ตอนที่ 17 แผนลวงจอมมาร

3486 คำ
กระโจมที่ประทับองค์ไทจื่อ ในขณะเดียวกันทันทีที่พระวรกายสูงทะมึนของราชาปีศาจเสด็จก้าวเข้าไปในกระโจมอันเป็นที่ประทับขององค์ไทจื่อแห่งต้าฮั่น แม้ว่าพระองค์จะสูญเสียพลังเวทย์ไปเกือบทั้งหมดแต่ก็ยังหลงเหลืออีกหนึ่งส่วนเพียงพอที่และทรงสัมผัสกับไอทิพย์จากแดนสวรรค์ที่เพิ่งจากไปได้ไม่นาน “ไอทิพย์จากแดนสวรรค์และมีไอปีศาจอยู่ในคราวเดียวกัน หรือว่าจะเป็นเจ้าหงส์หนุ่มตนนั้นย้อนกลับมา”รับสั่งสุรเสียงพึมพำด้วยความสงสัย พระวรกายสูงทะมึนของราชาปีศาจเสด็จตรงไปยังหน้าแท่นพระบรรทมที่มีร่างใหญ่ของมนุษย์สูงศักดิ์ยังคงนอนหลับใหลมายาวนานกว่าสิบวัน หลังจากที่ถูกพระองค์ร่ายเวทย์สะกดเอาไว้นับตั้งแต่วันแรก “ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องตื่นขึ้นมารับใช้ข้าได้แล้ว”รับสั่งพลางโบกพระหัตถ์ไปมาเพื่อทำให้หลิวจินซานตื่นจากการหลับใหล เปลือกตาที่ปิดสนิทมานานกว่าสิบวันโดยไม่มีทีท่าว่าจะเคลื่อนไหวแต่อย่างใด บัดนี้เริ่มกลอกกลิ้งไปมาทันทีที่ราชาปีศาจถอนมนตราหลับใหลให้แก่ร่างดังกล่าวพร้อมขนตาเริ่มกระเพื่อมติดต่อกันก่อนจะค่อยๆ เปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ พร้อมแสงสว่างจากดวงอาทิตย์ในเวลากลางวันสาดแสงเข้าสู่ม่านตา พรึบ! เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างเต็มที่พร้อมภาพพร่าเลือนเมื่อครู่ที่ผ่านมาแจ่มชัด ดวงตาดำใหญ่กวาดสายตาไปทั่วบริเวณก่อนจะมาหยุดนิ่งที่ร่างของบุรุษสวมอาภรณ์สีดำทะมึน กำลังนั่งหันหลังอยู่บนฟูกนอนที่ตนกำลังนอนอยู่ เทพลั่วจิ้งบัดนี้ความทรงจำได้ถูกทำลายลงไปจนหมดสิ้นด้วยฝีมือของเทพปริศนาผู้หนึ่งที่ตามมาจัดการเก็บความลับสุดยอดของตนไม่ให้ถูกเปิดเผยออกไป ครั้นล่วงรู้ว่าราชาปีศาจทรงต้องการใช้ร่างของมนุษย์ผู้นี้เพื่อประโยชน์ของพระองค์ในแดนมนุษย์ โดยที่ยังไม่ล่วงรู้ว่าดวงจิตของหงส์หนุ่มที่พระองค์กำลังตามล่าได้เข้าไปสถิตแทนที่รัชทายาทตัวจริงที่สิ้นพระชนม์คาที่ในสนามรบ ด้วยเพราะราชาปีศาจสูญเสียพลังเวทย์ไปเกือบหมดจึงทำให้ญาณหยั่งรู้ของพระองค์ไม่อาจล่วงรู้ว่าร่างของรัชทายาทต้าฮั่นแท้จริงแล้วมีดวงจิตของเทพลั่วจิ้งเข้าสถิตอยู่ภายในนั้น เทพปริศนาผู้นั้นจึงปล่อยให้ลั่วจิ้งมีชีวิตอยู่ต่อไปเพื่อเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่จะได้รับในภายภาคหน้า ร่างขององค์ไท่จื่อแห่งต้าฮั่นเริ่มเคลื่อนไหวไปมาก่อนจะหยุดชะงักเมื่อสุรเสียงของราชาปีศาจดังแทรกขึ้น “รู้สึกตัวแล้วเหรอ”รับสั่งถามกลับไปสั้นๆ ลั่วจิ้งพยักหน้าขึ้นลงพลางกวาดสายตามองไปทั่วกระโจมด้วยความแปลกใจ พร้อมค่อยๆ ยันกายลุกขึ้นมานั่งบนฟูกนอน สายตากวาดมองไปรอบตัวเพราะไม่มีความรู้สึกคุ้นเคย และจำอะไรไม่ได้เลยแม้กระทั่งชื่อของตัวเอง รวมไปถึงพระพักตร์อันหล่อเหลาของราชาปีศาจองค์ปัจจุบันก็จดจำไม่ได้อีกด้วย “ท่านเป็นใคร! ข้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไงกัน และที่นี่คือสถานที่ใดอย่างนั้นเหรอ”ลั่วจิ้งเอ่ยถามราชาปีศาจกลับไป และนั่นทำให้จอมปีศาจหันพระพักตร์กลับไปทอดพระเนตรรัชทายาทต้าฮั่นเขม็ง เมื่อได้ยินคำถามแรกทันทีที่มนุษย์ผู้นี้ตื่นจากการหลับใหลเพราะถูกพระองค์สะกดเอาไว้ “ดูท่าเพราะผลจากการที่คนผู้นี้ได้รับบาดเจ็บจากสนามรบจนตกจากหลังม้า จึงทำให้จดจำอะไรไม่ได้เลยอย่างนั้นเหรอ หรือว่าจะเป็นเพราะได้รับแรงกระแทกจากหินสามภพคงจะมาจากสาเหตุไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่งเสียแล้วกระมัง”จอมมารรับสั่งพึมพำ “เจ้าจดจำตัวตนได้หรือไม่ว่าคือผู้ใด และมีความสำคัญอย่างไรบ้างในสถานที่แห่งนี้”จอมมารตั้งคำถามกลับไป ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะตอบกลับมาชินอ๋องและเจิ้งหู่ต่างพากันเดินเข้ามาในกระโจมพร้อมกัน ทันทีที่เห็นรัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวของต้าฮั่นสามารถลุกขึ้นมานั่งได้แล้ว “จินเอ๋อเจ้าฟื้นแล้วอย่างนั้นเหรอ”รับสั่งชินอ๋องเต็มไปด้วยความดีพระทัยและโล่งอกไปในคราวเดียวกัน “ไทจื่อทรงเป็นอย่างไรบ้างพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาททรงเป็นห่วงและกังวลกับอาการบาดเจ็บของพระองค์ยิ่งนัก กระหม่อมจึงรับพระบัญชาให้นำเสด็จพระองค์กลับเมืองหลวงโดยเร็วเพื่อทำการรักษาต่อไป แต่นี่เหตุใดจึง...”เจิ้งหู่กล่าวได้เพียงเท่านั้นก็ต้องเงียบงันไปทันทีความแปลกใจปรากฏเข้ามาแทนที่ “เจ้าคงสงสัยแล้วใช่ไหมว่าเพราะเหตุใดจินเอ๋อจึงไม่มีบาดแผลฉกรรจ์ปรากฏอยู่บนร่างเลยแม้แต่น้อย”พระสุรเสียงของชินอ๋องรับสั่งแทรกขึ้น เจิ้งหู่พยักหน้าขึ้นลงติดต่อกันเป็นการยอมรับด้วยเพราะคิดเช่นนั้นจริงๆ “เหตุใดบาดแผลจากลูกธนูจึงไม่เห็นปรากฏบนพระวรกาย มีเพียงรอยฟกช้ำเท่านั้นอีกทั้งพระอาการเหมือนไม่เคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน ไม่มีบาดแผลฉกรรจ์ตรงจุดตายตามที่ส่งสาสน์รายงานถวายให้แก่ฝ่าบาท นี่มันเกิดอะไรขึ้น...ข้างงไปหมดแล้ว” คำกล่าวของเจิ้งหู่ทำให้ชินอ๋องเหลือบสายพระเนตรไปทางจอมมารรูปงาม ที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนแท่นพระบรรทมอันเป็นที่ประทับของรัชทายาทแห่งต้าฮั่น โดยไม่สนใจผู้ใดทั้งสิ้นว่าใครจะว่าอย่างไงที่บังอาจไปนั่งตีเสมอกับว่าที่ฮ่องเต้ของแผ่นดินต้าฮั่นในภายภาคหน้า “ถ้าข้าจะบอกว่าบาดแผลฉกรรจ์ของไท่จื่อจนทำให้อาการหนักแทบเอาชีวิตไม่รอด เป็นฝีมือของโจวเฟิงหยางผู้นั้นเจ้าจะเชื่อหรือไม่”ชินอ๋องรับสั่งออกไป ห๊ะ!!! เจิ้งหู่เปล่งเสียงอุทานออกมาทันใดเมื่อได้ยินเช่นนั้น ร่างสันทัดหยุดนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะปรากฏรอยยิ้มกว้างออกมา “หากบอกว่าผู้ที่ทำให้บาดแผลของไท่จื่อหายเป็นปลิดทิ้งและกลับมาเป็นปกติเป็นโจวเฟิงหยางข้าเชื่ออย่างไร้สิ้นข้อกังขาใดๆ ทั้งสิ้น ขึ้นชื่อว่าเทพสงครามสามารถทำทุกสิ่งที่เหนือความคาดหมายของคนธรรมดาทั่วไป แต่ถ้าไม่ใช่ก็หมายความว่าท่านอ๋องกำลังหลอกลวงเบื้องสูง รายงานเหตุการณ์เท็จจนทำให้ฝ่าบาททรงเกิดความวิตกกังวลพ่ะย่ะค่ะ”เจิ้งหู่ตอบกลับอย่างไม่อ้อมค้อม “ข้าจะหาเรื่องทำให้ตัวเองต้องเอาหัวไปวางไว้บนแท่นประหารอย่างนั้นเหรอเจิ้งหู่ คนผู้นั้นนะแหละเทพสงครามตัวดีของเจ้าที่ทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็นไปได้ และเรื่องแรกก็คือบาดแผลของหลานชายข้า”ชินอ๋องรับสั่งแกมประชด และถ้อยรับสั่งของชินอ๋องทำให้เจิ้งหู่ยิ่งมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นไปอีก ว่าบุรุษอาภรณ์ดำนามโจวเฟิงหยางผู้นี้ มีสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้จริงๆ ก่อนจะหันกลับไปถามรัชทายาทต้าฮั่นอีกครั้ง “ตอนนี้ไทจื่อรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างทรงมีพระอาการดีขึ้นและกลับมาเป็นปกติแล้วใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ” คำถามของเจิ้งหู่ที่กราบทูลถามรัชทายาทตรงหน้า กลับทำให้คนที่กำลังถูกถามมีอาการงุนงงขึ้นมาอย่างทันทีทันใด มือหนายกขึ้นพร้อมหันนิ้วชี้มาที่ใบหน้าของตัวเอง “ท่านถามข้าเหรอ”ลั่วจิ้งถามกลับไป ทั้งน้ำเสียงและแววตาตลอดทั้งสีหน้าและท่าทางบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าจดจำตัวตนและเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้เลย ในขณะที่ชินอ๋องและเจิ้งหู่ต่างพากันยืนนิ่งไปตามๆ กันครั้นได้ยินและเห็นท่าทีที่แสดงออกมาเช่นนั้น “นี่มันหมายความว่าอย่างไง! หลานชายของข้าเหตุใดจึงเอ่ยถ้อยคำกลับมาเช่นนั้น โจวเฟิงหยางเกิดอะไรขึ้นกับหลานของข้า!!!”ชินอ๋องรับสั่งถามจอมมารกลับไป “คนจวนเจียนใกล้ตายข้านำกลับคืนมาได้ก็เป็นธรรมดาที่ไม่สามารถจดจำตัวตนในอดีตของตัวเองได้ อีกทั้งพิษร้ายที่แผ่ปกคลุมไปทั่วกายยังต้องใช้เวลารักษานานนับปี เดี๋ยวก็จำอะไรได้เองตราบใดที่พิษในกายไม่กำเริบ”จอมมารรับสั่งมีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงอยู่ในคราวเดียวกัน เรื่องจริงก็คือร่างของรัชทายาทต้าฮั่นเต็มไปด้วยไอปีศาจของจอมมาร ซึ่งภายหลังจากการนำหินสามภพที่สถิตอยู่ภายในกายออกมาได้แล้วนั้น จอมมารจงใจให้ร่างดังกล่าวเต็มไปด้วยไอปีศาจของพระองค์เพื่อใช้ควบคุมและทำประโยชน์ในขณะที่ต้องทรงพำนักอยู่ในดินแดนมนุษย์ ไม่ว่าหลิวจินซานจะอยู่แห่งหนใดหรือทำอะไร แม้กระทั่งกำลังคิดอะไรอยู่ก็ตามจอมมารจะทรงล่วงรู้เท่าทันทั้งสิ้น ด้วยเพราะไอปีศาจของพระองค์ทำหน้าที่เป็นญาณหยั่งรู้แทน เปรียบเสมือนเป็นสายลับคอยแจ้งข่าวให้พระองค์ทรงล่วงรู้ทุกเรื่องนั้นเอง พระองค์จึงเปรียบเปรยไอปีศาจดั่งเช่นพิษร้าย แต่ที่นอกเหนือความคาดหมายของพระองค์นั้นก็คือความทรงจำของหลิวจินซานกลับเลือนหายไปอย่างไม่รู้สาเหตุ ครั้นชินอ๋องและเจิ้งหู่ได้ยินรับสั่งของจอมมารเช่นนั้น คนทั้งคู่ต่างยืนนิ่งไปชั่วขณะไม่คาดคิดว่าหลิวจินซานจะจดจำอะไรไม่ได้ภายหลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด ทั้งสองต่างหันกลับมามองหน้ากันโดยไม่ได้นัดหมาย แต่แล้วเพียงครู่ราวกับว่าจะมีความคิดที่ตรงกันเมื่อใบหน้าของคนทั้งสองปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาพร้อมเสียงของชินอ๋องมีรับสั่งขึ้น “ถ้าเช่นนั้นความทรงจำในอดีตของหลานชายข้าที่เลือนหายไปจะกลับคืนมาหรือไม่ จะเป็นไปได้ไหมว่าไอ้ความทรงจำที่หายไปจะไม่ต้องหวนกลับคืนมาอีกถ้าเป็นเช่นนั้นได้ละก็จะเป็นการดียิ่งนัก”ชินอ๋องรับสั่งถามจอมมารกลับไปพร้อมเสียงของเจิ้งหู่เอ่ยแทรกขึ้น “ข้าก็หวังใจว่าความทรงจำในอดีตของไทจื่อจะไม่หวนคืน กลับมาเพราะนั้นหมายถึงจะสามารถเริ่มต้นขัดเกลาไทจื่อให้เป็นไปในทิศทางที่ดีกว่าก่อนหน้านั้นเสียใหม่ ไม่ให้มีพฤติกรรมเช่นในอดีตดั่งที่แล้วมา” คำกล่าวของทั้งสองทำให้จอมมารแสยะยิ้มเหยียดออกมาทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น “เจ้าทั้งสองจงวางใจเถิดความทรงจำในอดีตจะหวนคืนหรือไม่ขึ้นอยู่กับข้าเพียงผู้เดียวเท่านั้นว่าจะให้กลับมาหรือหายไปตลอดกาล ในฐานะที่ข้าต้องกำจัดพิษร้ายในกายให้อยู่แล้ว เช่นนั้นการขัดเกลานิสัยหลานชายและไท่จื่อของพวกเจ้าให้เป็นหน้าที่ข้า”รับสั่งตอบกลับไปพร้อมปรายสายพระเนตรไปทางด้านหลัง “ในเมื่อฟังแล้วเริ่มเข้าใจหรือไม่ว่าแท้จริงแล้วเจ้าในอดีตเป็นผู้ใดกันแน่”จอมมารรับสั่งถามกับคนทางด้านหลัง ลั่วจิ้งส่ายหน้าไปมาติดต่อกันเพราะเท่าที่นั่งฟังอยู่เป็นนานสองนานก็ยังไม่รู้ว่ากำลังสนทนาเรื่องอะไรกัน แต่ก็พอจับใจความได้ว่ากำลังกล่าวถึงตน “ข้าไม่เข้าใจพวกท่านว่ากำลังกล่าวถึงผู้ใดอยู่ แล้วพวกท่านเป็นอะไรกับข้าอย่างนั้นเหรอ..ละ...แล้ว...ข้าเป็นใคร...ไทจื่อคือใคร”ลั่วจิ้งถามกลับไปด้วยความอยากรู้ และนั่นทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในกระโจมขณะนั้นต่างพากันยิ้มกว้างด้วยความยินดีที่รัชทายาทแห่งต้าฮั่นกลับกลายเป็นเช่นนี้ และผู้ที่ได้ประโยชน์สูงสุดเห็นจะเป็นผู้ใดไม่ได้ถ้าไม่ใช่ราชาปีศาจจอมเจ้าเล่ห์นั้นเอง “ให้มันได้อย่างนี้สิ ช่างน่าสอนสั่งเสียจริงเด็กน้อย เจ้าช่างมีประโยชน์ต่อข้ายิ่งนัก”จอมมารหนุ่มรำพึงอยู่ภายในพระทัย เมื่อแผนการที่ทำให้พระองค์ได้พำนักอยู่ในดินแดนมนุษย์ และได้ประโยชน์สูงสุดจากผู้ที่มีอำนาจและสามารถออกคำสั่งอย่างไรก็ได้ ภายใต้การควบคุมของพระองค์และรัชทายาทต้าฮั่นก็คือผู้ที่จอมมารเลือก “ท่านเฟิงหยาง”เสียงของเจิ้งหู่เอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา “มีอะไร!”จอมมารขานรับสุรเสียงห้วนสั้น สายพระเนตรยังคงจับจ้องอยู่ที่ร่างของรัชทายาทต้าฮั่นด้วยญาณจิตของพระองค์ได้สัมผัสบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในกายของหลิวจินซานขึ้นมา “เมื่อไทจื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีข้าน้อยจะต้องรีบนำพระองค์กลับฉางอานอย่างเร่งด่วนเสียแล้วเพื่อให้พระองค์ได้รับการพักผ่อนจนพระวรกายหายเป็นปกติ หลังจากนั้นฝ่าบาทจะได้เริ่มอบรมไทจื่อให้เป็นไปในทิศทางที่สมกับตำแหน่งฮ่องเต้ในอนาคตและ...”เจิ้งหู่กล่าวยังไม่ทันจบก็ต้องหยุดชะงักเมื่อจอมมารทรงยกพระหัตถ์ขึ้นพลางหันกลับมาทอดพระเนตรเขม็ง “ไม่ต้องนำไปที่ไหนทั้งนั้น นับแต่นี้ต่อไปหลิวจินซานไทจื่อของเจ้า คือศิษย์ของข้าที่รับไว้ในดินแดนแห่งนี้ ดังนั้นข้าในฐานะอาจารย์และยังเป็นผู้รักษาพิษร้ายในกายจะทำหน้าที่ดูแลให้เป็นอย่างดี จินซานจะต้องติดตามข้าไปทุกที่เพื่อเรียนรู้ในสิ่งที่ควรจะได้รับเพื่อปกครองแผ่นดินนี้ต่อไป และที่สำคัญข้าต้องการใช้ประโยชน์จากจินซานเพื่อทำสงครามในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน”จอมมารรับสั่งพร้อมลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายพระเนตรคมกล้าเต็มไปด้วยอำนาจอันยิ่งใหญ่ทอดพระเนตรชินอ๋องและเจิ้งหู่ซึ่งมีความสูงเพียงระดับหน้าอกของพระองค์เท่านั้น ครั้นชินอ๋องได้ยินเช่นนั้นกำลังจะอ้าปากคัดค้านแต่ก็ต้องหยุดลงทันใด เมื่อเจิ้งหู่ดึงท่อนแขนเอาไว่ไม่ให้พระองค์มีรับสั่งสวนอีกฝ่ายกลับไป “กระหม่อมจัดการเองพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอยู่เฉยๆจะดีกว่าเดี๋ยวจะเข้าพระทัยเอง”เจิ้งหู่กระซิบบอกเบาๆ ชินอ๋องเหลือบสายพระเนตรไปทางเจิ้งหู่ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงเป็นการรับรู้ “เจ้าคงจะอยากจะถามมากใช่ไหมว่าเพราะเหตุใด ข้าจึงต้องการหลานชายของเจ้าที่ไม่มีความทรงจำในอดีตนำมาใช้ประโยชน์ในการทำสงครามในครั้งนี้ หากอยากได้รับชัยชนะก็จงคอยดูกันต่อไป ไม่ต้องห่วงว่าข้าจะนำจินซานไปทำอะไรที่เป็นอันตราย เพียงแค่จะอาศัยชื่อและให้ไปเดินยืดเส้นยืดสายเล่นๆ ก็เท่านั้นเอง” จอมมารเฟิงหยางรับสั่งพร้อมพระสรวลเบาๆ อยู่ในลำคอ ท่ามกลางความงงงันของทุกคนที่อยู่ภายในกระโจม “นี่เป็นหนึ่งในแผนการที่จะใช้ทำสงครามกับไท่หยวนอย่างนั้นเหรอเฟิงหยาง”ชินอ๋องรับสั่งถามกลับไป “ไปคิดกันเอาเอง...ข้าก็แค่เริ่มลงมือทำหน้าที่ตามที่ได้รับการแต่งตั้งเท่านั้นเพื่อสนองคุณให้แก่ต้าฮั่น และเพื่อศิษย์ของข้าจะได้หน้ากลับไปด้วยเช่นกัน พวกเจ้าต้องการให้รัชทายาทเพียงหนึ่งเดียวกลับไปในสภาพเช่นนี้จริงเหรอ สูญเสียความเป็นตัวตนและความทรงจำกลับกลายเป็นคนอ่อนแอในสายตาของผู้อื่น” รับสั่งของจอมมารทำให้ชินอ๋องและเจิ้งหู่เพิ่งนึกถึงข้อเสียมากกว่าข้อดีได้ขึ้นมาทันที “ข้าลืมคิดไปเสียสนิทถึงข้อนี้มัวแต่เป็นห่วงจินเอ๋อว่าจะมีอาการหนักไปกว่าเดิมแต่กลายเป็นว่ากำลังทำร้ายหลานของข้าทางอ้อม”ชินอ๋องบ่นพึมพำให้กับตัวเองพร้อมเสียงของเจิ้งหู่เอ่ยขึ้น “ดังนั้นท่านจึงต้องการให้ไท่จื่อพำนักอยู่ในสนามรบจนกว่าสงครามเสร็จสิ้นและกลับไปพร้อมกับชัยชนะเพื่อให้พสกนิกรต้าฮั่นทั่วทั้งแผ่นดินจดจำได้ว่าพระองค์ก็เป็นส่วนหนึ่งของสงครามครั้งนี้ จะเป็นการดีเสียยิ่งกว่า ที่จะเสด็จกลับไปในยามนี้เพราะพ่ายแพ้ให้แก่อู๋ฮ่าวเทียนใช่หรือไม่”เจิ้งหู่ถามกลับไปตามความคาดเดา “เจ้าคิดอย่างไรมันก็จะเป็นเช่นนั้น”จอมมารรับสั่งพร้อมแสยะยิ้มเหยียดออกมาบางๆ “จัดเตรียมกระโจมส่วนตัวให้กับจินซานเสียใหม่ ข้าจะใช้กระโจมนี้เป็นที่พำนักในฐานะผู้บัญชาการทัพ! ช่วงหนึ่งเดือนนี้ข้าจะเข้ากักตนใช้เวลาส่วนตัวในการขบคิดเพื่อวางแผนในการทำสงครามครั้งนี้ให้แก่พวกเจ้า”จอมมารมีพระบัญชาออกไปทันที “กักตนหนึ่งเดือน!”เจิ้งหู่และชินอ๋องกล่าวออกมาพร้อมกัน พระพักตร์หล่อเหลาพยักขึ้นลงเล็กน้อยก่อนจะหรี่พระเนตรสีนิลคมกล้าจับจ้องมนุษย์ตัวกะจ้อยร่อยทั้งสอง “พวกเจ้ามีปัญหาอย่างนั้นเหรอ”รับสั่งถาม พระสุรเสียงของจอมมารและท่าทีที่แสดงออกมาเช่นนั้นทำให้ชินอ๋องและเจิ้งหู่ต่างพากันรีบส่ายหน้าไปมาติดต่อกันอย่างรวดเร็วพร้อมยกมือโบกไปมา “หามิได้! ไม่มีปัญหา! ไม่มีปัญหาเลย”ทั้งสองบอกออกไปพร้อมกันท่ามกลางความพึงพอพระทัยของราชาปีศาจ “เช่นนั้นก็ดีแล้ว ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่ข้าเข้ากักตน ให้พวกเจ้านำกำลังออกโจมตีและก่อกวนอีกฝ่ายอยู่เป็นระยะๆ ทำทีแกล้งพ่ายแพ้เพื่อให้ตายใจ ในเจ็ดวันนำกองทัพขนาดหนึ่งหมื่นนายออกก่อกวนสองวัน หยุดพักห้าวัน เพื่อให้กำลังทหารได้รับการพักผ่อนอย่างเต็มที่และฝึกฝนกองทัพอยู่ตลอดเวลาเสบียงอาหารอย่าให้ขาด หลังออกจากการกักตนข้าจะบัญชาการทัพด้วยตัวเอง” “ถ้าเป็นเช่นนั้นการทำสงครามจะใช้เวลายืดเยื้อไปอีกยาวนานเพียงใด นี่ก็กินเวลาเกือบสามปีแล้วนะที่ต้าฮั่นยังไม่สามารถเข้าตีไท่หยวนได้แม้แต่ประตูเมืองก็ยังเข้าไม่ถึงเลย”ชินอ๋องรับสั่งถามกลับไป ราชาปีศาจแสยะยิ้มเหยียดออกมาบางๆ ครั้นได้ยินมนุษย์ตรงพระพักตร์ถามกลับมาเช่นนั้น “สงครามจะจบสิ้นไม่ได้เสร็จศึกภายในวันเดียวเจ้าเองก็ล่วงรู้ดีไม่ใช่เหรอ ในเมื่อผู้นำทัพอีกฝ่ายเก่งกล้ากว่าพวกเจ้าจึงเป็นสาเหตุทำให้สงครามในครั้งนี้ยืดเยื้อมาอย่างยาวนานเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพฤติกรรมของจินซานในอดีตที่ไม่เคยรับฟังผู้ใดเอาตัวเองเป็นใหญ่ กองทัพจึงต้องเสียเวลาไปกับสิ่งเหล่านี้”รับสั่งพร้อมหันกลับไปทอดพระเนตรร่างของรัชทายาทต้าฮั่นที่ยังคงนั่งฟังอยู่บนแท่นพระบรรทมด้วยความงุนงงอยู่เช่นนั้น “ดังนั้นเมื่อข้าสั่งให้ทำอะไร! จงเร่งไปจัดการอย่าให้ผิดไปจากที่ข้ากล่าวแล้วเจ้าก็จะรู้ว่าสงครามครั้งนี้จะใช้เวลาในการทำศึกหลังจากที่ข้าออกจากการกักตนมาแล้วยาวนานเพียงใด และเจ้าสองคนจะต้องทำตามแผนการของข้า”รับสั่งพร้อมเริ่มอธิบายแผนเชิงรบคร่าวๆ ที่จะต้องใช้ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนเพื่อหลอกล่อให้อีกฝ่ายตายใจ ท่ามกลางอาการนิ่งงันของทุกคนที่อยู่ภายในกระโจมดังกล่าวเมื่อได้ยินจอมมารเฟิงหยางมีพระบัญชาออกมาเช่นนั้น ด้วยอำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ทำให้ไม่มีผู้ใดกล้าคัดค้านแม้แต่น้อย ต่างพากันยืนฟังด้วยความตั้งใจและต้องพากันอึ้งไปตามๆ กันกับแผนการอันแยบยลของพระองค์ ช่างเต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์และร้ายกาจเป็นยิ่งนัก แคว้นไท่หยวนไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังเผชิญหน้ากับราชาปีศาจองค์ปัจจุบันในคราบของผู้บัญชาการทัพคนใหม่ของต้าฮั่น พระองค์เจนจัดและเชี่ยวชาญในการทำสงครามระหว่างสามโลกมานานหลายแสนปี ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เดียวกันจนสูญสิ้นทั้งหมดเพื่อสันติสุขของทุกดินแดน ในขณะที่คนงามอู๋ฮ่าวเทียน เจ้าผู้ครองแคว้นองค์ปัจจุบันของไท่หยวนที่ได้รับการยกย่องไปทั่วทุกสารทิศจะต้องรับมือกับแผนการอันแยบยลของราชาปีศาจอย่างไม่คาดคิด คนงามในร่างบุรุษจะสามารถต่อกรพระองค์และครองแคว้นไท่หยวนของนางได้ยาวนานเพียงใดในเมื่ออีกฝ่ายหาใช่มนุษย์แต่กลับเป็นราชาปีศาจ จอมมารเฟิงหยางที่ทั่วดินแดนปีศาจและสวรรค์เก้าชั้นฟ้าต่างให้การยกย่องและให้ความยำเกรง แม้กระทั่งจักรพรรดิสวรรค์ยังต้องเกรงพระทัย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม