กระโปรงปักลายดอกโบตั๋นพลิ้วไหวไปตามจังหวะเยื้องย่าง ทุกกิริยางดงามอ่อนช้อยดังเทพธิดาจันทราสมกับชื่อของนางอย่างแท้จริง
แม้ตามธรรมเนียมสตรีไม่ควรออกมาอวดโฉมให้บุรุษมากมายขนาดนี้พบเห็นก็ตาม แต่ตระกูลเยี่ยนให้บุตรสาวฝึกขี่ม้ายิงธนูอยู่เป็นประจำ ทำให้บางครั้งทหารผู้โชคดีจะได้พบคุณหนูเล็กที่ลานฝึกยุทธ
ทหารองครักษ์ทั้งหลายเมื่อเห็นบุตรสาวผู้งามเลิศล้ำของท่านแม่ทัพใหญ่พาร่างอรชรเดินเข้ามา ต่างก็แอบชำเลืองมองอย่างอดมิได้
ยามนางใช้นิ้วงามดุจลำเทียนขึ้นลูบปิ่นปักผม จนทำให้แขนเสื้อกว้างไหลลงจนแลเห็นแขนขาวเรียวเล็ก เท่านี้ก็เพียงพอให้พวกเขาลืมหายใจ แต่ละคนต่างตะลึงงันจนร่างกายแข็งค้างราวกับรูปปั้นหิน แต่ถึงกระนั้นทหารทั้งหลายต่างไม่กล้าทำกิริยารุ่มร่ามใดมากไปกว่านี้ด้วยรู้ฐานะของตนเป็นอย่างดี
เยี่ยนหยางจงปรายสายตาตามเหล่าบุรุษที่กำลังใจลอย จึงพบกับตัวต้นเหตุที่มาแทรกแซงการฝึก รองแม่ทัพหนุ่มกระแอมดัง ๆ หนึ่งทีเพื่อเรียกสติของผู้ใต้บังคับบัญชากลับมา
“เก็บลูกตาของเจ้าไว้มองภรรยาในอนาคตจะดีกว่า มีสมาธิกันหน่อย มิเช่นนั้นข้าจะส่งพวกเจ้ากลับไปชายแดน” รองแม่ทัพหนุ่มสะบัดแส้หนังลงกับพื้น เสียงเส้นสายสีดำหวีดกรีดอากาศดังพรึบ องครักษ์ทั้งหมดหันขวับกลับมาฝึกตนต่ออย่างขะมักเขม้น ไม่กล้ามองธิดาของท่านแม่ทัพใหญ่อีกแม้แต่แวบเดียว
ผู้เป็นพี่ใหญ่หันไปยิ้มให้น้องสาวคนสวยอย่างอ่อนโยน ท่าทีดุดันเมื่อครู่หายไปสิ้น เหลือเพียงคราบคุณชายที่แสนใจดีและสุภาพ
“ฉีเอ๋อร์ร์มาหาพี่ถึงนี่มีอะไรหรือ” ริมฝีปากของเขาเหยียดออกเผยให้เห็นฟันขาวสะอาด มือแกร่งสะบัดเพียงเล็กน้อยแส้ก็กลับม้วนเก็บเข้าที่ตรงข้างเอวสอบ นัยน์ตาเหยี่ยวที่คมปลาบเมื่อครู่ บัดนี้เหลือเพียงประกายฉายแววรักใคร่เอ็นดู
“พี่ใหญ่ ข้าอยากฝึกยิงธนู” หญิงสาวยังคงมีใบหน้าที่หม่นหมอง
“ได้สิ” ผู้เป็นพี่ชายรู้สึกได้ถึงความผิดปกติ แต่เขาไม่ใช่คนช่างพูดจึงทำแค่เพียงเดินนำน้องสาวมาอีกด้านหนึ่ง พอถึงที่หมายชายหนุ่มก็ผายมือออกอย่างเชื้อเชิญ “ตามสบายฉีเอ๋อร์ร์ของพี่ เจ้าอยากยิงเท่าไรก็ได้”
“ขอบคุณพี่ใหญ่” นางยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม แล้วเดินไปเลือกคันธนูสำหรับฝึกขึ้นมา หญิงสาวดึงสายที่ถูกขึงตึงสองสามที ลองยกขึ้นลงเพื่อประมาณน้ำหนัก จนพบกับอันที่เหมาะมือ เมื่อนั้นจึงค่อยๆ เยื้องกรายไปยังหน้าเป้าวงกลมขนาดใหญ่ที่อยู่ไกลลิบ
เยี่ยนเยว่ฉีตั้งสมาธิเดินกำลังภายในถ่ายทอดพลัง ลูกเกาทัณฑ์ถูกอาบไว้ด้วยกระแสลมปราณ นัยน์ตาดอกท้อวาวโรจน์ขึ้นหลายส่วน ท่าทางเข้มแข็งจริงจังแลคล้ายกับนักรบสาว นางสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดแล้วกลั้นไว้ชั่วครู่ เมื่อมั่นใจจึงปล่อยลูกศรอันแหลมคมพุ่งตรงออกไป
ปึก! ลูกเกาทัณฑ์ทรงพลังเข้ากลางเป้าสีแดงพอดิบพอดี
“คุณหนูเก่งจังเลยเจ้าค่ะ” ซูจิ้งสาวใช้คนสนิทปรบมือเสียงดังเอ่ยปากชื่นชมนายหญิงไม่หยุด
เยี่ยนเยว่ฉีเผยอรอยยิ้มผ่อนคลายขึ้นเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก้าวเข้ามา รองแม่ทัพหนุ่มเห็นเช่นนั้นก็เบาใจ นางคงอยากหาที่ระบายอารมณ์อัดอั้นอะไรสักอย่าง ท่าทางของเยี่ยนจิ้นหลิงเองก็แปลก ซ้ำเขายังรีบออกจากจวนไปโดยไม่บอกไม่กล่าว
‘หวังว่าจะไม่เกิดอะไรที่ไม่ดีขึ้นนะ’
เยี่ยนหยางจงเฝ้ามองน้องสาวยิงลูกเกาทัณฑ์ดอกแล้วดอกเล่า นัยน์ตาสีนิลดุจราตรีมีประกายวาบขึ้นมา ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะปกป้องนางอย่างแน่นอน
พอได้ออกกำลังระบายอารมณ์ ดูเหมือนอาการซึมเซาของเยี่ยนเยว่ฉีจะดีขึ้นมาก แต่แล้วก็บ่นกระปอดกระแปดขึ้นมาเมื่อเกิดรู้สึกปวดแขน เยี่ยนหยางจงเห็นดังนั้นก็ใช้มือขยี้ผมน้องสาว พลางกลั้วหัวเราะกับความอ่อนหัดซ้ำยังอ่อนซ้อมของนาง
“ใครใช้ให้เจ้าขี้เกียจฝึก”
“มันเป็นกิจของผู้ชาย เยว่ฉีไม่ได้ชอบเสียหน่อย”
“เจ้าเพียงคร้านเกินไป”
“พี่ใหญ่จะแข่งปักผ้ากับข้าหรือไม่เล่า”
“นั่นมันงานของผู้หญิง”
“ก็ใช่น่ะสิเจ้าคะ เยว่ฉีเป็นสตรีย่อมต้องฝึกงานบ้านงานเรือน เรื่องขี่ม้า ยิงธนูยอดพธูที่ไหนเขาทำกัน”
“มีวิชาติดกาย…”
“ดี...กว่า...ไม่มี...” เยี่ยนเยว่ฉีทำเสียงยานล้อเลียนแทรกขึ้น
“ถูกต้อง” เยี่ยนหยางจงกลั้วหัวเราะ น้องสาวของเขาช่างขี้เล่น
“คอยดูเถิด ข้าขอแช่งให้พี่ใหญ่ต้องแต่งงานกับสตรีที่ทำอะไรพวกนี้ไม่เป็นสักอย่าง”
“ไม่มีทาง ฮูหยินของข้าต้องสวยและเก่ง พาไปขี่ม้าล่าสัตว์เป็นเพื่อนได้ ที่สำคัญรสมือของนางต้องดี พี่ไม่มีทางเลือกสตรีแบบเจ้าว่ามาเด็ดขาด”
“มิน่า อายุก็ปาเข้าไปยี่สิบสามยังหาภรรยาไม่ได้สักที ท่านเลือกมากถึงเพียงนี้ระวังไว้เถิดจะได้สตรีแบบที่เยว่ฉีว่า”
“ปากคอเราะร้าย พี่จะบอกท่านแม่ กุลสตรีอะไรกัน นี่มันภาพลวงตาชัด ๆ”
“หึ! ตกลงพวกท่านอยากให้ข้าเป็นอย่างไรกันแน่ กุลสตรีหรือหญิงที่เด็ดเดี่ยวมั่นใจไม่กลัวผู้ใด”
“ข้ารู้ว่าเจ้าดูสถานการณ์เป็นย่อมรู้จักเอาตัวรอด ใช่หรือไม่เล่า แม่จิ้งจอกน้อยของพี่” เยี่ยนหยางจงกระเซ้า น้องรองของเขาตัวติดกับเยี่ยนเยว่ฉีมาก ย่อมต้องสอนเล่ห์กลให้นางไปไม่น้อย
“จะถือว่าพี่ใหญ่กำลังชมเยว่ฉีอยู่ก็แล้วกัน” นางเอียงศีรษะจนปิ่นลายดอกโบตั๋นสั่นไหว พยายามทำหน้าตาไร้เดียงสาใส่พี่ชายคนโต
“ย่อมเป็นเช่นนั้น น้องสาวของพี่ต้องไม่ถูกผู้ใดรังแก หากออกเรือนไปก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว อนุหน้าไหนจะหาญกล้ามาเหยียบหัว เจ้าต้องจัดการสตรีเหล่านั้นจนหมอบกระแตอย่างแน่นอน”
“ท่านพี่กล่าวหนักไปแล้ว ข้าก็ไม่มีทางยิงธนูใส่พวกนางแน่”
“อืม...แต่เจ้าอาจจะทำอะไรที่ร้ายกาจมากกว่านั้น” เยี่ยนหยางจงหัวเราะเสียงดังสนั่น คิดภาพน้องสาวตัวเองกำลังทรมานผู้อื่น
เยี่ยนเยว่ฉีป้องปากหัวเราะน้อย ๆ ริมฝีปากสีแดงระเรื่อขยับขึ้นลงดูน่าหลงใหล เหล่าทหารที่ได้ยินจังหวะเสนาะหูพากันหันมามองนางอีกครา เทพธิดาช่างอยู่แสนไกล แต่เสียงใสราวกับระฆังแก้วของนางนั้นช่วยปลอบประโลมหัวใจที่แห้งแล้งให้กลับมามีชีวิตชีวา
เยี่ยนหยางจงกัดฟันจนเส้นเลือดที่ขมับปูดโปน ผู้ใต้บังคับบัญชาพวกนี้ท่าทางจะใช้การไม่ได้ หากข้าศึกส่งสาวงามมาหลอกล่อดูท่าคงต้องปราชัย สงสัยต้องฝึกพิเศษกันเสียแล้ว
รองแม้ทัพหนุ่มคำรามกึกก้องก่อนจะรีบเข้าไปบอกบทลงโทษ เมื่อเหล่าองครักษ์ทั้งหลายได้ฟังสีหน้าก็พลันซีดเผือด
ส่วนเยี่ยนเยว่ฉีไม่คิดอยู่รอดูความครื้นเครง พาร่างในอาภรณ์สีฟ้าจากไปทางเรือนพักอย่างอารมณ์ดี