ตอนที่ 1

1501 คำ
ท้องสนามหลวงนั้นถือได้ว่า เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนทั่ว ไปยกเว้นในวันที่จะมีจัดงานสำคัญๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพิธีของทางราชการจัดขึ้น แต่ภาพสนามหญ้ากว้างๆ มีเด็กเล็กวิ่งเล่นว่าว เสียงดังเจื้อยแจ้วสลับกับเสียงหัวเราะทำให้ยูถกายืนยิ้ม ขณะกำลังมองดูภาพเด็กผู้ชายตัวน้อยอายุไม่น่าจะเกินสามขวบที่กำลังหัวเราะคิกคักกับผู้ชาย ซึ่งคงจะเป็นบิดากำลังสอนให้ลูกชายตัวน้อย เล่นว่าวท่ามกลางลมพัดเย็นสบาย ภาพเหล่านี้ไม่ได้แปลกนักสำหรับยูถกา เพราะเคยมานั่งรับลมมองดูผู้คน รวมถึงถ่ายภาพบ้างในบาง ครั้ง มหาวิทยาลัยที่เคยศึกษานั้น อยู่ไม่ห่างจากบริเวณนี้มากนัก ใช้เวลาเดินเพียงแค่ห้านาทีก็ถึงแล้ว “วิ่งเข้าลูก” เสียงของบิดาที่ออกแรงเชียร์ลูกชาย ซึ่งกำลังวิ่งตุปัดตุเป๋หันมามองว่าวที่ลอยขึ้นเล็กน้อย พร้อมด้วยเสียงหัวเราะ เมื่อเห็นว่าวที่ตัวเองนั้นถือเชือกและพาวิ่งอยู่ค่อยๆ ลอยขึ้น ยูถกายิ้มกว้างขึ้นมากกว่าเดิม “ความสุข อยู่รอบๆ ตัวเราจริงๆ เหมือนที่แม่พูดบ่อยๆ” ยูถกาพูดขึ้น มองไปรอบๆ บริเวณสนามอันกว้างใหญ่ ภาพของผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อยืดแขนยาวสีขาวแต่ดูขมุกขมอมเต็มไปด้วยเศษหญ้าและฝุ่น ได้หยุดสายตาของยูถกาเอาไว้ ผู้หญิงคนนั้นกำลังเล่นกับกลุ่มเด็กที่พอจะดูออกว่า เป็นเด็กที่น่า จะมีปัญหาหนีออกมาจากบ้าน และอาศัยสถานที่ละแวกนี้เป็นที่หลับนอน ซึ่งเด็กเหล่านี้มีให้เห็นอยู่ตั้งแต่สมัยที่เธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ภาพที่เห็นกำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงเล่นกันอย่างสนุกสนาน ทำเอาเสื้อผ้าของผู้หญิงคนนั้นมอมแมมจากเสื้อสีขาวกลายเป็นสีหม่น เพราะเด็กๆ เหล่า นั้น เนื้อตัวมอมแมมพอสมควร บางคนไม่รู้เหมือนกันว่า ไม่ได้อาบน้ำมากี่วันแล้วด้วยซ้ำ เห็นเด็กๆ ช่วยกันล้มทับผู้ใหญ่ ทำให้ยูถกาหัวเราะออกมา เพราะดูท่าจะน่วม ยามที่เด็กๆ เล่นสนุกสนานมักจะไม่สามารถประมาณแรงของตัวเขาเองได้เท่าไหร่นัก เรียกได้ว่า ทิ้งตัวเต็มที่ในการกอดรัดฟัดเหวี่ยงคนที่ล้มลงไปนอนตัวงอขลุกอยู่กับพื้นสนามหญ้า ยูถกาเผลอหัวเราะออกมา ผู้หญิงคนที่กำลังเล่นอยู่กับเด็กๆ ได้ยินเสียงหัวเราะ หลังจากลุกขึ้นมานั่งตั้งหลักได้โดยยังคงมีเด็กยืนอยู่ด้านหลังและกอดคอเอาไว้ สายตาเรียบนิ่งที่มองมานั้นทำให้ยูถกาต้องรีบมองไปทางอื่น ถึงแม้จะเห็นหน้าไม่ชัดนัก เพราะหมวกแก๊ปที่สวม ปิดหน้าเอาไว้ หากแต่ว่า ก็พอจะเห็นความสวยได้ ผ่านแววตาที่จ้องเขม็งมาเมื่อสักครู่ “พี่ครับ พี่เม็ดหนุนให้เอามาให้ครับ” เด็กผู้ชายจากกลุ่มตรงโน้นเดินถือถุงขนม ซึ่งมีขนมปังก้อนกลมๆ มายื่นให้ พร้อมด้วยรอยยิ้มจนเห็นฟันหลอ “ขอบคุณครับ ขอชื่อพี่คนที่ให้เอาขนมมาให้ อีกครั้งได้ไหมครับ” “เม็ดหนุนครับ” ยูถกายิ้ม เพราะไม่ได้ฟังผิด เด็กผู้ชายคนที่ยืนอมยิ้มปิดปากขำอยู่ พูดชื่อนั้นอีกครั้ง ซึ่งเหมือนเดิม เม็ดหนุน “คนบ้าอะไร ชื่อ เม็ดหนุน” ยูถกาคิดอยู่ในใจ ยิ้มๆ มองไปทางคนที่ไม่ได้สนใจอะไรเธอนัก หลังจากแจกขนมให้เด็กๆ ก็เริ่มแจกกระดาษพร้อมด้วยเปิดกล่องขนมคุกกี้ทั่วๆ ไป ข้างในมีสีหลากหลายชนิด และหลากหลายสีด้วย กัน สีไม้ สีเทียน และสีชอล์ค ยูถกาชะเง้อดู โดยไม่รู้ตัวกำลังเป็นคนอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาเมื่อไหร่ “หนูไปก่อนนะครับ” เด็กผู้ชายคนที่นำขนมมาให้ ทำท่าจะวิ่งไปแต่ถูกดึงแขนเอาไว้ ยูถกาแปลกใจกับคำพูดสุภาพ จากเด็กที่คนทั่วไปเรียกว่า เด็กเร่รอน ในกระเป๋ามีลูกอม และช็อกโกแลตติดมาด้วย จึงหยิบและยื่นให้หนุ่มน้อยที่ยืนยิ้มฟันหลอทำท่าลังเล แต่จากแววตาพอจะดูออกได้ว่า คงอยากได้ลิ้มชิมรสขนมที่ยูถกายื่นให้ หนุ่มน้อยจึงนั่งคุกเข่า พนมมือไหว้และรับขนมมาพร้อมด้วยคำขอบคุณ “ขอบคุณครับ ขอเอาไปแบ่งเพื่อนๆ ก่อนนะครับ นางฟ้าใจดี” “นางฟ้าเลยหรือ ครับ ดีครับแบ่งกันนะครับ” หนุ่มน้อยรีบวิ่งไปรวม กลุ่มกับเพื่อน และแบ่งปันขนมกันจนครบทุกคน คนละเล็กละ น้อย เรียกได้ว่าคนละคำสองคำเสียมากกว่า ยูถกายิ้มกว้างมากขึ้น เมื่อเห็นรอยยิ้มของเด็กๆ ที่หันมายิ้มให้และพนมมือไหว้แสดงความขอบคุณ “ขนมน่ะ ถ้าไม่ทาน ก็ขอคืน” ผู้หญิงคนที่นั่งอยู่กับเด็กๆ เมื่อสักครู่ลุกเดินมานั่งคุกเข่าลงข้างๆ ยูถกา “ให้แล้ว เอาคืน มีที่ไหนกัน” ยูถกาพูดขึ้น “ขนมถูกๆ มอมแมมขนาดนั้น ถ้าคุณไม่ทาน ก็ขอคืนจะได้เก็บไว้ให้เด็กๆ เสียดายของ เดี๋ยวคุณคงเอาไปทิ้งถังขยะ” “ไม่คืน น้องเขาให้แล้ว บ้าหรือเปล่าคุณ ใครจะเอาขนมที่น้องให้ไปทิ้งถังขยะ มองโลกในแง่ดีบ้างก็ได้นะ” พูดจบยูถกาก็ยิ้มออกมา เมื่อนึกถึงชื่อที่เด็กผู้ชายคนเมื่อสักครู่บอก “อย่าให้รู้ว่า ทิ้งนะ เจอคราวหน้า จะตีให้ตายเลย” “ค่ะ ครูเม็ดหนุน” ยูถกาอมยิ้ม รู้สึกตลกตัวเอง ตอนพูดชื่อนั้นออกมา คนที่ได้ยินเรียกชื่อตัวเองอย่างนั้น อมยิ้ม มองสบตากับยู ถกา สายตาคู่นั้นดูมีอะไรบางอย่าง ถึงแม้จะมีปีกของหมวกแก๊ปบดบังอยู่ แต่ยูถกายังสังเกตเห็น บางครั้งดูอ่อนโยน บางครั้งดูแข็ง กร้าว หากแต่ก็น่ามองอยู่พอสมควร แต่ที่ไม่น่ารัก คือ การพูดจากวนๆ ออกแนวดูถูกอย่างไรชอบกล คงคิดว่า รังเกียจเด็กๆ กับขนมปังที่หนุ่มน้อยนำมาให้ “สัญญากับเรานะ ว่าจะไม่ทิ้งขนม ไม่ทานให้คนอื่นไปทานก็ได้ สงสารเด็กๆ ขนมปังก้อนหนึ่ง คือ อาหารสามมื้อเลยนะ สำหรับบางวัน” ผู้หญิงคน ที่นั่งคุกเข่าอยู่ข้างๆ พูดขึ้น ยูถกายิ้ม รู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา น่าจะออกแนวสาวค่ายอาสาสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งไม่ได้น่าแปลกใจนัก แต่การที่เดินมาพูดคุยแค่เพียงเรื่องขนมปังก้อนเดียวนั้น ทำให้รู้สึกว่า เด็กๆ โชคดีที่มีครูที่ดี อย่างผู้หญิงคนนี้ ถึงแม้อาจจะดูแลได้เพียงชั่วครั้งชั่วคราว แต่ถ้าได้พูดสอนหรือแนะนำ บางทีอาจจะเกลี้ยกล่อมให้กลับบ้าน เพราะท่าทางเด็กๆ เหล่านี้ค่อนข้างเชื่อฟังผู้หญิงคนนี้อยู่พอสมควร “น้องเขาบอกว่า คุณเป็นคนให้เอาขนมมาให้” ยูถกาพูดขึ้น “น้องเห็นคุณมองอยู่ ยิ้มๆ เลยขอปันขนม บอกว่าอยากเอามาให้คุณ เราแค่อนุญาตเท่านั้น ขอบคุณน้องเขาถูกแล้วล่ะ” “พูดจาดีๆ ก็เป็นเนอะ” ยูถกาพูดแหย่คนที่ทำหน้านิ่งๆ อยู่ตลอดเวลา ผิดกับตอนที่หัวเราะและยิ้มเห็นฟันเรียงสวยอยู่กับเด็กๆ “บางที แต่จริงๆ ก็ไม่ได้อยากพูดดีด้วยนักหรอก” “เอ๊า เพิ่งชมไปนะ กวนอีกแล้ว” ยูถกาพูดด้วยน้ำเสียงดุๆ “แต่งตัวซะขนาดนี้ ไม่น่าจะมาเดินอยู่แถวนี้นะ ว่าไหม น่าจะอยู่บนแคทวอล์คมากกว่า” “หน้าตาก็ดี ท่าทางการศึกษาก็น่าจะดี แต่ทำไมมองคนแค่ภายนอก น่าเบื่อนะ คนแบบนี้ ไปดีกว่า ไม่ยักรู้ว่ามาแถวนี้ต้องมอม แมมแบบคุณ ถึงจะถูกกาลเทศะ” ยูถการู้ว่า คนที่ลุกขึ้นยืนตามเธอนั้น เริ่มพูดจาไม่เข้าหู ขี้เกียจจะทะเลาะด้วย เลยโบกมือลาเด็กๆ ที่ โบกมือลาเธอเช่นกัน “พูดด้วยไม่กี่คำ ก็เห็นชัดทะลุผ่านชุดเข้าไปข้างในแล้ว คุณ” “ไอ้บ้า เม็ดหนุน” ยูถกาพูดว่า เพราะคนที่ยืนยิ้มๆ อยู่นั้น มองไปที่บริเวณหน้าอก แล้วทำเป็นยิ้มทะเล้นให้ “เพิ่งรู้หรือ ว่าคุยอยู่กับคนบ้าน่ะ” “เดี๋ยวจิ้มตาให้บอดเลย ฝากไว้ก่อนเถอะ” ยูถกาพูดจบ ก็เดินปึงปังจากไป “เฮ้อ มาสนามหลวง ต้องแต่งตัวขนาดนี้เลยหรือ แม่คุณ” เม็ดขนุนยิ้ม มองดูคนที่เดินจากไปเมื่อสักครู่ แล้วถอนใจออกมาเล็ก น้อย แต่แอบยิ้มกับคนที่เดินลิ่วๆ กำลังจะข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่ง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม