“รสชาติไม่เลวนี่” เบอนันเดสเลียริมฝีปาก พร้อมกับมองเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก เขายอมรับในวินาทีนี้ว่าผิวของเธอเนียนนุ่มน่าสัมผัส กลิ่นของเธอหอมหวนรัญจวนใจ นี่สินะที่ทำให้น้องชายเขาหลงใหลผู้หญิงคนนี้จนหัวปักหัวปำ เธอมันนังแม่มดชัดๆ
“เลว!” น้ำเสียงกราดเกรี้ยวบริภาษลั่น มือสั่นระริกรีบติดกระดุมเสื้อให้เข้าที่เข้าทาง พร้อมทั้งสายตาสอดส่องมองหาทางหนีทีไล่ แต่เขาก็มาประชิดตัวอีกครั้งซะแล้ว แถมยังยื่นมือสากมาบีบขยำหน้าอกเธออย่างจาบจ้วงหยาบคาย โรฮันนารีบผลักอกกว้างให้ถอยห่าง แล้วง้างฝ่ามือขึ้นหมายจะตบหน้ายียวนให้หายแค้นเคือง
“เอาสิตบสิ คราวนี้เธอได้เป็นเมียฉันตรงนี้แน่ หรือว่าชอบเปลี่ยนบรรยากาศ หึ…ฉันลืมไปว่าคนอย่างเธอมันหน้าด้านหน้าทนอยู่แล้วนี่” ชายหนุ่มยื่นหน้าลงมาหาเธอด้วยความเต็มใจพร้อมท้าทายเสียงเย็น ขยับกายใหญ่ประชิดมากยิ่งขึ้นเหมือนจะทำอย่างที่พูดจริงๆ
โรฮันนาลดมือลงด้วยอาการฮึดฮัด เจ็บใจที่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ กัดฟันขมุบขมิบปากด่าเขาด้วยความเดือดดาลและอัดอั้นตันใจ อยากจะกรี๊ดออกมาให้ดังๆ นัก
“หึ หึ…ติดใจรสจูบของฉันก็บอกมาเถอะ แต่เสียใจนะเธอคงไม่ได้ลิ้มลองมันอีก เพราะฉันคงทนกลิ่นเหม็นเน่าของเธอไม่ไหว” คนหลงตัวเองหัวเราะเยาะในลำคอ แล้วพูดจาถากถางเธอด้วยวาจาแสลงหู
“ไอ้หน้าหนวด! ไอ้คนใจสกปรก!” หญิงสาวใช้มือเช็ดตามใบหน้า ลำคอ และปากเจ่อ ราวจะลบสัมผัสอันน่าสะอิดสะเอียนของเขาออก เห็นอย่างนั้นเบอนันเดสยิ่งบิดริมฝีปากสมเพช ทำมาเป็นรังเกียจสัมผัสของเขาทีเมื่อกี้ยังร้องครางอยู่เลย มารยาสาไถยได้โล่จริงๆ ผู้หญิงคนนี้
“หึหึ…ไม่ใช่เพราะหนวดของฉันเหรอ ที่ทำให้เธอครวญครางดังลั่นอยู่เมื่อกี้” คำถามของเขาทำให้โรฮันนาถึงกับสะอึก เมื่อกี้เธอรู้สึกแปลกๆ อย่างที่เขาว่าจริงๆ แถมยังมัวแต่ยืนอึ้งให้เขาดูดหน้าอกหน้าใจโดยไม่คิดจะปัดป้องอีก ยิ่งคิดยิ่งอยากจะเอาหัวมุดดินแข็งๆ ไปโผล่ที่ประเทศไทยนัก
“ทุเรศ!” เธอร้องด่ากลบเกลื่อนความอับอายของตัวเอง เจ็บใจจนน้ำตาไหลออกมา ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีผู้ชายคนไหนมาปล้นจูบปล้นกอดเธอแบบนี้มาก่อน แถมนี่ยังเป็นจูบแรกในชีวิตสาวอีกด้วย
“หุบปาก! แล้วไปทำงานซะ ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว ไป๊!” เบอนันเดสชี้หน้าไล่ตะเพิดหญิงสาวเสียงดัง โรฮันนาไม่รอให้เขาตวาดเป็นครั้งที่สอง ร่างน้อยหันหลังวิ่งออกไปจากบริเวณนั้นทั้งน้ำตา
โรฮันนามาหยุดสะอื้นเบาๆ ที่ข้างคอกม้า ใครจะปากคอเราะร้ายเกินผู้ชายคนนี้ไม่มีอีกแล้ว พอเปิดปากก็สวดเธอยับทันที ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอไปทำเวรทำกรรมอะไรให้เขานักหนา ชาตินี้จึงได้มาตามจองล้างจองผลาญกันถึงเพียงนี้ หญิงสาวได้แต่คิดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ
ตอนสายวันถัดมา
“ลัยลา! ลัยลา!” เบอนันเดสตะเบ็งเสียงเรียกหาเชลยสาวทันทีที่ทานอาหารเช้าเสร็จ
ช่วงที่เขามาอยู่ที่นี่ ชายใจอสูรก็ไม่ยอมให้เธอได้เอาก้นติดพื้นถึงสิบนาทีเลยด้วยซ้ำ สั่งให้ไปทำงานตากแดดเปรี้ยงๆ จนผิวที่เคยผุดผ่องเป็นยองใยคล้ำลงไปถนัดตา จับจอบจับมีดจนมือหยาบกร้านและพุพองไปหมด
“คะ คุณเบอนันเดส” คนที่ยังกินข้าวไม่อิ่มรีบวิ่งกระหืดกระหอบมาตามเสียงเรียก รีบจนข้าวที่เพิ่งกินไปได้ไม่กี่คำแทบจะออกมาทางเดิม หอบตัวโยนยกมือขึ้นทุบอกตัวเองเบาๆ เพราะเหมือนจะสำลักข้าว
“ฉันสั่งให้ไปทำความสะอาดห้องสมุดเมื่อวาน ทำไมถึงยังไม่ไปทำ” เขาคาดคั้นหญิงสาวด้วยท่าทางวางอำนาจ รอคำตอบด้วยสายตาหาเรื่องเต็มที่
“เมื่อวานมันค่ำก่อน ฉันเลยยังไม่ได้ทำค่ะ” เธอตอบคำถามจอมวายร้ายเสียงแผ่ว โรฮันนาแสนจะเบื่อหน่ายกับความช่างสั่งของเขา วันๆ เอาแต่กลั่นแกล้งเธอตลอดเวลา กลัวเธอจะขาดใจตายช้าหรืออย่างไรกัน
เมื่อวานที่เธอไม่มาทำเพราะมัวแต่ไปอาบน้ำให้ม้าอยู่จนค่ำ พอเงยหน้าขึ้นมาพระอาทิตย์ก็ตกดิน ถึงเวลาทำอาหารเย็นพอดี จึงต้องพักเรื่องทำความสะอาดห้องสมุดไว้ก่อน กะว่าจะไปทำเช้าวันนี้ แต่ก็มาเกิดเรื่องซะก่อนนี่แหละ
“งั้นก็รีบไปทำ ให้มันเสร็จก่อนสามโมงเช้า”
“หาา…สามโมงเช้า นี่คุณจะบ้าเหรอ?” โรฮันนาลากเสียงยาวมองเขาแทบตาถลน ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาพูดออกมา ทำท่าเหมือนจะตายเสียให้ได้ จะไม่ให้เธอทำหน้าแบบนั้นได้ยังไง ก็ห้องสมุดเขาใหญ่กว่าห้องนอนเธอสามห้องรวมกันซะอีก หนังสือในห้องก็มีเป็นพันๆ เล่ม แล้วจะให้เธอทำเสร็จเพียงไม่กี่ชั่วโมงคนเดียวได้อย่างไรไหว คนนะไม่ใช่หุ่มยนต์จะได้ตั้งโปรแกรมได้
“ฉันสั่งเธอก็ต้องทำ” เบอนันเดสเอ่ยเสียงเข้มวางอำนาจ
“ค่ะ” คนไม่มีสิทธิ์ค้านได้แต่พยักหน้ารับด้วยสายตาละห้อย ถอนหายใจออกมาเสียงดังพรืด
“ทำให้สะอาดล่ะ เดี๋ยวฉันจะมาตรวจ” สั่งเสร็จเขาก็หมุนตัวออกไปจากห้องสมุดทันที
โรฮันนารีบวิ่งไปหาอุปกรณ์มาทำความสะอาดโดยด่วน เพราะคาดว่าอีกไม่นานเขาต้องเดินมาดูแน่ จัดหนังสือไปก็บ่นให้เขาไป ขนาดทำความสะอาดผ่านไปเป็นชั่วโมงแล้วมันยังไม่ได้ครึ่งหนึ่งของห้องสมุดเลย ยิ่งคิดยิ่งท้อใจไม่แคล้วเธอคงต้องโดนเขาด่าอีกเป็นแน่วันนี้
ไม่นานชายหนุ่มก็เดินมาดูเชลยสาว เธอกำลังนั่งยองๆ โก้งโค้งบั้นท้ายกลมกลึงอวดสายตา ถูพื้นอยู่ได้เป็นนานสองนาน เห็นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยหยาดหงื่อไคล ผมเผ้ายุ่งเหยิง ก็ยิ้มอย่างพอใจ พอเธอยืนขึ้นเขาจึงเดินเข้าไปหาอย่างเงียบกริบ
“ลัยลา มาถูตรงนี้ด้วยสิ มันยังเป็นรอยอยู่เลย” กำลังถูพื้นอย่างขะมักเขม้นก็ต้องสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เพราะไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่ข้างหลังเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ หญิงสาวรีบยกถังน้ำและไม้ถูพื้นเดินไปถูตรงที่เขาบอกทันที
“เออ…เอาหนังสือเล่มนั้นไปไว้ในหมวดของมัน” เขาชี้นิ้วสั่งไปยังหนังสือเล่มหนึ่งที่เขาแกล้งทำตกจากชั้นไปหมาดๆ เมื่อตอนเข้ามา แล้วหญิงสาวก็ต้องเดินตามไปเก็บมันขึ้นไว้ที่เดิมตามคำสั่ง
“ย้ายโต๊ะตัวนี้ไปไว้มุมนั้น ไม่เอาไม่เอา เอาไปไว้ตรงนั้นดีกว่า เอ๊ะ…ตรงนี้ดูจะเข้าท่ากว่า” ร่างสูงใหญ่เดินไปก็ออกคำสั่งให้นางซินทำตามไปด้วย โรฮันนาลากโต๊ะตัวใหญ่ไปทางโน้นทีทางนี้ทีจนแทบหัวหมุน ปากก็ขมุบขมิบอวยพรเขาไปด้วย
“ยกหนังสือกองนั้นไปปัดฝุ่นก่อน แล้วแยกหมวดหมู่ให้เรียบร้อยด้วย” เขาพยักเพยิดไปยังหนังสือกองโตที่วางอยู่บนโต๊ะตัวใหญ่ ที่เขาเพิ่งได้มาเมื่อเดือนที่แล้วและยังไม่ได้แยกหมวดหมู่
“ตรงนั้นมันยังไม่สะอาดเลยลัยลา ทำความสะอาดยังไงของเธอ ไปเช็ดให้มันสะอาดเดี๋ยวนี้” พ่อเจ้าประคุณชี้มือไปที่ชั้นหนังสือสูงที่ยังมีฝุ่นเขรอะอยู่ แล้วตำหนิหญิงสาวเสียงเข้ม
“ค่ะ ค่ะ รู้แล้วค่ะเจ้านาย” เธอรับคำด้วยน้ำเสียงประชดประชัน แล้วไปเอาบันไดเล็กๆ มาปีนป่ายขึ้นไปทำความสะอาดด้วยท่าทางกระแทกกระทั้น
“ถูให้มันแรงๆ หน่อยสิ ข้าวก็กินมาแล้ว ทำเป็นไม่มีเอ็นไปได้” เบอนันเดสแหงนหน้าต่อว่าหญิงสาวเสียงเข้ม
คนที่ทำตามคำสั่งชักเริ่มทนไม่ไหว จึงออกแรงหนักมือประชดประชัน จนชั้นหนังสือเริ่มสั่นคลอน แล้วเธอก็เริ่มขาสั่นเพราะเกรงว่ามันจะล้มทับ อุทานเสียงดังเมื่อหนังสือกำลังจะร่วงลงมาจากชั้นจริงๆ
“อุ๊ย! อ๊ายยย”
“เฮ้ย!” คนที่อยู่ข้างล่างเบิกตากว้างเมื่อเห็นร่างบอบบางกำลังจะพลัดตกลงมา รีบเอาตัวเข้าไปรับตามสัญชาตญาณ ทั้งสองจึงล้มลงไปด้วยกัน โดยมีร่างบางเกยอยู่บนลำตัวของชายหนุ่ม
“อุ๊บ!” ปากประกบกันแนบสนิท แขนแกร่งโอบรัดเอวบาง ช่วงล่างทาบทับไปทุกสัดส่วน เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งปรู๊ดปร๊าดไปทั้งร่างของทั้งคู่ โรฮันนาตะลึงงัน ตาเบิกค้าง ร่างกายแข็งเป็นหินไปชั่วขณะ ส่วนเขาก็รู้สึกแปลกๆ ไม่แพ้กัน
“จะตะลึงอีกนานไหม รีบลุกออกไปจากตัวฉันได้แล้ว ตัวหนักชะมัด กินช้างมาทั้งตัวหรือไงกัน” เมื่อตั้งสติได้เบอนันเดสก็รีบไล่หญิงสาวเสียงขุ่น กลบเกลื่อนใบหน้าแดงก่ำ ทำให้คนที่เพิ่งรู้สึกตัวรีบลนลานลุกจากร่างเขาอย่างทุลักทุเล หญิงสาวขึ้นมายืนก้มใบหน้าแดงระเรื่องุด
“เสร็จแล้วรีบลงไปทำอาหารเที่ยงด้วย ฉันหิวแล้ว” เขาพยายามปั้นหน้าให้เรียบนิ่ง
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำเสียงแผ่วราวคนละเมอ ยกมือขึ้นแตะริมฝีปากของตัวเองเบาๆ หัวใจดวงน้อยยังคงเต้นโครมครามอยู่ไม่หยุด
สั่งเสร็จเบอนันเดสก็ก้าวขายาวๆ ออกจากห้องสมุด เพราะเกรงว่าเธอจะเห็นใบหน้าที่กำลังเห่อแดงของตน แค่เผลอไปเอาปากประกบกับยัยหน้าจืดทำไมเขาต้องรู้สึกร้อนรุ่มด้วยนะ เบอนันเดสได้แต่คิดอย่างหงุดหงิดงุ่นง่าน