ตอนที่ 3

1411 คำ
...อยากรู้จังว่าต้าเซียนจะตัดสินใจแบบไหน แล้วถ้าเขาให้ไปอยู่หอล่่ะ เขาก็อาจจะตัดสินใจแบบนั้นก็ได้ เพราะถ้าเธอไม่อยู่ที่นี่ เขาก็ไม่จำเป็นต้องกลับมาทุกวัน เหตุผลก็เพียงแค่ไม่ต้องการให้เธอต้องนอนอยู่ที่บ้านตามลำพังมากเกินไป ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้น เพียงแต่น้อยมากต่างหาก... “เรียบร้อยแล้วค่ะ...เอ่อ คุณผู้หญิงค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ” “ขอบคุณครับ” “ขอบคุณค่ะ” นาเดียร์ที่เหม่อลอย เมื่อได้ยินเสียงต้าเซียน เธอรีบกล่าวและรับของมาจากมือพนักงานจัดดอกไม้ ภาพชายหญิงที่เดินเคียงข้างกันออกจากร้าน พี่ชายที่สง่างามสงบเยือกเย็น น้องสาวที่สดใสน่ารักในชุดกระโปรงสีขาวผมสยายตามแรงโน้มถ่วงที่ด้านหลัง เปรียบดั่งภาพวาดที่ยากนักที่คนมองอยากจะสลัดสายตานั้นจากมาได้ “เดี๋ยวเราแวะหาอะไรกินก่อน” นาเดียร์พยักหน้า ระยะเวลาการขับรถไปประมาณหนึ่งชั่วโมง รถคันนี้เป็นรถใหม่ที่ต้าเซียนพึ่งซื้อหลังจากที่พ่อกับแม่เสียไปไม่นาน ตอนนั้นเขาชวนฉันไปเลือกว่าฉันชอบนั่งรถแบบไหน “เราคงต้องมีรถไว้ใช้สักคัน” เหตุผลนั้นของต้าเซียนฉันก็เห็นด้วย  แต่ฉันยังไม่สามารถขับรถได้เพราะยังไม่มีใบขับขี่ รถคันนี้ก็ไม่บ่อยนักที่เราสองคนจะใช้ เพราะการเดินทางไปมหา’ลัยของต้าเซียน จะใช้รถไฟฟ้ามากกว่า ฉันเองก็เช่นกัน ตอนที่เรียนอยู่ที่ไฮสคูลฉันก็ใช้รถไฟฟ้า รถคันนี้จะใช้ก็ต่อเมื่อ   ต้าเซียนจะต้องเข้าไปที่โรงพยาบาลกับไปไหนบ้างกับฉัน แล้วสรุปเป็นว่าเราสองคนตัดสินใจเลือกรถที่เป็นรุ่นเดียวกับที่พ่อของฉันใช้ ซึ่งคันนั้นมันก็เสียหายมากจากอุบัติเหตุครั้งนั้น คันใหม่ย่อมดีกว่า เพราะฉันเองก็ไม่อยากเห็นรถคันนั้นคันเก่าของพ่อ ความทรงจำมีมากมายเกินไป “กินที่นี่แล้วกัน” นาเดียร์หันไปมองร้านที่ต้าเซียนเข้าช่องจอดที่หน้าร้าน ร้านตกแต่งน่ารักดีจัง  ต้าเซียนลงจากรถเขาถอดแว่นตาออก และเอามาถือไว้ เดินอ้อมมาทางฉัน ต้าเซียนสวมเสื้อคอเต่าแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีดำ รองเท้าผ้าใบสีดำ แน่นอนว่าเขาเป็นที่ดึงดูดสายตาของคนรอบข้างอีกแล้ว จากผิวพรรณที่เปล่งออร่าตลอดเวลาของเขาอาจจะดูธรรมดาถ้าต้าเซียนมีแค่นั้น หรือแค่รูปร่างใครๆก็มีได้แบบเขา ผิวพรรณก็ตามเชื้อชาติ แต่หน้าตาเขาไงเล่า เรียกว่าเทพได้เลย เพราะฉันก็ไม่รู้จะหาคำไหนมาบรรยาย นอกจากบอกได้เพียงว่าเขางดงามดั่งเทพมาจุติ  ซึ่งฉันก็ชินเสียแล้ว ความเคยชินของฉันไมได้หมายความว่าต้าเซียนไม่น่ามอง เปล่าเลยเรื่องแบบนั้นไม่เกิดขึ้นกับฉันแน่นอน ที่ว่าชินของฉันคือฉันรับมือกับจังหวะการเต้นของหัวใจของฉันได้แล้วต่างหาก เราสองคนเดินเข้าไปในร้าน และแน่นอนว่าฉันต้องเป็นคนสั่ง อาหาร ต้าเซียนไม่อนุญาตให้ตัวเองรวมถึงฉันด้วยทานอาหารรสจัด ก็เขาเป็นนักศึกษาแพทย์ ว่าที่คุณหมอในอนาคต เขาจึงต้องระมัดระวังเรื่องแบบนี้ ฉันสั่งอาหารมาสามอย่าง ที่ไม่ใช่สเต็ก ต้าเซียนบอกว่าฉันกินได้ สำหรับสเต็กแต่ไม่ควรทานบ่อยมากเกินไป เดือนละไม่ควรเกินสามครั้งก็มากพอแล้ว มากกว่าพ่อฉันอีก พ่อให้โควต้าการกินสเต็กกับฉันแค่เดือนละครั้งเท่านั้น ส่วนเครื่องดื่มเป็นน้ำเปล่าสำหรับพวกเราซึ่งดีที่สุดกับสุขภาพ การมีพ่อเป็นหมอ มีพี่ชายเป็นนักศึกษาแพทย์ อ้า! แม่ของต้าเซียนเป็นพยาบาล แวดวงและคนรอบข้างของพวกเรา...ทำให้ฉันชินกับการดูแลตัวเองและถูกดูแลจากพวกเขาที่แม้ฉันจะอดคิดไม่ได้ว่ามันมากกว่าปกติหมายถึงว่ามากกว่าคนปกติทั่วไป “หลังจากไปหาพ่อกับแม่แล้ว ไปขนหนังสือของคุณหมอนะ สุ่ยถิงจะได้เริ่มศึกษาโปรเจตของคุณหมอที่ท่านทำค้างไว้” “ก็ดีค่ะ เริ่มแต่เนิ่นๆ” ต้าเซียนยิ้มบางๆ พ่อของฉันเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านโรคหัวใจ และนั่นฉันเองก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกันอยากเป็นเหมือนพ่อ แต่ต้าเซียนสนใจในเรื่องของสมอง เขาต้องต่อสายแพทย์เฉพาะทางด้านสมองแน่นอน...ว่าแล้วถามเขาเลยดีกว่า เพราะฉันไม่เคยถามเขาสักครั้ง    “ต้าเซียน พี่จะเรียนต่อเฉพาะทางด้านสมองเลยมั้ย?” “ยังไม่ได้คิดตอนนี้” ห๊า!  ไม่ได้คิด... คำตอบของต้าเซียนทำเอาเธองงไปเลย “ทะ...ทำไมละคะ?” ต้าเซียนมองใบหน้าที่จ้องมองเขา เธอนั่งอยู่ตรงข้าม ดูตื่นตกใจ รอยยิ้มปรากฎขึ้นเล็กน้อยบนใบหน้าของต้าเซียนอีกครั้ง “ยังไม่ได้คิดตอนนี้ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่คิดในวันพรุ่งนี้หรืออีกหนึ่งนาทีต่อจากนี้” ต้าเซียนมองใบหน้าของเธอที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม เมื่อสีหน้าเธอแสดงออกให้เห็นแบบนั้นอย่างชัดเจน “ฉันละคิดไม่ออกเลย ว่าถ้าพี่เป็นแพทย์เฉพาะทางด้านสมอง คนไข้สาวๆของพี่คงลำบากแย่...” ต้าเซียนคิ้วขมวดกับประโยคนั้นของเธอ “ทำไมต้องคนไข้สาวๆ แล้วทำไมต้องลำบาก” นาเดียร์ยิ้มออกมา ก่อนจะอธิบายต่อ “สมองนะคะพี่ชาย ต้าเซียนพี่ลองคิดดู สาวๆที่จะได้ใกล้ชิดพี่ได้ ต้องเป็นคนไข้มั้ย และสมอง พวกเธอเหล่านั้นไม่ต้องวิ่งเอาศีรษะชนกำแพงเหรอคะ มันถึงจะส่งผลต่อสมอง...แล้วแบบนี้มันจะไม่ลำบากเหรอคะ”     ต้าเซียนยกมือขึ้นมาด้วยท่าทางครุ่นคิด เขาขยับนิ้วชี้ข้างหนึ่งเคาะบริเวณหางคิวของตัวเอง “ก็เป็นวิธีในการกำจัดปัญหาได้ทางหนึ่ง” นาเดียร์เอียงคอ คิ้วขมวดเข้าหากัน กับประโยคที่เปรยออกมาของเขา “คืออะไรเหรอคะ?” ต้าเซียนไม่ได้ตอบ เมื่อพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟและนาเดียร์ก็กล่าวขอบคุณ “ขอบคุณพระเจ้าที่ให้ข้าวเรากิน...ขอบคุณค่ะต้าเซียน” ช่วงเวลาการทานอาหารเป็นไปอย่างสงบเงียบเหมือนที่เป็นมา ต้าเซียนมักจะตักอาหารที่เธอชอบให้เธอได้ทานเยอะๆโดยตลอดช่วงเวลาการทานอาหาร เป็นเรื่องราวดีๆที่ดูจะเป็นเรื่องปกติไปแล้ว  และต่อจากนั้นการเดินทางก็เริ่มอีกครั้ง และแล้วประตูทางเข้าที่ป้ายแสดงชื่อสถานที่ Lake Forest Cemetery ตั้งอยู่ที่ 800 N. Field Drive... ก็ปรากฎให้พวกเขาได้เห็นอย่างชัดเจน ฉันและต้าเซียนลงจากรถพร้อมกับในมือที่ถือช่อดอกไม้ไว้คนละช่อ ที่นี่สงบเงียบ สวยงาม แม้จะมีแท่งหินมากมายที่สลักชื่อไว้ แต่ทำไมเธอถึงรู้สึกว่ามีสายตาจากเจ้าของชื่อบนหินสลักเหล่านั้นมองมาที่พวกเธอนะ เรายังเดินไปเงียบๆ แม้แต่เสียงรองเท้ากระทบพื้นยังแทบไม่ได้ยินเลย พ่อกับแม่ของฉันอยู่ตรงนั้น และแม่ของต้าเซียนด้วย เราสองคนยืนสงบนิ่งต่อหน้าพวกท่าน  “แม่ค่ะหนูนาเดียร์ หนูรักแม่ค่ะ...พ่อค่ะหนูคิดถึงพ่อจังเลยพ่อไม่ต้องเป็นห่วงหนูนะคะ ต้าเซียนดูแลหนูอย่างดี ขอบคุณนะคะพ่อที่พาเขามา...” นาเดียร์รำลึกเหมือนเดิมในทุกๆปีกับแม่ เมื่อไม่มีความทรงจำอะไรกับแม่ แต่เธอก็รักแม่ แต่ปีนี้เป็นปีแรกที่เธอต้องรำลึกถึงพ่อแบบนี้ เราสองคนวางดอกไม้ที่หน้าป้ายหินพร้อมกัน และยืนอยู่ตรงนั้นอีกสักพัก “ไปเถอะ” เสียงต้าเซียนที่สงบนิ่ง ดังขึ้นมาเบาๆ “ต้าเซียน พี่บอกอะไรแม่พี่ไปบ้างคะ?” ต้าเซียนหันไปมองเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมา และตอบว่า “พบแล้วครับ...” 
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม