม็ดขนุนบอกและบอกชื่อมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งให้กับเด็กคนนั้นที่ทำท่าคิด “เก่งจังเลยครับ” ยูถกายิ้มจางลง เมื่อเห็นรอยยิ้มจางๆ ของหนุ่มน้อยที่ถามคำถามเม็ดขนุนไปเมื่อสักครู่ “พร้อม เมื่อไหร่ก็กลับบ้าน กลับไปเรียนหนังสือนะ พี่รู้นะ ว่าพวกเราน่ะ อยากเรียนหนังสือกัน ใครกลับบ้านไปแล้ว มีปัญหา โทรศัพท์หาพี่นะ ตามเบอร์โทรศัพท์ที่จดใส่กระดาษไว้ให้ เราจะคุยกัน เราจะช่วยกัน ตกลงไหม” เม็ดขนุนพูดขึ้นลอยๆ ไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปที่เด็กคนไหน รอยยิ้มจางๆ นั้นทำให้ยูถการู้สึกใจหาย คงไม่มีเด็กคนไหนที่อยากออกมาอยู่กันลำพังแบบนี้ ซึ่งทั้งตัวเธอเองและเม็ดขนุนไม่สามารถรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่จากคำถามที่ได้ยิน ถือเป็นเรื่องดี เพราะอย่างน้อยพอจะรู้ว่า มีเด็กคนหนึ่งล่ะที่สนใจเรื่องการเรียนคาดเดาได้จากคำถามที่ได้ยินไปเมื่อสักครู่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม