2.1
หลังจากที่ทั้งคู่อาบน้ำผลัดผ้าเรียบร้อย หัวหน้าเผ่าก็เรียกเด็กสาวขึ้นมานอนบนฟูกผ้าไหมชั้นดีสีแดงเรียบลื่นที่ปูไว้อยู่บนแคร่ ซึ่งแม้เธอจะยังรู้สึกเขินอายอยู่แต่ก็ยอมทำตามเขา ขึ้นมานั่งด้วยกันบนฟูกผ้าไหมอย่างว่าง่ายเพราะคิดว่าคงจะถึงเวลาที่จะต้องเบิกฤกษ์การโตเป็นสาวของตัวเองแล้ว
“ได้ยินมาว่ามึงไม่อยากเข้าพิธี ทำไมถึงได้คิดแบบนั้น?”
เขาถามเสียงทุ้มต่ำอย่างสงสัย พลางจุดไฟใส่เทียนเล่มเล็กทั้งเก้าเล่มที่ห้อยแขวนไว้ในกระท่อมเพื่อเพิ่มแสงสว่างสำหรับทำพิธีกรรมจนครบ แล้วกลับมานั่งบนฟูกกับเธอ
“เอ่อ...นะ หนูได้ยินมาว่าพิธีกรรมคือเสียสาวและเรียนรู้วิธีร่วมรัก หนูไม่อยากทำแบบนั้นจ้ะ” เธอตอบไปตามความจริง แม้จะยังไม่เข้าใจนักว่าการเสียสาวและการร่วมรักหมายถึงอะไร แต่ตามที่เข้าใจจากครอบครัวของเธอคือการมอบความรักให้กับคู่ผัวเมียของตัวเอง เธอจึงไม่อยากจะมอบความบริสุทธิ์ของเธอให้กับหัวหน้าเผ่า เพราะเขาไม่ใช่คนที่เธอรักหรือจะมาเป็นคู่ชีวิตด้วย
“แล้วมึงจะเรียนรู้การเป็นเมียที่ดีได้ยังไงถ้าไม่เข้าพิธี...มึงรู้ไหมว่าถ้ามึงไม่เสียสาวให้กับหัวหน้าเผ่าที่ได้รับอาคมสืบต่อกันมารุ่นสู่รุ่น มันจะทำให้ครอบครัวและเผ่าของเราฉิบหายกันหมด” เสียงทุ้มเอ่ยกับเด็กสาวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
ความจริงแล้วการเบิกฤกษ์ของเด็กสาววัยสิบแปดปีไม่ได้เป็นเพียงแค่การสอนเอาอกเอาใจสามี และสอนท่วงท่าการร่วมรักเพียงเท่านั้น...
แต่มันยังเป็นการรักษาเผ่าพันธุ์ของพวกเขาเอาไว้ด้วย
“มะ หมายความว่ายังไงจ๊ะ” เธอขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ เพราะไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน
“ตั้งแต่สมัยก่อน เผ่าของเราถูกเผ่าศัตรูลงมนต์ดำสาปแช่งให้หญิงสาวในเผ่าไม่สามารถมีลูกหลานสืบทอดต่อไปได้ ยังดีที่สมัยนั้นหัวหน้าเผ่าของเรามีอาคมขลังที่สืบทอดกันรุ่นต่อรุ่น ถ้าได้ร่วมรักหรือเข้าพิธีกรรมเบิกฤกษ์สาววัยสิบแปดก็จะสามารถแก้มนต์ดำนั้นได้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งและสีหน้าที่จริงจัง
“น่ากลัวจัง...”
อ่อนได้ยินแบบนั้นถึงกับรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา ไม่นึกเลยว่าความจริงแล้วที่เด็กสาวในเผ่าต้องเข้าพิธีกรรม ต้นตอนั้นมาจากการที่ถูกคำสาปจากมนต์ดำนี่เอง
“เพราะงั้นมึงก็เลิกต่อต้านได้แล้ว นี่เป็นหน้าที่ของผู้หญิงในเผ่าที่ต้องทำเพื่อสืบต่อเผ่าพันธุ์ให้กับเผ่าของเรา” มือหนาดึงร่างอวบอิ่มเข้ามาใกล้ พร้อมกับเริ่มไล้มือหยาบกระด้างไปตามผิวเนื้อนวลเนียนของเด็กสาวคราวหลานอย่างเชื่องช้า แล้วกระตุกผ้าฝ้ายสีขาวที่รัดอกล้นทะลักของเธอเบาๆ เผยให้เห็นเต้าเนื้อใหญ่ที่มียอดอกเล็กสีชมพูอ่อนน่าลิ้มเลียเป็นที่สุด
“อ๊ะ...ท่านหัวหน้าเผ่า”
ใบหน้าหวานแดงก่ำอย่างหนัก ยกมือขึ้นมาปิดบังหน้าอกใหญ่ของตัวเองเอาไว้อย่างเขินอาย เพราะสายตาของเขาช่างทำให้เธอร้อนวูบวาบเหลือเกิน
“กูบอกว่าให้เรียกยังไง?” หัวหน้าเผ่าถามย้ำเสียงเข้ม ค่อยๆ ดึงมือเธอออกจากหน้าอกใหญ่แล้วสำรวจเธออย่างถูกอกถูกใจ
“ละ ลุงใหญ่...” เธอตอบกลับเสียงอ้อมแอ้มอย่างเอียงอาย ก่อนจะร้องขึ้นเสียงหลงเมื่อเขาก้มหน้าลงมางับยอดอกเล็กของเธออย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
“อ๊ะ!!”
จ๊วบบบ
“อ่าส์...อยู่นิ่งๆ พิธีกรรมเริ่มแล้ว”
ว่าแล้วเขาก็ยกมือขึ้นบีบเคล้นเต้าเนื้อล้นทะลักของเด็กสาวทั้งสองข้างอย่างหนัก พร้อมสลับดูดเลียยอดอกสีหวานทั้งสองข้างอย่างหิวกระหาย จนน้ำลายเปียกแฉะเต็มไปหมด
แผล็บ! จ๊วบบบ จ๊วบบบ
“อ๊าส์...มะ มันเสียว ซี้ดดด มันเสียวเหลือเกินจ้ะ” เด็กสาวครางเสียงดังลั่น ไม่คิดเลยว่าพิธีกรรมที่เธอเคยต่อต้านนักหนาจะทำให้รู้สึกวาบหวิวและรู้สึกดีได้ขนาดนี้
จ๊วบบบ
“อืมมมม...นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น” เขากระตุกยิ้มร้าย ผละใบหน้าออกจากเต้าเนื้อใหญ่แล้วดันไหล่บางของเด็กสาวให้เอนลงนอนบนฟูกสีแดงก่ำช้าๆ
“ลุงใหญ่...” อ่อนมองตามเขาที่กำลังปลดผ้าโจงกระเบนสีดำของตัวเองออก พลางกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อเห็นเรือนร่างของเขาเปลือยเปล่าไปทุกส่วน
ท่านหัวหน้าเผ่าแม้จะอายุสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่รูปร่างก็สูงใหญ่กำยำเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ผิวสีคล้ำเข้มแต่ก็ดูสวยงามชวนให้หลงใหล แถมลำเนื้อของเขาก็ดูใหญ่ยักษ์น่าเกรงขามเต็มไปด้วยเส้นเอ็นปูดโปนขึ้นรอบลำยาว
“ถึงเวลาต้องเบิกฤกษ์แล้วล่ะ”