ตอนที่ 3
“รุ้ง แกอยู่เฝ้าผัวแกเถอะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกเฮียเจตให้ว่าแกติดธุระสำคัญมาก ขอลาหยุดสักสองสามวัน” จิรันธรพูดแทรกขึ้น
“จีจี้ แกพูดแบบนี้ได้ไง” รุ้งตะวันแก้มแดงระเรื่อกับคำพูดตรงไปตรงมาของเพื่อนรัก
“ก็ฉันพูดความจริงนี่” จิรันธรทำหน้าเป็นใส่
“ความจริงบ้าบออะไรของแก แล้วแกจำเอาไว้เลยว่าอย่าพูดคำนี้ต่อหน้าเขาอีก ฉันไม่ชอบ” รุ้งตะวันกระซิบต่อว่าเพื่อนด้วยใบหน้างอง้ำ
“เขินเหรอ” จิรันธรหัวเราะคิกคัก ยิ่งได้เห็นเพื่อนทำหน้าโหดมาขู่ก็ยิ่งหัวเราะชอบใจ
“หยุดเลยนะ” รุ้งตะวันมองค้อนเพื่อนประหลับประเหลือก
“ถ้างั้นฉันไปทำงานก่อนนะ ส่วนแกก็เฝ้าผัวไป”
“พูดบ้าๆ” รุ้งตะวันคำรามหน้าแดงระเรื่อ
“ตกลงตามนี้แหละ จีจี้ไปก่อนนะคะ” จิรันธรโบกมือลาแล้วรีบเดินออกไป ก่อนที่เพื่อนรักจะทักท้วงอะไรขึ้นมาอีก ส่วนรุ้งตะวันก็ยืนเคว้งอยู่ปลายเตียง ก่อนที่เธอจะเดินไปนั่งบนโซฟาแล้วคว้าเอานิตยสารเล่มหนามานั่งเปิดอ่านเพื่อไม่ให้คนบนเตียงได้ถามอะไร แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอทำจะไม่ได้ผล
“คุณ”
“มีอะไรเหรอคะ หรือว่าคุณเจ็บตรงไหน เดี๋ยวฉันเรียกพยาบาลให้ค่ะ”
“ไม่ต้องครับ แต่ผม... ” คนพูดพยายามจะนึกว่าเรื่องของภรรยา
“แต่อะไรเหรอคุณ” ถามไปแล้วก็เมินหน้าหนีไปเมื่อโดนอีกฝ่ายจ้องตาไม่กะพริบ
“แต่ผมสงสัยว่าคุณเป็นภรรยาของผมจริงๆ เหรอครับ” ดวงตาสีฟ้าเต็มไปด้วยความสงสัย แต่จะว่าไปเขาก็สงสัยอะไรหลายเรื่องมากตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมา ถามหมอ ถามพยาบาล ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครมาจากไหน ครั้นให้นึกเองก็พานปวดหัว
“ก็ถ้าคุณอยากให้เป็นจริง ฉันก็เป็นจริง แต่ถ้าคุณไม่อยากให้เป็น ฉันก็ไม่เป็น” คนถูกถามตอบแบบเลี่ยงๆ
“ทำไมคุณตอบแบบนี้ล่ะ” คิ้วหนาขมวดยุ่ง
“ฉันก็ตอบไปเรื่อยเปื่อย”
“แล้วชื่อผมล่ะ ตกลงชื่ออะไร”
“คุณเพิ่งรู้สึกตัวมา อย่าเพิ่งถามอะไรเลยค่ะ แต่ฉันสัญญาว่าจะบอกคุณแน่นอน” แต่เธอก็ไม่รู้จะบอกอะไรได้มากไหม เพราะเธอรู้แค่ว่าเขาชื่ออะไรและทำงานที่ไหนเท่านั้น ส่วนเรื่องส่วนตัวของเขาเธอไม่รู้เลยสักนิด
“สัญญากับผมนะ” พูดจบก็ยื่นมือออกไปจับมือเล็ก
“คุณ!” รุ้งตะวันตาโตตกใจที่จู่อีกคนก็คว้ามือเธอไปจับไว้ซะแน่น
“ผมจับมือคุณไม่ได้เหรอครับ”
“ปละ...เปล่า เปล่าค่ะ พอดีฉัน...ฉันตกใจน่ะ ที่จู่ๆ คุณมาจับมือของฉัน” เจ้าของมือตอบเสียงตะกุกตะกัก
“มือคุณนิ่มมาก” ว่าแล้วก็ยกขึ้นมาแนบแก้ม และนั่นให้ความรู้สึกที่ยากจะอธิบายกับเจ้าของมือ ไม่นานสองแก้มเนียนออกสีระเรื่อเมื่อคนบนเตียงจับมือของเธอไปเพ่งมองราวกับจะหาลายแทงสมบัติ
“คุณ ปล่อยมือฉัน...ได้แล้ว” เสียงหวานเอ่ยบอกคล้ายคนไม่แน่ใจว่าอยากให้เขาเลิกจับเลิกจ้องดีหรือไม่
“เล็บคุณก็สวย” เขายังเอ่ยชมไม่หยุดปากและก็มองมือนุ่มนิ่มอย่างสนใจ
‘แล้วจะทำไงดีล่ะนี่ ปล่อยให้จ้องต่อเหรอ’ หญิงสาวถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น กระทั่งคนที่จับมือเธอเอาไว้หลับทำให้เธอได้โอกาสดึงมือตัวเองออกมา แล้วยืนจ้องเขาอยู่สักพักใหญ่เธอจึงเดินไปทิ้งตัวลงบนโซฟาแล้วหยิบหนังสือมาอ่านฆ่าเวลา เพราะปกติแล้วเวลานี้เธอต้องเตรียมตัวขึ้นเต้นบนเวทีไม่ใช่มานั่งเฝ้าคนป่วย
ติ๊ด...ติ๊ด...
โทรศัพท์มือถือที่ตั้งระบบสั่นเอาไว้สั่นเตือนเจ้าของเครื่องให้วางนิตยสารเล่มหนาที่นั่งอ่านมาครึ่งชั่วโมงลงบนโซฟา มือเล็กล้วงเจ้าเครื่องมือสื่อสารออกจากกระเป๋าเสื้อก่อนจะลุกเดินออกมาคุยนอกห้องเพื่อไม่ให้เสียงรบกวนคนป่วย
“สวัสดีค่ะแม่ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ” รุ้งตะวันกรอกเสียงไปตามสายเมื่อชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอก็คือมารดา ที่ไม่ยอมย้ายมาอยู่กับเธอที่คอนโดฯ โดยอ้างว่าไม่ชอบ แต่เธอรู้ว่าที่มารดาไม่มาอยู่ด้วยเป็นเพราะไปเล่นไพ่ไม่สะดวกเสียมากกว่า
“นี่ป้าเอง”
“มีอะไรหรือเปล่าจ้ะป้าผึ้ง แล้วแม่ฉันอยู่ไหนล่ะ” ถามไปแล้วก็พอจะนึกออกว่าเวลานี้มารดาคงจะอยู่ในวงไพ่
“นอนซมอยู่บนเตียงนี่ไง”
“แม่เป็นอะไรเหรอจ๊ะ”
“แม่เอ็งเป็นไข้ แต่ตอนนี้กินยานอนไปแล้ว เอ็งไม่ต้องห่วงไปหรอก ป้าแค่โทรมาบอกไว้แค่นั้นแหละ แต่เอ็งคงรู้ใช่ไหมว่าทำไมแม่เอ็งถึงต้องนอนซม”
“แม่อดนอนอีกแล้วละสิ” รุ้งตะวันทำหน้าเมื่อย เพราะเดาสาเหตุที่มารดาต้องล้มป่วยได้ แล้วพอหายคงไม่พ้นโทรมาขอเงินเธอเอาไปเล่นไพ่อีกแน่
“แม่เอ็งคงเล่นเพลินไปหน่อย เลยลืมเวลากินเวลานอน แล้วนี่แกไม่ได้ทำงานหรือไง เสียงมันดูเงียบๆ” เพราะทุกครั้งที่โทรไปจะมีเสียงเพลงดังเล็ดลอดมาให้ได้ยิน แต่คราวนี้ไม่มีสักนิดเลยอดสงสัยไม่ได้
“ฉันลาหยุดจ้ะป้า”
“ฟ้ามันคงฝนตกห่าใหญ่แน่ๆ ที่เอ็งลางาน” ป้าผึ้งหัวเราะร่วน ด้วยรู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้ขยันทำงานมาก หากไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่มีวันหยุดทำงาน
“ป้าก็พูดเกินไป แต่ป้าสะกิดบอกแม่ให้ทีว่าฉันจะแวะไปดู”
“เออๆ เดี๋ยวจะบอกให้”
“ป้าผึ้งเอาเป็ดย่างไหม เดี๋ยวฉันจะแวะซื้อไปฝาก”
“เอาที่เอ็งสะดวกเถอะ ป้าวางละ” พูดจบก็กดวางสายแล้วหันไปมองคนบนเตียงที่รู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาพอดี อีกคนจึงบอกเรื่องที่ลูกสาวจะมาเยี่ยมแล้วก็เดินไปเปิดทีวีดูฆ่าเวลา เพราะจะให้ทิ้งคนป่วยไปตอนนี้ก็ไม่ได้
ทางด้านรุ้งตะวันเดินกลับไปในห้องคนป่วย แต่เธอก็ลังเลว่าจะปลุกเขาดีไหมเพื่อบอกว่าจะออกไปข้างนอกสักชั่วโมงแล้วจะกลับมา