บทที่ 2 ทดลองยา

1480 คำ
ฮัวหยางถอยไปสองก้าว แสร้งยกมือกุมหน้าอก“น่ากลัวเสียจริง เจ้าเป็นถึงมือปราบใหญ่ คิดจะทำร้ายร่างกายข้า นี่ข้าต้องทำเยี่ยงไร?” พลันเขาก็เปลี่ยนท่าทีก็ชะโงกหน้าเข้ามาหานาง “ระวังเถิด โทษของเจ้าหน้าที่ที่ทำความผิดหนักกว่าชาวบ้านเป็นสองเท่าเชียวนะ” อู๋จือใบหน้าอึมครึมลงหลายส่วน นางยกนิ้วขึ้นชี้หน้าฮัวหยางด้วยความขัดเคือง...คนผู้นี้ช่างหน้าด้านเสียจริง คืนนั้นเป็นเขาแท้ๆ ที่รังแกนาง เจ้าโจรถ่อยต่ำทรามสกุลฮัว นางบอกแล้วว่าอย่าพูดถึงเรื่องคืนนั้น “คุณชายฮัว ข้าเตือนท่านแล้วนะ” “อืม...ได้...ที่ท่านมือปราบเตือน ข้าจำขึ้นใจแล้ว” มือปราบหญิงฮึดฮัดสะบัดหน้าหนีออกมาจากอารามด้วยความหงุดหงิด เสียงฝีเท้าคนข้างหลังตามมาพร้อมด้วยเสียงหัวเราะพอใจ ‘เจ้าหมอบ้า! สมแล้วที่ไม่ออกมารักษาผู้อื่น แม้แต่ตัวเองก็ยังมีอาการโรคจิต อยู่เรือนชานเมืองรักษาตัวเองไปก่อนเถอะ’ คืนนั้นอู๋จือที่กลับมาจากศาลเจ้าก็หลับฝันย้อนกลับไป ค่ำคืนนั้นอู๋จือลอบตามจางเจิ้งจีหัวหน้าหน่วยมือปราบของตนไปยังเรือนที่อยู่เลยสวนสาธารณะบึงหงส์ นางถูกสอนมาจากสำนักฝึกอบรมมือปราบเมืองหลวงให้รู้จักสังเกตและระแวงคนรอบข้าง ไม่เว้นแม้แต่คนในครอบครัว ระยะนี้มีคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ยังปิดไม่ลง นางที่บังเอิญออกมาจากบ้านในยามค่ำ เห็นหัวหน้าหน่วยของตนทำตัวลับๆ ล่อๆ ก็เลยตามไปดู หัวหน้าจางปีนเข้าไปในเรือนชานเมืองแห่งหนึ่ง นางอ่านป้ายข้างหน้าเขียนไว้เพียง ‘ทำเพื่อใต้หล้า’ จึงไม่รู้ว่าเป็นเรือนของคนผู้ใด? นางไม่กล้าผลีผลามกระโจนตามเข้าไป ได้แต่ซุ่มดักรออยู่ข้างนอก เวลาผ่านไปนานจนนางเริ่มร้อนใจ จึงได้กระโจนเข้าเรือนนั้น ในเรือนกว้างเงียบเชียบราวกับไม่มีคนอาศัยอยู่ เดินผ่านจากห้องโถงไปยังห้องด้านข้าง ก็เห็นว่าบนโต๊ะมีเชิงเทียนส่องสว่าง ‘ตำราแพทย์ทั้งนั้น หรือว่านี่จะเป็นเรือนลับของสกุลฮัวที่ร่ำลือกัน’ นางรีบย่องเข้าไปห้องถัดไป พลันนางก็ถูกมือใหญ่คู่หนึ่งปิดปาก จากนั้นโลกก็มืดดับลง อู๋จือตื่นขึ้นมาอีกครั้ง นางถูกคนจับมัดมือมัดเท้านอนอยู่บนเตียงใหญ่ บุรุษรูปงามจนชวนตะลึงแต่งกายด้วยชุดขาวปักลวดลายเถาวัลย์ดูแล้วทั้งสูงส่งและงดงาม ถือเชิงเทียนใหญ่มาที่โต๊ะกลางห้อง “เจ้าจับข้าไว้ทำไม? ข้าเป็นมือปราบนะ ข้าเห็นโจรกระโดดเข้ามาในบ้านเจ้า หวังจะเข้ามาช่วย ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้!” คนผู้คนผินหน้ามาช้าๆ อู๋จือพยายามตั้งสติไม่ให้หลงใหลในใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นชา เขาสาวเท้ามาใกล้เตียง แสร้งทำหน้าไขสือแล้วชะโงกมาจ้องตานางใกล้ๆ “เจ้าเป็นมือปราบจริงหรือ? ไม่ใช่ว่าเป็นโจรที่คิดจะเข้ามาค้นหาทรัพย์สมบัติในเรือนข้าหรือไร? ตั้งแต่ข้ามาอยู่ที่นี่ มีโจรถ่อยมากมายบุกเข้ามานับไม่ถ้วน ทุกคนล้วนแต่อ้างเหมือนเจ้า ถ้าข้าเชื่อ ข้าก็คงไม่ควรจะชื่อฮัวหยางแล้ว” อู๋จือชะงัก “ฮัวหยาง คุณชายใหญ่สกุลฮัว” “ใช่ เจ้าก็รู้จักชื่อข้านี่? ยังจะคิดหลอกลวงข้าอีก ดูจากชุดของเจ้าก็ไม่มีตรงไหนที่แสดงว่าเจ้าเป็นมือปราบเลยสักนิด”​ ท่านหมอฮัวหยาง บุรุษหนุ่มผู้มีรูปงามดุจเทพเซียนแต่น้อยคนนักจะได้เห็น ร่ำลือกันว่าเขาเก็บตัวอยู่ในเรือนลับ ตั้งหน้าตั้งตาคิดค้นยาลูกกลอนในการรักษาโรคเพื่อนำไปวางจำหน่ายในร้านค้าสกุลฮัวทั่วทั้งห้าแคว้น ร้านค้าสกุลฮัวไม่เพียงมีนักจัดยาฝีมือดี แต่ยังมียาลูกกลอนหลายสูตรที่ท่านหมอฮัวหยางเป็นผู้คิดค้นขึ้น ได้รับความนิยมจนสร้างรายได้ให้สกุลฮัวอย่างมหาศาล ถึงกับเล่าลือกันว่าความร่ำรวยของสกุลฮัวติดอันดับหนึ่งในยี่สิบของเมืองหลวง คุณชายใหญ่แห่งตระกูลมั่งคั่งผู้นี้ปฏิเสธการแต่งงานมานับครั้งไม่ถ้วน แม้แต่สตรีในตระกูลขุนนางก็ยังอยากแต่งงานกับเขา จนเกิดข่าวลือว่าเขาทดลองสูตรยามามากจนไม่อาจจะทำกิจอย่างบุรุษได้ “ข้าไม่ใช่โจรหรือขโมยจริงๆ นะ ตรามือปราบของข้าอยู่ในสาบเสื้อ ถ้าไม่เชื่อเจ้าก็มาล้วงดูเองสิ” ฮัวหยางหรี่ตาลง มองดูหญิงสาวใบหน้ามอมแมมตรงหน้า “เจ้าคงไม่เคยได้ยินว่าชายหญิงไม่ควรชิดใกล้ เจ้าคิดจะลวงข้าให้ล้วงเข้าไปในสาบเสื้อของเจ้า มิใช่ว่าในนั้นมีผงสลบหรอกหรือ?” อู๋จือพ่นลมหายใจด้วยความโมโห “ข้าเห็นหัวหน้ามือปราบจาง กระโดดเข้ามาในเรือนของเจ้าจริงๆ เจ้าปล่อยเขาออกมาสิ เขายืนยันได้ว่าข้าเป็นมือปราบเพราะเขาเป็นหัวหน้าของข้า”​ “เสียใจด้วย ตอนนี้มือปราบจางกลับไปแล้ว” อู๋จือตาแทบถลน “กลับไป! กลับไปไหน? ข้ารอเขาอยู่ข้างนอกประตูเรือนเจ้าตั้งนาน ไม่เห็นแม้แต่เงา” ฮัวหยางหยักยิ้มมุมปาก “ก็ออกไปทางหน้าเรือนใหญ่ของเข้าน่ะสิ เจ้าตามเขามาทางประตูเล็กด้านหลัง ย่อมไม่เห็นเขาแน่” “ถ้างั้น เจ้าปล่อยข้า ข้าจะล้วงเอาป้ายประจำตัวออกมาให้เจ้าดู ข้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่นี่คือบ้านของสกุลฮัว และข้าก็ไม่เคยคิดจะขโมยของของผู้อื่น” “ให้ปล่อยเจ้าน่ะหรือ? คงไม่ได้หรอก” “เจ้าบ้า! เจ้าจับข้ามัดไว้แบบนี้ไม่ได้นะ ข้าเป็นคนของทางการ กำลังปฏิบัติหน้าที่บำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ราษฎร” ชายหนุ่มรูปงามยิ้มน้อยๆ ใบหน้าของเขาที่คลี่ยิ้มทำเอาอู๋จือหยุดหายใจไปชั่วขณะ คนผู้นี้ร้ายกาจนัก แค่เพียงยิ้มเล็กน้อยก็สามารถจะหยุดลมหายใจผู้อื่นได้ “ถ้าอยากให้ข้าช่วย เจ้าต้องรับปากข้าอย่างหนึ่ง” “รับปาก ได้! ขอเพียงไม่ให้ข้าทำเรื่องผิดกฎหมายและไม่ผิดศีลธรรม ข้ายินดีรับปาก” ฮัวหยางหรี่ตาลงอย่างเจ้าเล่ห์ “แค่...แค่ช่วยข้าทดลองยา” “ยาของเจ้า คงไม่ใช่ยาพิษหรอกนะ?” “ไม่ ไม่อันตรายจนบาดเจ็บ พิการ หรือถึงแก่ชีวิตอย่างแน่นอน เจ้าเป็นมือปราบนะ ถ้าข้าทำให้เจ้าเป็นอันตราย ข้าก็ต้องโทษประหารสิ ชีวิตข้าล้ำค่าขนาดนี้คงไม่เอาไปเสี่ยงหรอก” ท่านหมอรูปงามมองใบหน้าคมเข้มของมือปราบหญิงแล้วอมยิ้ม คนตรงหน้าเขาอาจจะดูเผินๆ ก็หน้าตาธรรมดาแต่พอมองใกล้ๆ พินิจพิจารณาผ่านความมอมแมมไป หญิงสาวคนนี้นับว่าหน้าตาน่ารักมาก “มาๆ ลุกขึ้นมานั่งก่อน” ฮัวหยางขยับเข้ามาใกล้ ประคองอู๋จือให้ลุกขึ้นเอาหลังพิงหัวเตียง เขาหยิบเอายาเม็ดลูกกลอนจากกล่องเล็กๆ สีดำบนโต๊ะมาอมเอาไว้ หันไปประคองท้ายทอยของหญิงสาวแล้วก้มลงประกบริมฝีปากกับนาง ใช้ลิ้นผลักเอายาเม็ดนั้นให้อู๋จือกลืนเข้าไปก่อนจะฉวยโอกาสจูบมือปราบหญิงด้วยความคึกคะนอง อู๋จือนิ่งอึ้งด้วยความคาดไม่ถึง นางนั่งตะลึง ปล่อยให้ฮัวหยางดูดเม้มริมฝีปากของนางอยู่ครู่หนึ่ง ก็เริ่มดิ้นและส่ายหน้าหนี “เจ้าคนถ่อย นี่มันจูบแรกของข้านะ!” นางกลืนยาเม็ดนั้นลงไปแล้วก็ร้องด่าฮัวหยางออกมาด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เจ้าทำบ้าอันใดกับข้า?” มือปราบหญิงตะคอก ในใจนางนึกอยากจะคว้ากระบี่มาแทงร่างของคนตรงหน้าสักยี่สิบสามสิบครั้ง ทว่ามือและขาของนางยามนี้กลับถูกพันธนาการเอาไว้แน่น ...เสียดายหน้าตาหล่อเหลาสูงส่งนี้เหลือเกิน... ฮัวหยางถอยออกจากหญิงสาวพอสมควร เขาเองก็ตกใจที่ตนเองนึกอยากจะจูบผู้หญิงตรงหน้า ความจริงแค่ป้อนยาเม็ดนั้นให้นางก็พอแล้ว แต่นี่ เขากลับรู้สึกอยากจะสัมผัสริมฝีปากของนาง “เจ้ารับปากเองว่าจะช่วยข้าทดลองยา โดยที่ไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมายและไม่ได้ผิดศีลธรรม” “เจ้าล่วงเกินข้า นี่มันผิดศีลธรรมนะ” “เจ้าบอกว่าเป็นมือปราบก็แสดงว่าเจ้ายังไม่แต่งงาน ส่วนข้าก็ยังไม่แต่งงาน ยังไม่หมั้นหมาย และไม่มีอนุ ดังนั้น เราสองคนจูบกันก็ถือว่าไม่ผิดทั้งกฎหมายและไม่ผิดศีลธรรม” **********************
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม