ตอนที่ 5
ภายในห้องทำงาน สองสาวที่โดนเรียกเข้าไปคุยพากันยืนทำหน้านิ่งอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเจ๊มณี ซึ่งกำลังรอให้สามีมาจัดการสองสาวที่มักมีเรื่องกับคนอื่นอยู่บ่อยครั้งจนเพื่อนร่วมงานพากันเอือมระอา
“เจ๊ เรียกเราสองคนมาทำไมคะ” หลังจากเกี่ยงกันอยู่นานแต่ในที่สุดพาฝันก็ต้องเป็นฝ่ายถามภรรยาเจ้าของผับ เพราะทนให้ฉัตรลดาหยิกแขนไม่ไหวแล้ว
“ไม่รู้ตัวกันอีกหรือไงว่าฉันเรียกเข้ามาทำไม” เจ๊มณีส่ายหน้าไปมาอย่างเอือมระอา ไม่รู้ว่าคิดผิดหรือถูกกันแน่ที่ยอมให้สามีรับแม่สองสาวคนนี้เข้ามาทำงานในผับ
“เรื่องเมื่อครู่เหรอคะเจ๊” พาฝันย้อนถามเสียงอ่อน หวนคิดว่าหากย้อนเวลากลับไปได้เธอจะไม่หาเรื่องจิรันธรแน่ เพราะนึกกลัวทุกครั้งเวลาโดนเจ๊มณีเรียกให้มาพบในห้องทำงาน แต่จะให้ขัดใจฉัตรลดาเธอก็ขัดไม่ได้อีก เพราะถ้าขัดมีหวังโดนฉัตรลดาตบหน้าแน่
“ก็มันจะเป็นเรื่องไหนได้อีกล่ะ พวกหล่อนสองคนนี้ก็จริงๆ เลย ชอบหาเรื่องคนอื่นได้แทบทุกวัน” เจ๊มณีโต้กลับเสียงแข็ง
“แต่คนเริ่มไม่ใช่พวกเรานะคะเจ๊” ฉัตรลดารีบพูดแก้ต่างเพื่อให้พ้นผิด แต่หารู้ไม่ว่าภรรยาเจ้าของผับเห็นว่าใครเริ่มก่อน
“หล่อนแน่ใจเหรอ แม่ฉัตรลดา”
“ก็ต้องแน่ใจอยู่แล้วเจ๊ เพราะทุกวันนี้ ใครๆ ต่างก็รู้ว่าแม่จีจี้กับเพื่อนของมันกำลังอิจฉาฉันอยู่” แต่ความจริงแล้วเป็นเธอเองที่อิจฉาจิรันธรและรุ้งตะวัน เพราะแขกชอบพวกมันมากกว่าเธอ
“อย่างนั้นเหรอ”
“เจ๊ทำเสียงเหมือนไม่เชื่อฉันที่พูด” ฉัตรลดาลอบทำหน้าไม่พอใจภรรยาเจ้าของผับหรู
ผลัวะ!
เสียงเปิดประตูดังขัดจังหวะขึ้นมาก่อนที่เจ๊มณีจะทันได้โต้ตอบกับสองสาว ส่วนคนที่เปิดประตูเข้ามาก็หันมองสองสาวไปมาแล้วจึงหันมองภรรยา
“มีอะไรกัน” เสียงห้าวห้วนหันมาถามสองสาวแทนเมื่อภรรยาไม่พูดอะไรออกมา
“เจ๊เรียกเราสองคนมาต่อว่าเรื่องแม่จีจี้ค่ะเฮีย” พอได้โอกาสฉัตรลดาก็ฟ้องด้วยน้ำเสียงออดอ้อน พร้อมกับลอบมองหุ่นของเฮียไปด้วย ที่แม้อายุจะแตะเลขห้าแล้วแต่เนื้อตัวไม่ได้อ้วนลงพุงเหมือนคนรุ่นเดียวกัน
“แล้วเธอสองคนไปทำอะไรหนูจีจี้” สรรพนามที่ดังออกมานั่นทำให้ฉัตรลดาชักสีหน้าไม่พอใจจนพาฝันต้องสะกิดเตือน
“ลดาไม่ได้ทำอะไรนะคะเฮีย แต่แม่นั่นต่างหากที่ทำลดา จริงๆ นะคะเฮีย” ฉัตรลดาแสร้งบีบน้ำตาเรียกร้องความสงสารและเห็นใจ
“แล้วที่หล่อนไปตบแม่จีจี้นั่นล่ะ อย่าคิดว่าฉันไม่เห็นว่าใครเริ่มก่อนใครเริ่มหลัง” เจ๊มณีพูดแทรกขึ้น พลางตวัดสายตามองหญิงสาวคราวลูก ที่ดูก็รู้ว่าคิดอะไรอยู่ในใจ แต่ถึงจะคิดก็เป็นได้แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวของสามีตน
“เฮียดูสิคะ เจ๊ชอบเข้าข้างแม่จีจี้ ทั้งที่แม่จีจี้ด่าว่าลดาก่อน แล้วที่ลดาต้องตบ ก็เพราะแม่นั่นจะตบลดาก่อน ลดาก็เลยต้องป้องกันตัว เฮียต้องให้ความเป็นธรรมกับลดานะคะ” ฉัตรลดาขยับเข้าไปใกล้เจ้าของผับ พลางซบหน้าลงกับท่อนแขนเพื่อหวังจะทำให้ยายแก่หึงแล้วเอะอะโวยวายจนพานทำให้เฮียโกรธ แต่กลับผิดคลาดเพราะเจ๊มณีนิ่งสงบ
“ถ้างั้นคราวหลังอย่าก็มีการทำร้ายกันในผับอีก หากไม่เชื่อฟังเฮียจะไล่ออกให้หมด” แม้จะชื่นชอบที่มีสาวสวยมายืนซบอยู่ใกล้ๆ ทว่าก็ไม่อาจทำอะไรต่อหน้าภรรยาได้เฮียเจตจึงดันอีกฝ่ายออก
“แต่ลดาไม่ได้เริ่มก่อนนะคะเฮีย”
“ออกไปได้แล้ว”
“แต่เฮีย...”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว ออกไป” เฮียหัวงูบอกเสียงกร้าว
เมื่อถูกไล่โดยไม่ที่เฮียไม่ฟังคำอธิบาย ฉัตรลดาจึงสะบัดหน้าเดินกระแทกเท้าออกไป โดยมีพาฝันที่ยืนทำหน้าเจื่อนๆ ตามออกไป ภายในห้องจึงเหลือเพียงสองสามีภรรยา
“ถ้าเฮียอยากได้แม่ฉัตรลดามาเป็นเมียก็ทำในที่ลับตาหน่อยแล้วกัน” ฝ่ายภรรยาพูดขึ้นหลังจากปล่อยให้บรรยากาศภายในห้องเงียบไปหลายนาที
“นี่มณียอมให้ฉัตรลดามาเป็นเมียเก็บเฮียแล้วใช่ไหมจ๊ะ” ฝ่ายสามียิ้มแป้นจนน่าหมั่นไส้ แต่ด้วยรู้ดีว่าสามีเป็นผู้ชายที่ความต้องการมากจนตนรับมือไม่ไหว เลยต้องยอมให้สามีไปมีเล็กน้อยโดยกำชับให้ป้องกันตัวเองทุกครั้ง
“ก็ฉันมองออกตั้งแต่แม่นั่นเข้ามาทำงานแล้ว แต่จะทำอะไรก็อย่าลืมป้องกันตัวเองด้วยล่ะ” ภรรยามองค้อนปะหลับปะเหลือก ก่อนจะไล่สามีออกจากห้องเมื่อสามีเข้ามากอดจูบ
“ขอบใจมากจ๊ะทูนหัวของเฮีย” เฮียหัวงูกล่าวทิ้งท้ายแล้วเดินออกไปอย่างอารมณ์ดี โดยไม่รู้เลยว่าตอนนี้ภรรยากำลังมองตามด้วยสีหน้าเจ็บปวด
สองวันต่อมาในช่วงบ่ายๆ หลังจากไปจัดการจ่ายค่าห้องพักและเก็บของกันเรียบร้อยแล้วรุ้งตะวันและจิรันธรก็พาชายหนุ่มออกจากห้องโรงพยาบาล โดยก่อนไปก็ให้คนที่เพิ่งหายป่วยสวมแว่นใส่หมวกปิดบังใบหน้าเอาไว้
“ทำไมคุณต้องให้ผมต้องใส่แว่นใส่หมวกด้วยครับ” คนถูกขอร้องแกมบังคับให้ใส่ถามขึ้น อีกทั้งก็ยังสงสัยว่าทำไมสองสาวถึงได้พาเขามาที่บันไดหนีไฟ
“คุณอย่าเพิ่งถามอะไรเลย ฉันว่าเรารีบเดินกันเถอะค่ะ จะได้ไปถึงรถเร็วๆ”
“แต่ผมอยากรู้”
“ก็...ก็คุณเพิ่งหาย ใส่แว่นก็เอาไว้กันแสงแดด ใส่หมวกก็กันแดดไงคะ ไปกันเถอะคุณ” รุ้งตะวันพยายามหาเหตุผลมาบอกทั้งที่ตอนนี้ไม่มีแดด
“รุ้ง เดี๋ยวฉันเดินไปก่อนนะ จะได้สตาร์ทรถด้วย” จิรันธรพูดขึ้นพร้อมกับหันไปคว้าถุงเสื้อผ้าจากมือเพื่อนแล้วรีบเดินนำไปก่อน รุ้งตะวันมองซ้ายมองขวาเมื่อไม่เห็นมีใครก็รีบพาอีกคนเดินไปขึ้นรถ ไม่นานรถก็เคลื่อนออกจากลานจอดรถไปพร้อมกับความสงสัยมากมายของเอโด้