ตอนที่ 7
ติ๊ด...ติ๊ด...
เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์เร่งให้เจ้าของเครื่องรีบมาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพ่งมองดูชื่อคนโทรเข้า แต่ไม่ปรากฏชื่อ ทำเอาคิ้วเรียวสวยขมวดยุ่งด้วยความสงสัย
“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายเสียงเรียบๆ
“สวัสดีครับคุณรุ้ง ผมอนนครับ”
“อ๋อค่ะ คุณอนนมีอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมขอโทษด้วยนะครับถ้าโทร.มารบกวนเวลาพักผ่อนของคุณ แต่พอดีผมอยากทราบว่าตอนนี้คุณเอโด้พักอยู่กับคุณใช่ไหมครับ” เพราะเขาได้โทร.ไปสอบถามกับคุณหมอที่สนิทกันและให้ปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับเอาไว้ก่อนเพื่อความปลอดภัยของคุณเอโด้
“ใช่ค่ะ ตอนนี้เขาอยู่กับฉันที่นี่ ว่าแต่คุณอนนไม่ต้องเกรงใจนะคะ หากคุณจะโทร.มาสอบเรื่องคุณเอโด้ โทร.มาเมื่อไหร่ก็ได้ค่ะ ถ้าฉันไม่ติดงานก็จะรับสายได้ตลอด”
“ขอบคุณครับที่ช่วยดูแลคุณเอโด้”
“ค่ะ แต่ฉันขอถามหน่อยว่าทำไมคุณอนนไม่ติดต่อไปทางคนรู้จักของเขาล่ะคะ คือฉันคิดว่าคนทางนั้นอาจจะกำลังรอฟังข่าวอยู่ก็ได้” โดยเฉพาะพ่อแม่ของเขา ป่านนี้ท่านคงกำลังรอการกลับไปของลูกชาย
“ผมไม่กล้าติดต่อไปตอนนี้ครับ” เพราะเขายังกังวลเรื่องความปลอดภัยของเพื่อน
“ทำไมล่ะคะ” หญิงสาวย้อนถามกลับอย่างอยากรู้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ติดต่อไปทางญาติของเขา เพราะเธอคิดว่าควรเป็นญาติๆ ของเขาที่จะมาช่วยรื้อฟื้นความทรงจำให้
“ผมกลัวว่าคุณเอโด้อาจถูกปองร้ายอีกครั้งครับ แล้วผมก็คิดว่าทางดีเราควรจะให้ความทรงจำของคุณเอโด้กลับมาเสียก่อน แล้วถ้าความทรงจำของคุณเอโด้กลับมาแล้ว ก็คงต้องให้คุณเอโด้ตัดสินใจเอาเองว่าจะติดต่อทางญาติหรือไม่ ว่าแต่คุณรุ้งไม่สะดวกที่จะดูแลต่อแล้วใช่ไหม ถ้างั้นผมจะรีบหาคนมาดูแลแทนครับ” อนนบอกอย่างเกรงใจ แต่เขาก็ยังไม่รู้ว่าจะไปหาใครที่ไว้ใจได้มาดูแลต่อดีหากหญิงสาวไม่สะดวก
“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ฉันยังยินดีจะดูแลให้นะคะ”
“ขอบคุณมากครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ”
“ถ้างั้นผมไม่รบกวนแล้วครับ” อนนรอจนอีกฝ่ายกดวางสายจึงหันไปมองหน้าจอโน้ตบุ๊คต่อเพื่อค้นหาข่าวเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเกือบสามเดือนก่อน ทางด้านรุ้งตะวันก็ยืนมองโทรศัพท์ในมือราวกับว่าไม่เคยเห็นมันมาก่อน ใจก็มัวแต่ครุ่นคิดว่าเธอทำถูกแล้วใช่ไหมที่ยินดีดูแลเขาต่อไป เลยไม่ทันสังเกตว่าตอนนี้มีใครบางคนเดินมาอยู่ใกล้ๆ ได้ครู่หนึ่งแล้ว
“คุณ” น้ำเสียงทุ้มมาพร้อมมือแตะบนแขนทำให้คนที่คิดอะไรเพลินๆ สะดุ้งโหยง
“ตกใจหมดเลยคุณ” เสียงหวานเอ่ยต่อว่าไม่จริงจังนัก
“ดูเหมือนคุณจะเป็นคนตกใจอะไรง่ายจังนะครับ” พูดจบก็เผยยิ้มกว้าง
“ก็...คุณมาเงียบๆ เป็นใครก็ต้องตกใจหมดแหละ”
“ผมไม่ได้มาเงียบนะครับ แต่เป็นคุณต่างหากที่ไม่หันมามองผมเอง”
“โอเค ฉันผิดเอง ว่าแต่คุณอาบน้ำเร็วจังนะคะ ฉันคุยโทรศัพท์แค่แป๊บเดียวเอง” ขาดคำเธอก็เดินเบี่ยงตัวออกห่างคนตัวโตและสูงจนเธอต้องแหงนหน้าคุยด้วย
“ก็ผมเป็นผู้ชาย ทำอะไรเร็วอยู่แล้ว”
‘ตอบแบบนี้เดี๋ยวแม่ก็แพ่นกระบาลให้ซะหรอก’ หญิงสาวค่อนขอดเขาอยู่ในใจ ก่อนจะคิดว่าคืนนี้จะทำอย่างไรดีกับเรื่องห้องนอน แต่ที่แน่ๆ เธอไม่ยอมให้เขานอนร่วมเตียงแน่!
“คุณ” เสียงทุ้มดังขึ้นหลังจากทั้งเขาและเธอเอาแต่นั่งเงียบมาพักหนึ่ง
“อะไร” เธอขานรับโดยไม่เงยหน้าขึ้นมองอีกคนที่นั่งอยู่ไม่ห่าง
“คุณจะบอกผมได้หรือยังว่าผมชื่ออะไร แล้วก่อนหน้านั้นผมทำงานอะไร แล้วผมกับคุณ เรามารักกันได้ยังไง พอดีผมพยายามจะนึกแล้ว แต่ผมก็นึกเรื่องระหว่างเราไม่ได้เลย”
'มันก็ต้องนึกไม่ออกอยู่แล้วละ เพราะคุณฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน' เธอคิดแย้งอยู่ในใจก่อนจะเงยหน้ามองคนตัวโตที่จ้องมองเธอตาไม่กะพริบ
“บอกผมนะครับ” เขาถามย้ำเมื่อสาวเจ้าเอาแต่มองหน้าเขานิ่งๆ
“คุณชื่อเอโด้ ทำงานเป็นผู้จัดการรีสอร์ทอยู่ที่จังหวัดลำปาง” นานหลายนาทีกว่าหญิงสาวจะเอ่ยตอบแต่ก็หยุดพูดไว้แค่นั้นแล้วมองสบตาสีฟ้าน้ำทะเลที่ก็มองเธออยู่นานแล้ว ก่อนจะพูดต่อ “แล้วคุณก็มาทำธุระเรื่องบ้านที่กรุงเทพฯ จากนั้นคุณก็ไปเที่ยวผับ พอออกจากผับคุณก็ประสบอุบัติเหตุนอนไม่ได้สติมาเกือบสามเดือน” เธอตอบเท่าที่รู้จริงๆ
“แล้วเรื่องระหว่างผมกับคุณล่ะ คือผมหมายถึงครอบครัวของเรา เราไม่มีลูกด้วยกันงั้นเหรอครับ”
“ไม่มีค่ะ” รุ้งตะวันรีบปฏิเสธโดยไม่เสียเวลาไตร่ตรอง
“ทำไมล่ะครับ” คิ้วหนาขมวดยุ่งอย่างสงสัย
“ก็เรายังไม่พร้อม เลยยังไม่มีลูกกัน” แต่ฉันไม่รู้หรอกนะว่าคุณจะมีลูกอยู่ลำปางหรือเปล่า ‘นั่นสิ เราลืมเรื่องนี้ไปได้ไงนะ แล้วถ้าเขามีทั้งลูกทั้งภรรยาตัวจริงอยู่แล้วล่ะ ยุ่งแน่ๆ เลย ถ้าภรรยาตัวจริงของเขาปรากฏตัวขึ้นมา’ เธอเริ่มเครียดเพราะไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เลย
“รุ้งตะวัน” เอโด้เอ่ยเรียกเต็มยศเมื่อสาวเจ้านิ่งไปอีกแล้ว
“อะไรคะ” รุ้งตะวันพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแต่หารู้ไม่ว่ามันไม่ได้รอดพ้นสายตาของอีกคนที่ตอนนี้ความง่วงกำลังถามหาจนอ้าปากหาวไปสามครั้ง
“นี่คุณง่วงแล้วเหรอ” ร่างบางเอ่ยถามด้วยหน้าตาตื่นๆ เพราะตอนนี้เธอยังคิดไม่ออกเลยว่าจะต้องทำยังไงที่จะไม่ให้เขามานอนร่วมเตียงด้วย
“ครับ ถ้างั้นผมขอไปนอนก่อนนะครับ อ้อ! ผมทานยาก่อนนอนตามที่คุณหมอสั่งน่ะครับ” พูดจบก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินตรงไปยังห้องนอน ในขณะที่อีกคนยังนิ่งอยู่ที่เดิมและสมองกำลังครุ่นคิดอย่างหนัก