บทที่6
ไม่รู้ใจตัวเอง
หนึ่งเดือนผ่านไปข้าวปั้นมีกิจกรรมที่ตึกคณะบริหารทำให้เธอต้องกลับมืดกว่าทุกครั้งแต่พี่ต้นแฟนหนุ่มก็อาสาที่จะมาส่งเธอที่คอนโดถึงจะคบกันมาได้เกือบสองเดือนแต่ข้าวปั้นก็ยังไม่ปล่อยตัวปล่อยใจให้กับแฟนหนุ่มรุ่นพี่
"ข้าวแกรู้ไหมว่าวันนี้คณะวิศวะจะมาอยู่ช่วยเตรียมงานกิจกรรมด้วย"
"ถ้าแบบนั้นคีตะก็ต้องมาด้วยสิ?" ข้าวปั้นหันไปถามแพรวกับน็อตที่กำลังช่วยกันทาสีแผ่นโฟมที่ถูกว่าเป็นลวดลายต่างๆ
"คงใช่เพราะวันนี้เห็นกลุ่มของคีตะนั่งประชุมกับรุ่นพี่เดี๋ยวก็คงจะมาหรอก" น็อตตอบคำถามของข้าวปั้นจนกระทั่งกลุ่มของคีตะเดินเข้ามาร่วม 20 คน
ข้าวปั้นมองไปยังเพื่อนชายอย่างคีตะเธอโบกไหมโบกมือทักทายกันอย่างปกติแม้ลึก ๆ ตัวเธอเองก็รู้สึกใจหายที่พักหลังคีตะเหมือนจะถอยห่างจากเธอแทบจะไม่กลับมานอนที่คอนโดเลยทำให้เธอต้องอยู่คอนโดคนเดียว
พี่ต้นแฟนหนุ่มของข้าวปั้นเดินมานั่งข้างข้าวปั้นก่อนจะช่วยงานของเธอที่ยังทำไม่เสร็จคีตะนั่งมองอยู่อีกมุมเห็นว่าทั้งสองเข้ากันได้ดีจึงไม่สนใจเพราะตอนนี้กลุ่มของพี่ขวัญก็มานั่งอยู่กับคีตะเหมือนกัน
ถึงเวลา 21:00 น ทุกคนต้องแยกย้ายกันกลับ ข้าวปั้นจึงเดินไปหาคีตะที่กำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ที่รถกับเพื่อนพร้อมกลุ่มของพี่ขวัญที่กำลังถ่ายรูปคู่กับรถหรูของคีตะ
"คีตะวันนี้นายจะกลับไปนอนคอนโดหรือเปล่า"
"คงไม่พอดีมีนัดกับพี่ขวัญน่าจะนอนคอนโดพี่ขวัญนั่นแหละเธอมีอะไรกับฉันหรือเปล่า"
"เปล่าฉันเห็นนายไม่กลับคอนโดเผื่อแม่นายโทรมาฉันจะได้บอกกับป้าถูก"
"อืม แม่โทรมาหาฉันแล้วล่ะฉันคุยกับแม่แล้วเธอก็ตามสบายเถอะ"
ข้าวปั้นไม่รู้เจตนาและคำพูดของคีตะเธอเดินกลับมาที่รถของแฟนหนุ่มสายตาก็ยังคอยมองคีตะอยู่ตลอดเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้สนใจเธอ เธอจึงเข้ามานั่งในรถจากนั้นแฟนหนุ่มของเธอก็ขับรถมาส่งที่คอนโด
"ข้าวปั้นครับพี่มีเรื่องอยากจะถามข้าวปั้นหน่อย"
"อะไรคะ" เธอหันไปถามเมื่อรถของแฟนหนุ่มจอดถอยเข้าซอง
"ข้าวปั้นไม่ได้คิดอะไรกับคีตะใช่ไหม?"
เธอรู้สึกหน้าชาเมื่อได้ยินคำถามนี้เธอเองก็ไม่รู้จะตอบว่าอะไรเมื่อก่อนเธออาจจะไม่ได้คิดแต่พอต้องห่างกันกลับกลายว่าเป็นเธอที่รู้สึกถึงความผิดปกติของตัวเองมันอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวที่เธอรู้สึกอยู่ฝ่ายเดียวจึงรีบส่ายหน้าปฏิเสธแฟนหนุ่มของเธอไปว่าเธอนั้นไม่ได้คิดอะไรกับเพื่อนชาย
"เปล่าค่ะ ข้าวไม่ได้คิดอะไรกับคีตะทำไมพี่ต้นถามแบบนี้คะ"
"พี่เห็นข้าวปั้นมองคีตะแปลก ๆ เพราะพี่รู้สึกกับข้าวปั้นไปแล้วพี่ไม่อยากเสียใจทีหลัง"
"เราโตมาด้วยกันค่ะเลยมีความเป็นห่วงกันบ้างแต่พี่ต้นสบายใจได้ค่ะข้าวกับคีตะเป็นเพื่อนกันจริง ๆ"
"แบบนี้พี่ไม่สบายใจหน่อย"
ทั้งสองเดินลงจากรถพร้อมหอบหิ้วอาหารมื้อค่ำมาด้วยกันปกติแล้วแฟนหนุ่มของเธอก็มักจะทานข้าวเย็นที่คอนโดกับเธอจากนั้นก็กลับบ้านไม่ได้มีอะไรเกินเลยแต่เหมือนกับครั้งนี้เขาอยากจะขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาอีกนิดพอได้เห็นแววตาที่ข้าวปั้นมองคีตะมันเหมือนสายตาผิดหวังและคิดถึงตอนแรกเขาก็พยายามไม่คิดอะไรจนเห็นคีตะมองข้าวปั้นอยู่หลายครั้งแถมสายตาที่มองมาก็ไม่ต่างจากเธอสักเท่าไหร่
หลังจากที่แฟนหนุ่มของข้าวปั้นทานข้าวเสร็จเขาก็ช่วยเธอล้างจานและนั่งคุยกันอีกสักพักจนถึงเวลาที่เขาควรจะกลับทั้งสองร่ำลากันแฟนหนุ่มของเธอถือวิสาสะหอมแก้มเธอไปหนึ่งทีซึ่งเธอไม่ได้โกรธหรือว่าอะไรแค่หอมแก้มคนเป็นแฟนกันก็น่าจะทำได้แต่สิ่งที่เธอไม่คิดก็คือประตูห้องถูกเปิดเข้ามาทำให้คีตะเห็นภาพนั้นเขายืนนิ่งพูดอะไรไม่ออกพอทั้งสองผละออกจากกันเขาก็ยิ้มให้รุ่นพี่แล้วมองหน้าทั้งสองคน
"ตามสบายพอดีว่าฉันลืมไปว่าพรุ่งนี้มีสอบเลยกลับมาอ่านหนังสือ"
"อ๋อ มีอะไรให้ฉันช่วยติวไหมพอดีพี่ต้นจะกลับแล้ว"
"ไม่ล่ะเธอไปพักเถอะโชคดีครับพี่ขับรถดี ๆ ล่ะ" คีตะหันไปลารุ่นพี่ก่อนจะเดินเข้าห้องของตนเองไป
เมื่อแฟนของข้าวปั้นกลับไปแล้วข้าวปั้นจึงเดินมาเคาะประตูห้องของคีตะแต่ไม่มีเสียงตอบรับจนเธอได้กลิ่นบุหรี่ลอยมาจากระเบียงเมื่อหันไปมองก็เห็นเขานั่งดื่มเบียร์อยู่คนเดียวจึงเดินไปนั่งแล้วหยิบเบียร์กระป๋องขึ้นมาเปิด
"นายทะเลาะกับพี่ขวัญเหรอถึงได้กลับมาฉันรู้นะว่าพรุ่งนี้นายไม่ได้มีสอบ"
"ไม่มีอะไรหรอกบางทีก็เบื่อช่วงนี้ไม่ได้ออกล่าเหยื่อด้วย"
"เกิดเป็นนายนี่ก็ดีนะไม่ต้องมีใครใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ เบื่อคนไหนก็บอกเลิกแล้วก็หาคนใหม่มาแทนที่"
"เธอพูดอย่างกับเบื่อแฟนของเธอแล้ว?" คีตะหันมามองหน้าข้าวปั้นปากก็ดื่มเบียร์จนหมดกระป๋องเขาเอื้อมไปหยิบกระป๋องใหม่มาเปิดแล้วถือมันไว้สายตามองออกไปยังแสงไฟด้านนอก
"ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฉันเบื่อหรือว่าฉันยังไม่รู้จักความรักที่แท้จริง...."
-------------------------
ไม่รู้ใจกันทั้งคู่นั่นแหละ รีบหันหน้าคุยกันได้แล้วค่ะ