ช่วงแรกที่เรียนจบมาใหม่ๆ โรฮันนาพยายามทำงานทุกอย่างหนักเอาเบาสู้ พอเลิกจากงานประจำก็ไปทำงานพิเศษต่อในตอนกลางคืน กว่าจะเลิกงานกลับถึงบ้านก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนของทุกวัน พอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายเพราะความเมื่อยล้า มันช่างหนักหนาสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ ยิ่งนัก แต่หนักแค่ไหนก็ต้องทน เพราะหวังว่าจะลืมตาอ้าปาก มีอนาคตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนี้ให้จงได้
จนทุกวันนี้เธอมีร้านขนมไทยเล็กๆ แต่อยู่ในย่านที่ผู้คนพลุกพล่านเป็นของตัวเอง ชื่อร้าน ‘บ้านขนมไทย’ ภายในร้านมีการตกแต่งสไตล์ไทยแท้ ขนมที่บริการให้ลูกค้ามีขนมไทยทุกประเภท รวมทั้งขนมมงคลเก้าอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น ขนมทองเอก ขนมเม็ดขนุน ขนมจ่ามงกุฎ ขนมถ้วยฟู และขนมเสน่ห์จันทน์ ซึ่งทั้งเก้าชนิดจะขายดีเป็นพิเศษ
หากใครคิดจะจัดงานมงคลและต้องการใช้ขนมก็ต้องนึกถึงร้านนี้เป็นอันดับแรก ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม ประณีต รสชาติอร่อย ราคาเป็นกันเองและบริการเป็นเลิศ ร้านเธอจึงเป็นที่โด่งดัง เพียงเปิดได้แค่ปีเดียวก็มีลูกค้าประจำมากมายแวะเวียนเข้ามาอุดหนุนอยู่ไม่เคยขาด
ทุกคนที่ได้ชิมต่างพากันติดใจในรสมือของโรฮันนา ทุกวันนี้ร้านของเธอโด่งดังเป็นที่รู้จัก เพราะปากต่อปากของลูกค้ารายแรกๆ ที่เข้ามาอุดหนุน จนกลายเป็นลูกค้าขาประจำ ในต้นปีนี้เธอก็มีโครงการจะขยายสาขาเพิ่ม ไปเปิดอีกที่ในย่านธุรกิจใจกลางกรุง เมื่อคิดถึงจุดนี้โรฮันนาถึงกับยิ้มออกมาอย่างภูมิใจ
“แค่ก แค่ก แค่ก…” คนป่วยไอจนตัวโก่ง น้ำตาเล็ด
เสียงไอของนมช้อยที่นอนอยู่ในบ้าน ทำให้เจ้าของร่างอ้อนแอ้นนัยน์ตาเศร้าหลุดออกจากภวังค์ แล้วรีบวิ่งเข้าไปดูแม่นมที่นอนป่วยอยู่ทันที
“นมจ๋า นมเป็นยังไงบ้างจ๊ะ?” เสียงหวานเอ่ยถามแม่นมของตนด้วยความอาทร หญิงสาวเป็นห่วงผู้มีพระคุณเหลือเกิน ภายในหัวใจดวงน้อยบีบรัดและเต้นไม่เป็นจังหวะ เพราะความกังวลและหวาดกลัวที่กำลังประดังประเดเข้ามา
“นมไม่เป็นไรมากหรอกค่ะคุณหนู นอนพักเดี๋ยวเดียวก็หายแล้ว” นมช้อยปรือตาตอบปลอบใจนายสาวให้คลายกังวลด้วยน้ำเสียงระโหยโรยแรง
“ไม่เป็นไรได้ยังไงจ๊ะนม นมเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ พรุ่งนี้หยีจะพานมไปหาหมอที่โรงพยาบาลนะจ๊ะ นมจะได้ไม่ต้องทรมานอีกต่อไป” โรฮันนาไม่อาจวางใจได้ กลัวว่าอาการของแม่นมจะทรุดหนักมากไปกว่านี้
“นมไม่เป็นอะไรจริงๆ นะคะคุณหนู ก็แค่โรคคนแก่ ไม่ต้องไปหาหมอให้สิ้นเปลืองหรอกค่ะ” นมช้อยยังคงปฏิเสธความหวังดีของนายสาว
“ไปหาหมอเถอะนะคะนม ถือว่าหยีขอร้องนะคะ” โรฮันนาพยายามหว่านล้อมแม่นมเต็มที่ เพราะเธอเป็นห่วงท่านยิ่งนัก หากท่านเป็นอะไรไปแล้วเธอจะอยู่กับใคร
“คุณหนูคะ ตอนนี้ทูนหัวของนมก็โตแล้ว สามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว หากไม่มีนมคุณหนูต้องเข้มแข็งและอยู่ให้ได้นะคะ” ยกมือเหี่ยวย่นลูบไล้ใบหน้าคนที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจ นมช้อยพูดกับหญิงสาวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เหมือนเป็นการสั่งลาไปในตัว
“ไม่นะคะนม นมต้องไม่เป็นอะไร นมต้องอยู่กับหยีตลอดไปนะคะ หยีไม่มีใครแล้ว มีนมที่รักและคอยห่วงใย เป็นครอบครัวของหยีคนเดียวที่เหลืออยู่ หากขาดนมไปแล้วหยีจะอยู่กับใคร” เธอพูดกับแม่นมด้วยน้ำเสียงสั่นขาดเป็นห้วงๆ น้ำตาคลอเบ้าเจียนจะไหล เพราะความสะเทือนใจและเศร้าโศก
“คุณหนูรู้ไหมคะ ว่าคุณหนูคือความภูมิใจสูงสุดในชีวิตของนม นมดีใจที่ได้เห็นคุณหนูมีวันนี้ แต่คนเราเมื่อถึงเวลาต้องไปมันก็ไม่อาจห้ามได้ แค่ก แค่ก” เสียงไอหนักกว่าเดิมแถมมีเลือดปนออกมาอีก เมื่อโรฮันนาเห็นดังนั้น ยิ่งตกใจเข้าไปใหญ่ กระวนกระวายใจจนไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป
“หยีไม่รอแล้ว หยีจะพานมไปหาหมอ เราไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะคะนม” หญิงสาวลนลานลุกขึ้นจะเดินไปขอร้องคนขับรถที่บ้านใหญ่ให้มาพานมช้อยไปหาหมอ แต่โดนคนป่วยดึงแขนห้ามปรามเอาไว้ซะก่อน
“อย่าเลยค่ะ คุณหนูของนม นมรู้ว่าถึงเวลาที่นมต้องไปแล้ว” นมช้อยพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาลงทุกที จนคนฟังใจหายวาบ เจ็บปวดเหมือนใจจะขาดรอนๆ ความกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจดวงน้อยจนหนาวเหน็บ
“นมจ๋า…นมอย่าทิ้งหยีไปนะจ๊ะ หากนมไปแล้วหยีจะอยู่กับใคร” โรฮันนาพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเศร้าใจ
“คุณหนูของนมต้องอยู่คนเดียวให้ได้นะคะ นมเชื่อว่าคุณหนูทำได้ คุณหนูของนมเก่งและเป็นคนดี คนดีพระท่านย่อมคุ้มครอง” แม่นมกล่าวเสียงแผ่วเบาราวกระซิบ พร้อมดวงตาที่หรี่ลงเกือบจะปิด โรฮันนาเห็นอย่างนั้นยิ่งใจคอไม่ดี กอดแม่นมไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
“ฮึก…นม…นมขา…ไม่เอา หยีไม่ให้นมไป อย่าไปนะคะ ฮือ…นม” เธอร้องไห้สะอึกสะอื้น ซบหน้าลงกับอกอุ่นของแม่นมทั้งน้ำตา
“คุณหนู…จำไว้นะคะ ว่านมรักคุณหนูมาก แต่คงไม่อาจอยู่กับคุณหนูได้อีกต่อไป” แม่นมพูดสั่งลาพร้อมลมหายใจเฮือกสุดท้าย ก่อนจะสิ้นใจลงในที่สุด
“นม… ฮือๆๆ นมจ๋า อย่าทิ้งหยีไป นม ฮึก…ฮือๆๆๆ” โรฮันนาตัวสั่นสะท้าน สะอื้นฮักกอดร่างของแม่นมร่ำไห้เสียงดังลั่น
เสียงร้องไห้โฮของหญิงสาวสร้างความแตกตื่นให้เหล่าคนใช้ที่อาศัยอยู่ใกล้กับเรือนหลังเล็ก ทุกคนต่างพากันวิ่งมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อเห็นว่านมช้อยได้สิ้นใจลงแล้ว ต่างก็พากันร้องไห้ไปตามๆ กัน เพราะทุกคนต่างก็เคารพรักนมช้อย ซึ่งเป็นคนเก่าคนแก่ของบ้านตั้งแต่สมัยที่คุณผู้หญิงยังมีชีวิตอยู่
งานศพของนมช้อยผ่านมาได้เจ็ดวัน โรฮันนาก็ยังไม่คลายความเศร้าหมองตรอมตรมในจิตใจ ยังคงห่วงหาอาลัยอาวรณ์ในตัวแม่นมไม่สร่างซา แต่ชีวิตก็ต้องดำเนินต่อไป คนตายก็ได้จากไปแล้ว แต่คนอยู่ก็ยังต้องดิ้นรนต่อสู้กันไป วันนี้จึงป็นวันแรกที่เธอเริ่มเปิดร้านหลังจากปิดมาเป็นอาทิตย์ กว่าจะช่วยกันเตรียมวัตถุดิบกับเด็กในร้าน สำหรับใช้ในการทำขนมแต่เช้ามืดของวันพรุ่งนี้เสร็จก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่ม
ก้าวขาลงจากรถแท็กซี่ เดินเข้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ เพราะเห็นว่ามันดึกมากแล้วคงไม่เป็นไร ปกติเธอจะเข้าประตูเล็กของอีกฝั่ง แต่ไฟที่ทางเดินประตูเล็กเสียได้สามวันแล้วยังไม่ได้ซ่อม วันนี้เธอจึงถือวิสาสะเดินเข้าประตูใหญ่เพราะกลัวความมืด
วันนี้คฤหาสน์หลังใหญ่ครึกครื้นเปิดเพลงเสียงดัง เหมือนมีงานรื่นเริงอะไรซักอย่าง แต่ก็มิอาจรู้ได้ว่ามันคืองานอะไร ร่างบางจึงต้องเดินเลี่ยงออกไปทางเรือนหลังเล็กที่เธออาศัยอยู่อย่างรีบเร่ง เพราะกลัวจะมีคนมาเห็น ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอต้องโดนบิดาดุเป็นแน่
เมื่อตื่นเช้ามาเธอถึงได้รู้จากคนใช้ว่าเมื่อคืนที่คฤหาสน์จัดงานเลี้ยงต้อนรับการกลับมาและฉลองการสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านจิตวิทยาของคุณหนูลัยลา พี่สาวฝาแฝดของเธอ ผู้เป็นที่ภาคภูมิใจและรักใคร่ของบิดายิ่งนัก ระหว่างที่โรฮันนากำลังยืนคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาทำลายความเงียบ ทำให้เจ้าของร่างแน่งน้อยหลุดออกจากภวังค์ทันที
“นี่นังหยี! แกยังอยู่บ้านนี้อีกเหรอยะ ฉันนึกว่าแกไสหัวออกไปแล้วซะอีก เห็นแม่นมแกตายแล้วนี่” ลัยลาสาดน้ำเสียงกระแทกแดกดันปนเย้ยหยันในที เมื่อเจอหน้าน้องสาวครั้งแรกในรอบหลายปี
ลึกลงไปภายในจิตใจ ลัยลาแอบอิจฉาน้องสาวมาโดยตลอด เพราะตั้งแต่เล็กจนโตโรฮันนาก็ได้รับความรักจากแม่นมที่เลี้ยงดูทั้งคู่มาไม่ต่างจากลูกในไส้ แต่หล่อนได้เพียงการดูแลตามหน้าที่ นมช้อยไม่เคยแสดงความรักความห่วงใยต่อหล่อนเหมือนที่นางแสดงต่อโรฮันนาเลยซักครั้ง นี่จึงเป็นเหตุที่ลัยลาเกลียดน้องสาวในไส้มาตั้งแต่ยังเด็ก เพราะหล่อนคิดเสมอว่าทุกคนรอบข้างจะต้องเห็นความสำคัญของตนเป็นที่หนึ่ง
“ค่ะ พี่ลัยลา” สาวน้อยตอบกลับพี่สาวคนสวยไปสั้นๆ เพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรได้ดีไปกว่านั้น ครั้นจะให้เธอบอกว่าจะย้ายไปในเร็ววันก็คงไม่ใช่ เธอยังไม่กล้าพอในตอนนี้
โรฮันนากลัวเหลือเกินที่ต้องออกไปเผชิญโลกกว้างเพียงลำพัง โดยไร้เงาของแม่นมที่คอยเคียงข้างอย่างที่เคยเป็นมาแต่เก่าก่อน เพราะเธอแทบจะไม่ได้เข้าสังคม เลยไม่มีเพื่อน ไม่รู้จักใคร จึงไม่กล้าที่จะออกไปอยู่คนเดียวลำพัง ต้องทนอยู่ที่นี่ให้เขาถากถางต่อไป หากวันใดที่จิตใจเข้มแข็งพอแล้ว เธอจะไม่อยู่ที่นี่ให้ใครเขารำคาญหูรำคาญตาและคอยเชือดเฉือนวาจาเป็นแน่
“ถ้าแกยังอยากมีที่ซุกหัวนอนอยู่ก็อย่าสะเออะเสนอหน้าไปที่ตึกใหญ่ให้คนอื่นเห็นล่ะ เดี๋ยวใครต่อใครเขาจะเข้าใจผิดคิดว่าผู้หญิงจืดชืดอย่างแกเป็นฉัน”
ลัยลาเบ้ปากมองน้องสาวด้วยความชิงชังรังเกียจ หล่อนยังเจ็บใจไม่หายที่เมื่อคืนมีคุณหญิงท่านหนึ่งมาทักว่าเห็นหล่อนไปทำงานที่ร้านขนมไทยแห่งหนึ่ง คนอย่างหล่อนเหรอจะลดตัวลงไปทำงานกรรมกรอย่างนั้น งานชั้นต่ำแบบนั้นมีแต่ยัยน้องสาวนอกคอกของหล่อนนั่นแหละที่กล้าทำ
“ค่ะ พี่ลัยลา” โรฮันนาพยักหน้ารับด้วยถ้อยคำเดิม แล้วก็ก้มลงอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว พร้อมทั้งรู้สึกเจ็บปวดในหัวใจ ที่พี่สาวแท้ๆ ไม่เคยเห็นเธอเป็นน้องสาวหรือคนในครอบครัวเลยสักครั้ง