“สรุปว่าหัวหน้าจางของเราเป็นคนดี สมควรแล้วที่จะได้แต่งงานกับมือปราบหญิงที่สวยที่สุดในสำนักมือปราบอย่างหวังหวั่น”
อู๋จือยืดออกขึ้น นางยืนท่ามกลางสหายมือปราบร่วมหน่วย “เอาล่ะทุกท่าน ข้ามีเรื่องจะเล่า ความรักของพวกเขา อันที่จริง ข้าเองก็รู้มาบ้าง”
“ไม่ต้องอารัมภบทให้มาก มือปราบอู๋ เจ้ารีบเล่ามา” เหล่ามือปราบรีบขยับมานั่งมาใกล้
“ตอนที่มือปราบหวังเมาสุรา นางสารภาพกับข้าเองว่า นางแอบชอบหัวหน้าจางมานานแล้ว เคยให้แม่สื่อไปลองแย้มๆ ดู แต่หัวหน้าจางก็ไม่ตกลง นางจึงตั้งใจสอบแข่งขันเข้ามาเป็นมือปราบก็เพื่อจะได้ใกล้ชิดกับเขา”
“ฮ้า! อย่างนี้เอง” เสียงมือปราบร่วมยี่สิบคนร้องฮือฮาออกมา
“แล้วอย่างไรอีก?”
“นางยังบ่นให้ข้าฟังอีกว่าตอนแรกนางก็ไม่ได้รักงานนี้ แต่พอเห็นความเดือดร้อนของชาวบ้านก็รู้สึกอยากจะช่วยเหลือคนอื่น ดีกว่าเป็นคุณหนูในห้องหอปักผ้ารอบุรุษไปวันๆ ข้าคิดว่าด้วยจิตใจที่ดีของมือปราบหวัง ทำให้หัวหน้าจางหลงรักนางเจ้าค่ะ”
แปะ! แปะ! แปะ!
มือปราบที่รุมล้อมรอฟังปรบมือและพยักหน้าให้กันด้วยความพอใจ
“ดีๆ วีรบุรุษย่อมต้องคู่กับสาวงาม” รองหัวหน้าหน่วยร้องลั่น
“แต่หัวหน้าจางนับว่าได้เปรียบนะเจ้าคะ เพราะมือปราบหวังเป็นทั้งวีรสตรีและสาวงามด้วย” อู๋จือร้องขึ้นบ้าง
มือปราบทุกคนร้องเฮฮาด้วยความพอใจ
มือปราบหญิงอู๋พลันนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของคุณชายถ่อยผู้นั้นขึ้นมาอีก การกอดจูบระหว่างนางกับฮัวหยาง นึกถึงทีไร อู๋จือรู้สึกว่าขนในร่างกายของนางพร้อมใจกันลุก ในตอนที่ฮัวหยางกอดเขาที่ซุกอยู่ในผ้าห่ม ลมหายใจของคนผู้นั้นพ่นอยู่ซอกคอ ทำให้จิตใจของอู๋จือเตลิดไปพักใหญ่ พลันนางก็พยายามสลัดความคิดนั้นทิ้งไปเสีย
....คุณชายสกุลใหญ่เช่นเขาก็ต้องแต่งกับคนที่คู่ควรกัน...
อู๋จือพยายามไม่คิดเรื่องของหมอฮัวหยาง แต่ตอนสายของวันนั้นกลับมีเรื่องร้ายของสกุลฮัวเข้ามาให้สำนักมือปราบต้องไปจัดการ นางได้ยินก็แสร้งไม่สนใจ มือปราบในหน่วยที่สามมีจำนวนมากมาย นางกะจะหลีกเลี่ยงไปจัดการคดีอื่นแทน
“หัวหน้าจาง รู้ข่าวหรือยังขอรับ? เมื่อคืนคฤหาสน์สกุลฮัวมีโจรลอบเข้าไปขโมยของ เห็นว่าของมีค่าที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้พระองค์ก่อนหายไปหลายชิ้นเชียว”
จางเจิ้งจีที่เพิ่งเข้ามาจากการตรวจท้องที่กับคนรัก รอยยิ้มพลันจางหายไปจากใบหน้า “ผู้ใดเป็นคนไปตรวจสถานที่?”
“ส่งมือปราบไปสิบคนแล้วขอรับ แต่ได้ยินคุณชายใหญ่ฮัวบอกว่าเขาเป็นสหายกับท่าน ข้าเองก็เพิ่งรู้เลยกลับมารายงานท่านขอรับ เผื่อท่านจะ....”
“เออ ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปดูตอนนี้เลย”
อู๋จือนิ่งเงียบ นางนั่งเม้มปากอยู่ด้านหลังมือปราบรุ่นพี่ คืนอัปยศที่หัวหน้าจางกระโจนเข้าไปทางประตูด้านหลังเรือนของฮัวหยางแล้วออกทางประตูหน้ายังหลอกหลอนนางอยู่
‘มีแค่ข้าสินะที่โง่เง่าไม่ดูตาม้าตาเรือ โผล่เข้าไปถูกคนถ่อยรังแกเอา’
หลังจากหัวหน้ามือปราบหน่วยที่สามสำรวจสถานที่เกิดเหตุจนทั่วก็ไม่พบร่องรอยที่บ่งชี้ตัวคนร้าย ใบหน้าของหัวหน้าจางไม่ใคร่ดีนัก “ได้ร่องรอยบ้างหรือไม่?”
“ยังขอรับ ข้าก็เลยกลับมาเชิญท่านหัวหน้าไปดู” มือปราบหนุ่มที่มารายงานเอ่ยอย่างนอบน้อม
“หวังหวั่น อู๋จือ ไปกับข้า ในจวนนั้นมีสตรีจำนวนมาก หากเอาแต่บุรุษไปตรวจบางทีก็ไม่เหมาะ”
อู๋จือสะดุ้ง นางอุตส่าห์ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเงียบๆ มือปราบหญิงด้านหน้าก็มีสองคน หัวหน้าจางกลับไม่เรียก
“เจ้าค่ะ”
คำสั่งของหัวหน้าหน่วย อู๋จือไม่กล้าปฏิเสธ นางจึงต้องติดตามคู่รักมือปราบไปยังคฤหาสน์สกุลฮัว ระหว่างทางนางรู้สึกโล่งใจที่ได้ยินว่าฮัวหยางพักอาศัยอยู่แต่เรือนชานเมือง เขาไม่ค่อยเข้ามาในคฤหาสน์สกุลฮัวบ่อยนัก
อู๋จือหวังว่านางจะไม่ต้องเผชิญหน้ากับคุณชายใหญ่ฮัว
คฤหาสน์สกุลฮัวกว้างขวางใหญ่โตจนอู๋จือตกตะลึง หวังหวั่นที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ผู้หนึ่งถึงกับร้องว้าวออกมา
“สกุลฮัวร่ำรวยกว่าตระกูลข้ามาก คฤหาสน์นี้กว้างกว่าบ้านข้านับสิบเท่า เจ้าดูสิ สวนนั่น งดงามเหลือเกิน ไม่รู้ต้องใช้เงินดูแลมากเพียงไหน?”
“จริงหรือมือปราบหวัง? ถ้าอย่างนั้น ข้าคงต้องระวังให้ดีแล้วล่ะ ถ้าเกิดไปแตะถูกข้าวของพวกเขาเสียหายขึ้นมา เงินเดือนมือปราบตัวน้อยอย่างข้าคงไม่พอจะชดใช้”
หวังหวั่นไม่ได้กล่าวปลอบใจอู๋จือเลยสักนิด นางพยักหน้าทำหน้าเคร่ง “จริง! เจ้าระวังให้ดีก็แล้วกัน แค่ที่ฝนหมึกของนายท่านสกุลฮัวก็น่าจะมากกว่าเบี้ยหวัดเจ้าสองปีเลยล่ะ”
“ท่าน ไม่คิดจะปลอบใจข้าเลยหรือ?” อู๋จือกลืนน้ำลายดังเอื๊อก ใบหน้าซีดลง “ข้าว่าแล้ว ไม่ควรตามหัวหน้าจางมาเลยจริงๆ น่าจะให้มือปราบสวีมาแทน บ้านนางก็ร่ำรวยพอๆ กับท่านนะ มือปราบหวัง”
หวังหวั่นยกมือขึ้นตบบ่ามือปราบรุ่นน้อง “ไม่ต้องกลัว เดี๋ยวข้าจะตามประกบ คอยเตือนเจ้าให้ระวังเอง”
หลังจากตรวจคฤหาสน์สกุลฮัวไปได้ส่วนหนึ่งก็กินเวลาหลาย ชั่วยาม เหล่ามือปราบกลับออกมาด้วยสภาพโผเผ
มือปราบเฉินที่เข้ามาทำงานพร้อมกันกับหวังหวั่นทำท่าปวดหลัง “คฤหาสน์สกุลฮัวกว้างจริงๆ นี่ขนาดพวกเราร่วมยี่สิบคนตรวจมาค่อนวัน ยังไม่ถึงครึ่งเลย”
“มิน่าเล่า สตรีทั่วเมืองหลวงต่างพากันอยากจะเป็นสะใภ้สกุลฮัว ร่ำรวยขนาดนี้ ไม่ต่างจากพวกเสนาบดีเลยสักนิด” มือปราบอีกคนรำพึง
“มือปราบฟู อย่างพวกเราคงได้แต่จุดธูปขอพรแล้วล่ะ เอาไว้ชาติหน้าค่อยเกิดใหม่ สกุลฮัวไม่เพียงร่ำรวยติดอันดับต้นๆ ของเมืองหลวง ฮัวหยางเองก็รูปงามราวกับเทพเซียน ข้าว่าแถวของสตรีที่อยากเป็นภรรยาเขาน่าจะยาวไปถึงแคว้นเหลียนแล้ว” เฉินหรงพูดพลางหัวเราะ
“คงไม่ขนาดนั้นกระมัง มือปราบเฉิน ผู้หญิงทุกคนไม่ได้เห็นแก่ความหล่อเหลาและร่ำรวยเสมอไป” อู๋จือรีบคัดค้าน “ถ้าเกิดเขาเป็นบุรุษนิสัยต่ำทราม ข้าว่าผู้หญิงทั้งหลายที่รู้ก็ต้องหลีกหนีกันหมด”
“อู๋จือ เจ้าพูดเหมือนเจ้ารู้จักคุณชายใหญ่ฮัวดีอย่างนั้นล่ะ”
อู๋จือได้สติก็รีบโบกมือไหวๆ “ไม่ๆ ข้าไม่ได้รู้จักเขาสักหน่อย”
เฉินหรงหัวเราะร่า “นั่นปะไร ถ้าเจ้าได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาราวจุติมาจากสวรรค์ของเขา ข้าว่าเจ้าเองก็คงตกหลุมรักเขาเหมือนกันล่ะน่า ขนาดข้าเป็นบุรุษยังอิจฉาเขาเลย”
“ช่างเถอะๆ เลิกพูดเรื่องนี้กันได้แล้ว ข้าหิวจะแย่” มือปราบฟูตัดบท
อู๋จือโล่งอกคิดว่าตนเองจะหลบพ้นเรื่องของฮัวหยางเสียที แต่พอไปถึงตลาดเขากลับได้ยินคนพูดชื่อของหมอตัวร้ายผู้นั้น
“ข่าวใหญ่ๆ ข่าวเรื่องคฤหาสน์สกุลฮัวและยังมีเรื่องของคุณชายใหญ่ฮัวด้วย” ชายหนุ่มที่เฝ้าแผงหนังสือร้องเรียกให้ทุกคนเข้ามารุมซื้อจดหมายข่าวสำนักข่าวนกกระจิบฉบับที่เพิ่งออกใหม่
มือปราบหญิงถึงกับส่ายหน้า เขาไม่อยากรู้เรื่องของฮัวหยางเลยสักนิด เฉินหรงที่เดินอยู่ข้างๆ รีบควักเงินออกมาแล้วซื้อจดหมายข่าวมาหนึ่งฉบับ
“อู๋จือเราไปนั่งที่โรงน้ำชาข้างหน้ากันเถอะ เหล่าฟูหิวข้าว ข้าเองก็อยากจะนั่งจิบน้ำชาร้อนๆ อ่านข่าวคุณชายใหญ่ฮัวสักหน่อย”
อู๋จือจำต้องพยักหน้า นางเป็นมือปราบรุ่นน้อง ในเมื่อรุ่นพี่สั่งก็ต้องทำตาม เฉินหรงนั่งลงได้ก็กางหนังสือพิมพ์ออกอ่านเสียงดัง เพื่อให้เพื่อนร่วมโต๊ะได้ร่วมวิจารณ์
************************