คุณหนูจางอยู่คอยฟังข่าวการศึกอยู่แทบทุกวัน เมื่อมู่หลี่เฉียงจากไปได้ไม่กี่วันนางก็เริ่มคิดถึงเขาจนไม่อาจจะอยู่นอนในห้องได้เพียงลำพัง จึงได้ขอร้องให้แม่นมเจียงเข้ามานอนเป็นเพื่อน
“หวงเอ๋อร์ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ คุณชายมู่เก่งกาจยิ่งนัก ทั้งการนำทัพของจวิ้นอ๋องก็ไม่เคยแพ้พ่าย ครั้งนี้พวกเขาก็ต้องได้รับชัยชนะกลับมา”
สีหน้าของนางก็ยังไม่ดีขึ้น นางคิดทบทวนถึงชีวิตที่แสนสุขสบายของตนในเมืองหลวงที่วันๆ คอยแต่งกายงดงาม นัดกินเลี้ยงดื่มน้ำชา สังสรรค์พบปะกับสตรีชั้นสูงด้วยกัน นินทาคนรอบข้างไปวันๆ นางไม่เคยรู้เลยว่าชีวิตทหารที่ต้องสู้รบเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินอย่างเขาต้องเสียสละเพียงใด? บัดนี้เมื่อผูกพันกับเขาแล้วนางจึงได้รู้ว่านอกจากเขาจะเสียสละแล้ว ครอบครัวของทหารเหล่านั้นก็ต้องร่วมเสียสละด้วย
หญิงสาวจึงได้ขอให้แม่นมเจียงสอนนางตัดเย็บเสื้อผ้าและใช้เวลาในการทำเสื้อผ้าให้เขา รอวันที่เขาจะกลับมา ไม่ถึงหนึ่งเดือนข่าวที่ทัพเว่ยแพ้พ่ายก็แพร่มาถึงเมืองพยัคฆ์เหิน พ่อบ้านในจวนรองแม่ทัพรีบเข้ามาบอกแม่นมเจียงกับนางด้วยความตื่นเต้น
“ทัพแคว้นหมิงของเราชนะแล้วขอรับแม่นม อีกไม่นานกองทัพพยัคฆ์เหินก็คงเดินทางกลับมาขอรับ!”
“ดีๆ จวิ้นอ๋องได้รับชัยชนะเช่นนี้ แคว้นเว่ยคงไม่คิดจะรบไปอีกหลายปีเลยเชียว”
“เป็นเช่นนั้นล่ะขอรับ! เห็นทหารบอกว่ากองทัพเว่ยเกิดโรคระบาดครั้งใหญ่นอกจากจะรบไม่ไหวแล้วยังต้องเสียเงินรักษาอีกเป็นจำนวนมหาศาล ครั้งนี้คงจะเสียหายหนักต้องพักรบไปอีกนานเลยทีเดียว”
มู่หลี่เฉียงที่นำไพร่พลบุกตะลุยจัดการกับกองทัพเว่ยเสร็จก็เร่งฝีเท้าม้าเดินทางกลับมาเมืองพยัคฆ์เหิน นานนับเดือนที่จากนางมา ทุกคืนเขาได้แต่หยิบเอาผ้าเช็ดหน้าของนางขึ้นมาสูดดมด้วยความคิดถึง กลิ่นของผ้าก็เหมือนกลิ่นจากตัวของนาง เสร็จสิ้นภารกิจแล้วเขานึกอยากจะนอนกอดนางบนเตียงไปสักสองสามวันให้สบายใจ
ครั้นเดินทางอย่างเร่งร้อนกลับมาถึงค่ายพยัคฆ์เหิน รองแม่ทัพหนุ่มก็สั่งทหารคู่ใจให้หามเขากลับจวน
“ข้าง่วงนอนจนทนไม่ไหวแล้ว พวกเจ้าพาข้าไปส่งที่จวนด้วยล่ะกัน”
ร่างของเขาถูกหามมาในชุดเกราะที่เปรอะเปื้อน จางเลี่ยงหวงเห็นเช่นนั้นก็หน้าซีดเผือด นางแทบจะหวีดร้องออกมาด้วยความตกใจ น้ำตาอุ่นๆ ค่อยๆ ไหลรินออกมา หญิงสาวสะอื้นฮักๆ อยู่ข้างร่างสูงใหญ่ที่ถูกถอดเสื้อเกราะออก หมอทหารที่เดินตามมาช่วยกันตรวจร่างกายและทำความสะอาดแผลที่มีอยู่หลายแห่ง
“พวกท่านวางใจได้ ท่านรองแม่ทัพไม่ได้บาดเจ็บมากหรอกขอรับ พวกข้าช่วยกันทำให้แผลให้แล้ว ที่เหลือก็ต้มยาให้ดื่มและบำรุงร่างกายให้มาก ไม่นานก็แข็งแรงดังเดิมแล้วขอรับ”
แม่นมเจียงที่เห็นสภาพของคุณชายของตนก็อดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมา จางเลี่ยงหวงก้มลงเก็บเสื้อผ้าที่ขาดหวิ่นบนพื้นช่วยแม่นมเจียง
“คุณชาย ข้าอยากเห็นท่านกลับมาอย่างปกติสักครั้งนะเจ้าคะ” แม่นมเจียงอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลด้วยความสงสารคุณชายของตน จากนั้นก็สั่งให้จางเลี่ยงหวงช่วยเช็ดเนื้อเช็ดตัวคุณชายให้สะอาดทุกซอกทุกมุม
หญิงสาวทำหน้าเหวอ...แล้วนางก็นึกขึ้นได้ว่าฐานะของตนเองในจวนแห่งนี้คือสาวใช้อุ่นเตียงของมู่หลี่เฉียง!
หลังจากหาวิธีเช็ดร่างกายเขาจนสะอาดโดยไม่ต้องมองได้แล้ว นางก็นั่งมองหมีป่าตัวใหญ่ที่นอนหลับอยู่บนเตียง
“เอ๊ะ! นี่มัน!” นางยกมือใหญ่ขึ้นมาดูพลันเห็นรอยแผลเป็นจางๆ อยู่หนึ่งรอย ฝ่ามือของเขาสากหนาเป็นเพราะการกำอาวุธมานานปี นางใจลอยเผลอลูบมือเขากระทั่งหลับอยู่ชิดต้นแขนของชายหนุ่ม
นางรู้สึกตัวอีกทีเพราะอบอ้าวจนเหงื่อไหลไคลย้อย “เอ๊ะ!”
มู่หลี่เฉียงนอนมองนางด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดวงตาเป็นประกายวาววับ
“ท่านมิได้บาดเจ็บสาหัสนี่? เหตุใดต้องถูกหามมา?”
“ข้าอดหลับอดนอนไปหลายคืนเพราะรีบเดินทางกลับมาน่ะสิ! พอมาถึงค่ายก็ทนไม่ไหวหลับไปทันทีจึงต้องให้พวกเขาหามมาส่ง”
“หึ! ข้าก็พลอยตกใจแทบแย่ นึกว่าท่านได้รับบาดเจ็บมากเสียอีก”
“เจ้าเป็นห่วงข้าด้วยหรือ?” เขายิ้มกว้าง
“ไม่! ข้าแค่ตกใจ”
มู่หลี่เฉียงได้ยินนางตอบเช่นนั้นก็น้อยใจ ปล่อยแขนจากร่างนางแล้วพลิกร่างไปอีกด้าน “ดีแล้ว หากเจ้าไม่เป็นห่วงข้าเจ้าก็จะไม่เป็นทุกข์”
จางเลี่ยงหวงรู้สึกโกรธขึ้นมาเป็นริ้วๆ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจนางเลยสักนิด หญิงสาวรู้สึกน้อยใจจนน้ำตารื้น นางอุตส่าห์นับวันนับคืนรอเขากลับมา แต่นี่เขากลับทำเหมือนนางเป็นแค่จิ้งจกเฝ้าเรือนตัวหนึ่ง
นางไปอาบน้ำแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงเล็ก ในใจรู้สึกเจ็บปวด อีกไม่นานนางคงต้องไปจากเขาแล้ว ถึงวันนั้นเมืองพยัคฆ์เหินแห่งนี้นางคงจะทนอยู่ไม่ได้อีกต่อไป
ถึงกลางคืนนางยังนอนไม่หลับทำได้เพียงหลับตาอยู่นิ่งๆ พลันรู้สึกว่าตนเองถูกร่างใหญ่ช้อนอุ้มขึ้นไปบนเตียงของเขา จางเลี่ยงหวงแสร้งทำเป็นหลับและคิดอยากจะกอดเขาเป็นครั้งสุดท้าย คราบน้ำตาเปรอะเปื้อนสองแก้มของนาง ชายหนุ่มไล้นิ้วแผ่วเบาแล้วก้มจูบแก้มทั้งสองข้าง นางตัวแข็งทื่อคาดไม่ถึงว่าเจ้าหมีป่าตัวใหญ่จะทำเช่นนี้
“ได้เวลาที่ต้องส่งเจ้ากลับไปแล้ว” เขาพึมพำพลางกดริมฝีปากที่หน้าผากของนาง วนเวียนมาจูบแก้มสองข้างอีกครั้ง ก่อนจะจับมือของนางขึ้นมาจูบทีละข้าง สุดท้ายเขาข่มใจไม่ไหวจึงก้มจูบริมฝีปากนางเบาๆ
จางเลี่ยงหวงใบหน้าร้อนวูบวาบ นางคิดว่าตนเองคงใบหน้าแดงก่ำแล้วเป็นแน่ เคราะห์ดีที่เขาวางมือนางลงก็โอบร่างนางไว้แนบอก ก่อนใกล้รุ่งสางนางโอบกอดเข้าแนบสนิทกว่าทุกวัน น้ำตาของคุณหนูจางไหลซึมถูกเสื้อเขาเป็น ด่างดวง
****************************